ไม่ว่าใครก็อยากจะเป็นที่รักของทุกคน ทั้งการผูกมิตรไมตรีเป็น ชักชวนโน้มน้าวให้คนอื่นเข้าใจมุมองและความรู้สึกของเรา โดยยังคงให้เขาได้ประโยชน์อย่างที่ต้องการ เราคิดว่ารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แค่ยังไม่อาจควบคุมสถานการณ์ไปได้หมดเสียทุกเรื่อง เชื่อเถอะว่ายังมีบางเรื่องที่เรายังไม่เข้าใจจริง Richard Templar จะมาเปิดเผยกฎ 100 ข้อที่ว่าด้วยการเป็นที่รักครอบครองใจของมหาชน สิ่งนี้สำคัญสำหรับคนเป็นผู้นำ และแม้จะไม่ได้เป็นหัวหน้าในองค์กรก็ยังช่วยให้ครอบครัวของเราเข้าใจเรามากขึ้น เรียบเรียงโดย สมิทธิ์ เอกโชติ ความรู้ความประทับใจที่ได้ในมุมมองของครีเอเตอร์มนุษย์ทุกคนในโลกล้วนเติบโตขึ้นมาจาประสบการณ์ที่หล่อหลอม ดังนั้นเวลาที่เพื่อนร่วมงานตะคอกใส่หน้าคุณ หรือเพื่อน ๆ ทำให้คุณผิดหวัง หรือพ่อแม่ลืมวันเกิดของคุณ ก็ขอให้ระลึกไว้เถอะว่ามันเกิดจากเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งเสมอ แม้จะเป็นเหตุผลที่ไร้สาระก็ตาม ทั้งนี้ เพราะต้องการให้คุณเข้าใจเหตุผล เมื่อเข้าใจเหตุผลแล้ว ก็จะได้รับมือกับคนที่มีพฤติกรรมเชิงลบได้ง่ายขึ้น ต่อให้คุณเปลี่ยนการกระทำของเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็พอทำใจได้หากรู้เหตุผลเบื้องหลังของพฤติกรรมที่แสดงออก บ่อยครั้งที่โดนผู้เข้าร่วมประชุมหรือหัวหน้างานพูดจาไม่ดีด้วย เพียงเพราะพวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงลังเล ซึ่งทำให้คนพูดดูไม่มั่นใจในสิ่งที่พูด ดูด้อยประสบการณ์ ทำงานไม่เป็น ยิ่งประเภทที่ชอบใช้ประโยคเชิงคำถามตอนพูดจบก็ยิ่งดูเหมือนกำลังถามตัวเองอยู่ คนอื่นในที่ประชุมไม่รู้ด้วยหรอกครับว่าคนพูดพูดแบบนั้นเพราะอะไร คนฟังรู้แค่ว่าไม่รู้สึกคล้อยตามคนพูดเท่านั้นเอง ซึ่งมนุษย์คนเดียวกันนี้อาจพลิกชีวิตตัวเองจนทำให้คนอื่นปฏิบัติต่อเขาดีมาก ๆ เลยก็ได้ ถ้าเขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจและเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในเรื่องที่พูด ก่อนจะครองใจคนอื่นได้ เราต้องพูดในสิ่งที่ควรพูด ทำในสิ่งที่ควรทำ บางครั้งเราก็อาจรู้ได้เองโดยสัญชาตญาณว่าจะควบคุมสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างไร ไม่ต้องตกใจหากว่ายังทำได้ไม่ดีพอ มันเป็นสิ่งที่ค่อยๆตกตะกอน อาศัยประสบการณ์และความเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นประมาณหนึ่ง อย่าลืมว่าเราไม่สามารถเอาใจใครได้หมด ไม่อาจทำตามอย่างที่ทุกคนต้องการได้ แค่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นเบื้องต้นก็พอ จะได้รู้ว่าเราควรทำอะไรต่อไป ถ้าเราต้องการเข้าใจผู้คน (ซึ่งคือวิธีสานสัมพันธ์กับใคร ๆ ให้เกิดประโยชน์) เราต้องรู้เสมอว่าต่อให้ใครมีกิริยาท่าทางมั่นอกมั่นใจขนาดไหน ลึก ๆ แล้วก็ต้องมีความรู้สึกไม่มั่นใจซ่อนอยู่กันทั้งนั้น เราอาจไม่มีวันได้เห็น แต่มั่นใจได้เลยว่ามีอยู่แน่ ๆ ดังนั้นถ้าคนที่เราคิดจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยเกิดทำอะไรตรงข้ามกับความคาดหวังของเราขึ้นมาในบางครั้งบางครา ก็อาจเป็นเพราะลึก ๆ แล้วอีกฝ่ายแค่รู้สึกต่ำต้อยหรือประหม่าเท่านั้นเอง เวลาเกิดเรื่องทะเลาะกัน ไม่สำคัญเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดคำว่าขอโทษหรือไม่ สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่คำพูด แต่อยู่ที่ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรและกระทำตัวอย่างไรต่างหาก การยินยอมให้เขาอารมณ์เสียอย่างหนำใจ ด้วยการใช้คำพูดทำนองว่า “ฟังแล้วไม่แปลกใจว่าทำไมคุณถึงโกรธ” หรือ “ถ้าเป็นฉันก็คงอารมณ์เสียเหมือนกัน” หรือ “ไม่สงสัยเลยว่าทำไมคุณกลุ้มใจขนาดนี้”พออีกฝ่ายรู้ว่าคุณอนุญาตให้เขาแสดงความรู้สึกได้ตามที่เป็นอยู่ พวกเขาจะใจเย็นลง และคิดหาทางแก้ปัญหาได้เองครับ จากจุดนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาอาจไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ แม้แต่น้อย แค่อยากให้ความรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจมีความหมายในสายตาของคุณเท่านั้น เรามักพูดไปว่า"อย่ากังวลไปเลย” โดยคิดเองว่านั่นคือคำพูดปลอบใจ แต่คำพูดแบบนี้แปลเป็นนัยได้ว่า คุณไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายได้แสดงความรู้สึกใด ๆ หรือหากคุณไปปลอบคนที่กำลังทุกข์โศกว่า“อย่าร้องไห้เลยนะ”โสตประสาทของอีกฝ่ายจะตีความว่าคุณไม่อนุญาตให้เขาร้องไห้ โปรดรู้ไว้เถอะว่าเวลาคนเราอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ปกติจะรู้สึกสะเทือนใจได้ง่ายมาก และตีความคำพูดที่มีเจตนาปลอบใจเป็นการไม่ใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่ายไป การไปบอกใครว่าสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แบบนี้ก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวผู้พูดเลย เพราะอีกฝ่ายย่อมรู้ดีกว่าคุณว่าสถานการณ์เลวร้ายมากน้อยแค่ไหน ถ้าใครเขาเพิ่งสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปไม่ว่าจะเป็นการหย่าร้าง ตกงาน ป่วยเป็นโรคร้ายแรง แล้วคุณไปพูดเกทับเขาว่าที่ฉันเจอมาน่ะหนักหนาสาหัสกว่าเธอเยอะจะดีขึ้นแบบทันใจนั้นเรียกได้ว่าเป็นศูนย์เลย ถ้าคุณชอบใคร อีกฝ่ายเขาจะรู้ได้เองว่าคุณชอบเขา กระบวนการของความชอบจะเกิดขึ้นเองอย่างลื่นไหลโดยที่คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป แล้วบรรดาคนที่คุณไม่ชอบหน้าเขาละจะเป็นยังไงบ้าง ก็ถ้าคุณรู้สึกว่าคนเหล่านั้นทั้งแสบ ทั้งร้าย ทั้งน่ารำคาญใจจนเหลือทน ความจริงที่ต้องยอมรับก็คือ เมื่อเราไม่ชอบหน้าใคร อีกฝ่ายก็จะรู้ได้ว่าคุณไม่ชอบหน้าเขา ดังนั้นเขาจึงไม่อยากช่วยเหลืออะไรคุณ ถ้าจำเป็นต้องช่วยก็ช่วยแบบเสียมิได้ ซึ่งก็ยิ่งทำให้คุณไม่ชอบหน้าพวกเขาเข้าไปใหญ่ ถ้าคุณอยากจะซื้อใจพวกเขาให้ได้ คุณก็จำเป็นต้องหาวิธีชอบหน้าคนนิสัยดังกล่าว แม้จะทำใจยาก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ อันธพาลส่วนใหญ่จะทำตัวกร่าง กดขี่ข่มเหงทุกวิถีทาง เพื่อให้ใคร ๆ กลายเป็นเหยื่อ เพราะหลายครั้งเหยื่อจะยอมจำนนต่อคนที่มาระราน หรือพูดง่าย ๆว่าหาเรื่องก่อนได้เปรียบกว่า ยิ่งใหญ่กว่า มีอำนาจมากกว่า ควบคุมคนอื่นได้มากกว่า นั่นเพราะลึกลงไปในจิตใจแล้วคนพวกนี้รู้สึกว่าตัวเองขาดอำนาจ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการถูกข่มเหงมาก่อน รู้สึกเคว้งคว้างควบคุมตัวเองไม่ได้ หรืออาจกลัวอะไรบางอย่างอยู่ลึก ๆ ก็เป็นได้ วิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายหยุดตะโกนได้ทันใจก็คือ การรับฟัง และแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณกำลังรับฟังเขาอยู่นะ นี่คือสิ่งที่คนอารมณ์เสียอยากได้ การหยุดเพื่อรับฟังจึงเป็นเหตุเป็นผลให้อีกฝ่ายหยุดตะโกนใส่หน้าคุณ หากคุณเป็นคนขี้เกรงใจ รู้สึกผิดกับอะไรได้ง่าย หรือรู้สึกว่าตัวเอง “ควรจะ” ทำโน่นนี่ให้กับคนอื่นตลอดเวลา คุณก็เป็นเหยื่อของพวกชอบข่มขู่ทางอารมณ์ คนพวกนี้จะมีมารยาร้อยเล่มเกวียน ชอบเป่าหู ปั่นหัวยั่วอารมณ์ให้คุณอึดอัดใจกับการถูกบังคับให้เลือก ทั้งที่คุณไม่อยากทำ หรือรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำสิ่งนั้น ๆ แล้วถ้าคุณยอมทำตามเมื่อไรผู้ชนะในเกมนี้จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ก็คือคนที่มาข่มขู่คุณนั่นละ เราต้องกล้าปฏิเสธว่า “ไม่” ด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ แต่หนักแน่น หรือจะพูดทำนองดักคอไปตรง ๆ เลยว่าเรารู้ทันอีกฝ่าย ไม่ว่าสถานการณ์การข่มขู่จะรุนแรงมากน้อยเพียงใด สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องตระหนักไว้ตลอดเวลาก็คือ คุณเป็นฝ่ายถูกข่มขู่ ดังนั้นต้องสร้างอาณาเขตล้อมรอบตัวคุณให้ได้ จงปฏิเสธให้ขาด ถ้ามีใครให้คุณไปรับผิดชอบความผาสุกทางอารมณ์ของเขา จงย้อนกลับไปด้วยการบีบให้อีกฝ่ายรับผิดชอบอารมณ์ของตัวเองเสีย ทำแบบนี้ถึงจะเป็นการช่วยเยียวยาภาวะทางอารมณ์ของอีกฝ่าย และนี่คือกฎที่จะทำให้คนรัก จากให้เขาอาลัย ตายให้เขาคิดถึงจาก Richard Templar โดยไม่ต้องกดดันตัวเองที่จะต้องทำตามกฎทุกกระเบียดนิ้ว แค่ค่อยๆปรับเอาไปใช้ในชีวิตบางส่วนก็พอ เพราะบางกฎก็อาจไม่สอดคล้องกับชีวิตของเราเลยก็ได้ แต่ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจต่อการศึกษาแนวคิดจริงๆครับ เครดิตภาพภาพปก โดย wirestock จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ The Rules of Management เก่งเรื่องคน เข้มเรื่องงาน บาลานซ์เรื่องชีวิตรีวิวหนังสือ อย่าเอาใจไปติดกับอดีต อย่าโยนชีวิตไปอยู่ในอนาคต ทุ่มเทชีวิตให้กับสิ่งที่คุณเลือกรีวิวหนังสือ เธอหรือฉัน ใครกันที่ Toxic (Toxic People)รีวิวหนังสือ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด โดย คิมรันโดรีวิวหนังสือ The LAST LECTURE เดอะลาสต์เลกเชอร์เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !