ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ (Sequencing Batch Reactor; SBR) 🏟ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์เป็นระบบบำบัดน้ำเสียแบบใช้อากาศ หรือพูดง่ายๆ คือในระบบบำบัดน้ำเสียมีแหล่งที่มาของออกซิเจนละลายในน้ำค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเป็นเครื่องกลไฟฟ้าและเป็นเครื่องเติมอากาศแบบจุ่มอยู่ใต้น้ำ ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์สามารถบำบัดน้ำเสียชุมชนได้ค่ะ เพราะผู้เขียนได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ในโรงพยาบาลของรัฐบาลมาจำนวนหลายแห่งค่ะ เพราะโรงพยาบาลคือสถานที่แห่งหนึ่งในชุมชนหนึ่ง เมื่อในโรงพยาบาลมีการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ น้ำที่ปะปนด้วยของเสียเรียกว่า น้ำเสีย และเราสามารถระบุให้ลึกลงไปได้อีกว่าน้ำเสียโรงพยาบาลคือน้ำเสียชุมชน🏘โดยน้ำเสียจากชุมชนนี้มีความแตกต่างอย่างมากกับน้ำเสียจากอุตสาหกรรมและน้ำเสียจากการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นด้านกายภาพ ชีวภาพและคุณสมบัติทางด้านเคมี ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์สามารถบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดีค่ะ หากระบบถูกควบคุมและดูแลให้มีสภาวะที่เหมาะสมกับกระบวนการกำจัดของเสียในน้ำเสียที่ได้ออกแบบไว้ ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์อาศัยการทำลายของเสียในน้ำด้วยกระบวนการเลี้ยงตะกอน คำว่าตะกอนในที่นี้เราหมายถึงแบคทีเรียค่ะ🧫คนส่วนใหญ่รู้เพียงว่าแบคทีเรียเพียง 1 เซลล์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่แบคทีเรียในการจัดการน้ำเสียด้วยระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะแบคทีเรียแบบใช้อากาศนี้จะรวมตัวกันเป็นฟล็อก (Floc) ด้วยกระบวนการที่เกิดขึ้นในถังปฏิกิริยาแบบใช้อากาศภายในถังเติมอากาศค่ะ ซึระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ประกอบด้วยบ่อสูบน้ำเสียที่รวบรวมน้ำเสียก่อนเข้าระบบ ถังเติมอากาศ บ่อสัมผัสคลอรีนและลานทรายตากตะกอน หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่มีถังตกตะกอนในแบบของระบบ นี่คือความแตกต่างของระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์เมื่อเทียบกับระบบบำบัดน้ำเสียแบบอื่นๆ ค่ะ👌ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ทำให้น้ำเสียดีขึ้นได้จากการทำงานของแบคทีเรียกลุ่มที่ใช้ออกซิเจน ภายใต้สภาวะที่มีค่าความเป็นกรดและด่าง (pH) ใกล้เคียง 7 ค่าออกซิเจนละลายน้ำ (Dissloved Oxygen; DO) ไม่น้อยกว่า 2 มิลลิกรัมต่อลิตร นี่คือสภาวะเบื้องต้นพื้นฐานง่ายที่สุดในการควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ค่ะ ที่ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ ด้วยเครื่องวัดค่าพีเอชและเครื่องวัดค่าดีโอ และโดยปกติแล้วระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ถูกแนะนำให้ต้องเลี้ยงแบคทีเรียในถังไม่น้อยกว่า 300 มิลลิลิตรต่อลิตร หากมีตะกอนส่วนเกินต้องกำจัดตะกอนส่วนเกินออกด้วยการสูบไปที่ลานตากตะกอน และทำให้แห้งด้วยแสงแดด น้ำเสียจากลานตากตะกอนจะไหลซึมลงไปในทรายในลาน จากนั้นไหลเข้าสู่ท่อที่ถูกวางไว้ใต้ลานตะกอนและเชื่อมต่อไปหาบ่อสูบน้ำเสียเข้าระบบอีกครั้ง✅️เมื่อในถังเติมอากาศทำการเลี้ยงตะกอนได้ตามเวลาที่ต้องการแล้ว ผู้ดูแลระบบต้องหยุดการเติมอากาศ หลังจากนั้นจะพบว่าตะกอนแบคทีเรียจะตกตะกอนอยู่ก้นถังตามแรงโน้มถ่วงของโลก และแยกชั้นชัดเจนระหว่างน้ำกับตะกอนแบคทีเรีย หากมีตะกอนส่วนเกินต้องสูบตะกอนออกไปตาก และสูบชั้นน้ำที่บำบัดแล้วออกไปสัมผัสคลอรีนที่บ่อสัมผัสคลอรีน โดยน้ำในส่วนนี้เราเรียกว่า น้ำทิ้ง เพราะได้ผ่านการบำบัดจนมีคุณลักษณะที่สามารถปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ค่ะ เพียงแต่ว่าต้องมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้งชุมชนประเภทต่างๆ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกครั้ง🆗️ในสถานการณ์จริงๆ นั้น ดูเหมือนว่าระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์สามารถควบคุมและดูแลได้ง่ายกว่าระบบบำบัดน้ำเสียแบบติดอยู่กับที่และระบบบำบัดน้ำเสียแบบตะกอนเร่งค่ะ เพราะตัวอย่างของระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์มีค่อนข้างมากค่ะ และต่อไปนี้คือตัวอย่างของสถานที่ๆ มีระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ค่ะโรงพยาบาลหนองหาน อุดรธานีโรงพยาบาลนาด้วง จังหวัดเลยโรงพยาบาลนากลาง หนองบัวลำภูโรงพยาบาลคำตากล้า สกลนครโรงพยาบาลซำสูง ขอนแก่น โรงพยาบาลหนองวัวซอ อุดรธานีอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์จะยังพบเห็นได้มากและมองเห็นว่าสามารถได้ทำงานได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ แห่งที่ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ไม่เสถียรและไม่สามารถทำงานได้ตามปกติค่ะ โดยสาเหตุหลักๆ มาจากผู้ดูแลระบบมีความรู้ความเข้าใจไม่เพียงพอในการควบคุมระบบและไปยึดเพียงความเข้าใจที่ว่าระบบทำงานอัตโนมัติ และหลายต่อหลายคนมักพูดอีกว่า "คนใช้ระบบไม่ได้ทำ คนทำระบบไม่ได้ใช้" เพราะในกรณีของระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ที่โรงพยาบาลนั้นกระทรวงสาธารณสุขเป็นคนออกแบบให้ แต่คนควบคุมระบบที่หน้างานเป็นกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งความรู้และประสบการณ์น้อยมาก และตามมาก็คือมีปัญหาในการดูแลระบบ คุณภาพน้ำไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด ในขณะที่คนที่มาประเมินระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ก็เป็นคนในกระทรวงสาธารณสุขเอง พอระบบมีปัญหาเชื่อไหมค่ะว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถแก้ไขให้ได้ คนทำงานในโรงพยาบาลแทบจะทุกคนไม่เข้าใจการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์เลยค่ะ😲ดังนั้นในตอนหลังมาผู้ออกแบบระบบบัดน้ำเสียต้องทำการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์บางส่วนเพื่อทำให้ระบบทำงานได้ โดยจากที่ผู้เขียนได้มีประสบการณ์มานั้น เราจำเป็นต้องออกแบบหน่วยๆ หนึ่งขึ้นมา โดยเราเรียกหน่วยนี้ว่า ถังเกรอะ-กรองไร้อากาศ (Septic Anaerobic Tank) ในหน่วยนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องอยู่ก่อนส่วนของถังเติมอากาศของระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอสบีอาร์ค่ะ เพราะอย่าลืมว่าน้ำที่ขาดอากาศมักไม่เหมาะสมต่อการปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม ถึงแม้ว่าจากแนวทางการปรับปรุงระบบอาจพบว่าน้ำจากถังเกรอะ-กรองไร้อากาศจะขาดอากาศ แต่การเติมอากาศเดิมของถังเติมอากาศเดิมสามารถทำลายก๊าซที่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้และทำให้น้ำทิ้งมีคุณภาพเหมาะสมมากขึ้นต่อการปล่อยออกค่ะ โดยถังเกรอะ-กรองไร้อากาศเป็นหน่วยที่สำคัญเพราะช่วยลดปริมาณของเสียก่อนเข้าถังเติมอากาศ ทำให้การเลี้ยงตะกอนมีความเสถียรมากขี้น และในบางครั้งหากถังเกรอะ-กรองไร้อากาศมีขนาดใหญ่ยังสามารถลดภาระการเลี้ยงตะกอนลง ลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานจากเติมอากาศอีกด้วยค่ะ👍เครดิตภาพประกอบบทความภาพหน้าปก โดย Pchalisa จาก Pixabay ภาพประกอบเนื้อหาออกแบบใน Canva โดย ผู้เขียน: ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3 และภาพที่ 4ออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaบทความอื่นที่น่าสนใจรีวิว ระบบบำบัดน้ำเสียแบบตะกอนเร่ง (Activated Sludge; AS) ระบบบำบัดน้ำเสียแบบใช้อากาศรีวิว ระบบบำบัดน้ำเสียแบบติดอยู่กับที่ (Onsite Treatment) ระบบบำบัดน้ำเสียโรงพยาบาลชุมชนสารอินทรีย์ในน้ำเสียเกี่ยวข้องยังไงกับค่าบีโอดี (Biochemical Oxygen Demand; BOD) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !