หวั่นตื่นตระหนกโควิด-19 ระลอกใหม่ฉุดเม็ดเงินโฆษณาปีนี้ดิ่งต่อ หลังปี’63 ลดวูบ 7.3 หมื่นล้าน ต่ำสุดรอบ 20 ปี

หวั่นตื่นตระหนกโควิด - นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ บริษัท มีเดีย อิเทลลิเจนซ์ จำกัด หรือ เอ็มไอ (MI) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกใหม่ อาจชะลอการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาปี 2564 จากในปี 2563 อุตฯ สื่อโฆษณา ติดลบถึง 18.3% หรือมูลค่าลดลงมาอยู่ที่ 73,720 ล้านบาท นับว่าตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี และถือเป็นการตกต่ำที่เป็นประวัติศาสตร์ของอุตฯ สื่อโฆษณาของไทย

โดยที่น่าห่วง คือ การตื่นตระหนกจนเกินไป จะส่งผลกระทบทันทีในวงกว้างต่อความเชื่อมั่นในการบริโภค และการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ตลอดจนผู้ประกอบการภาคธุรกิจการหยุดใช้เงิน ซึ่งอาจกดทับและซ้ำเติมการฟื้นตัวของอุตฯ สื่อโฆษณาปี 2564 ไม่สามารถเติบโตอยู่ในแนวบวกหรืออาจติดลบต่อเนื่องได้

จากเดิมเอ็มไอคาดการณ์เม็ดเงินโฆษณาปี 2564 ภายหลังวิกฤตโควิด-19 เริ่มคลี่คลายและเห็นสัญญาณต่างๆ ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาและคาดการณ์การเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 ประกอบกับการฟื้นตัวของตลาดที่ส่งผลต่อรายได้ของไทย โดยเฉพาะ จีน ซึ่งจะเริ่มส่งผลบวกโดยตรงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการส่งออก ทำให้เอ็มไอคาดการณ์เม็ดเงินโฆษณาปี 2564 บวกได้มากกว่า 10%

เมื่อสถานการณ์โควิด-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่ ทำให้เอ็มไอได้คาดการณ์สถานการณ์ของอุตฯสื่อโฆษณาในไทยปีนี้ไว้ 3 สถานการณ์ ได้แก่ สถานการณ์เกิดการระบาดรอบ 2 ในวงจำกัด แต่สามารถควบคุม จะทำให้อุตฯ เติบโตได้ 10% มาจากสื่อทีวี 50.1% และสื่อออนไลน์ 28.1% สถานการณ์ที่ 2 เกิดการระบาดรอบ 2 ในวงกว้าง ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้บางพื้นที่ และมีการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ อุตฯ น่าจะเติบโต 5% มาจากสื่อทีวี 50.6% และสื่อออนไลน์ 29.1%

และสถานการณ์ที่ 3 เกิดการระบาดรอบ 2 ในวงกว้าง ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในหลายพื้นที่ มีการล็อกดาวน์ในหลายจังหวัด ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ (รายวัน) เพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนเริ่มตื่นตระหนกและไม่มั่นใจในสถานการณ์ อุตฯ จะเติบโต 0% ไปจนถึงติดลบต่อเนื่อง โดยมาจากสื่อทีวี 51% สื่อออนไลน์ 30% ซึ่งในช่วง 14 วันที่ผ่านมาของปีนี้ เม็ดเงินโฆษณาได้หายไปประมาณ 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หากมีการตื่นตระหนก หรือเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงจะทำให้กระทบทั้งระบบแน่นอน

“การตื่นตระหนกจนเกินไป จะเป็นปัจจัยหลักอีกหนึ่งปัจจัยที่มาซ้ำเติมให้สถานการณ์แย่กว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นการใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ติดตามข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อพยุงสถานการณ์โดยรวมให้ไม่แย่เกินความเป็นจริง ซึ่งเราพอเริ่มเห็นแสงสว่างจากการกระจายและเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในหลายประเทศ ซึ่งในประเทศหรือเมืองที่มีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้ว อัตราผู้ติดเชื้อใหม่ในเมืองนั้นๆ ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และคาดการณ์ว่าประชาชนส่วนใหญ่ของไทยจะเข้าถึงวัคซีนในช่วงเดือนพ.ค.นี้เป็นต้นไป”