8 แนวทางจัดบ้าน ในช่วงหน้าฝน เปลี่ยนบ้านปลอดสารก่อภูมิแพ้ อ่านกันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม การจัดบ้านให้ปลอดสารก่อภูมิแพ้ก็ยังไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาดทั่วไปค่ะ แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขอนามัยโดยภาพรวมที่ดีของทุกคนในบ้านที่หลายคนอาจจยังไม่รู้ เพราะในยุคที่คนเรามีโอกาสเป็นภูมิแพ้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากสภาพแวดล้อมและมลภาวะภายนอกนั้น การทำให้พื้นที่ที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันกลายเป็นเซฟโซน ที่ปราศจากสารก่อภูมิแพ้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งไม่แพ้เรื่องอื่นๆ นะคะ เพราะหลายคนอาจลืมนึกไปว่า เราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน ถ้าบ้านของเราเต็มไปด้วยไรฝุ่น เชื้อรา หรือฝุ่นละอองต่างๆ ก็เท่ากับว่าเรากำลังหายใจเอาสิ่งเหล่านี้เข้าไปสะสมในร่างกายตลอดเวลา ซึ่งนั่นอาจนำไปสู่ปัญหาด้านร่างกายเรื้อรังตามมาในภายหลังก็เป็นไปได้ทั้งนั้น และจุดที่ทำให้เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษก็คือ ปัญหาด้านสุขอนามัยที่มาแบบไม่รู้ตัวค่ะ โดยตอนนี้หลายคนก็อาจมีอาการจาม คัน หรือมีผื่นขึ้นโดยหาสาเหตุไม่เจอแล้วก็ได้ ซึ่งคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ต้นตอหนึ่งอาจซ่อนอยู่ในบ้านของเราเอง ดังนั้นการเริ่มต้นใส่ใจกับการจัดบ้านให้ปลอดสารก่อภูมิแพ้ จึงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง ที่ไม่ใช่แค่การบรรเทาอาการชั่วคราว เพราะเมื่อบ้านของเราสะอาดและปลอดภัยจากสารก่อภูมิแพ้แล้ว ทั้งกายและใจของเราก็จะดีขึ้นตามไปด้วย จึงทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุขมากขึ้นด้วยค่ะ ซึ่งต่อไปนี้คือแนวทางตกแต่งที่อยู่อาศัยของเราในช่วงหน้าฝนนี้ เพื่อลดภูมิแพ้ในอากาศนะคะ 1. เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำความสะอาดง่าย การจัดบ้านให้ปลอดสารก่อภูมิแพ้ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ โดยหัวใจสำคัญคือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำความสะอาดง่ายเป็นหลัก เพราะสารก่อภูมิแพ้ส่วนใหญ่ เช่น ไรฝุ่นและขนสัตว์ มักจะสะสมอยู่ตามซอกมุมหรือพื้นผิวที่ทำความสะอาดยาก แต่การเลือกใช้โซฟาหนังหรือผ้าที่มีผิวเรียบลื่นแทนโซฟาผ้าขนฟู ตู้ไม้หรือพลาสติกที่เช็ดง่ายแทนชั้นวางของที่เปิดโล่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วยช่วยลดการสะสมของฝุ่นได้เป็นอย่างดี ทำให้การดูแลบ้านเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก และที่สำคัญคือช่วยให้เราและคนในครอบครัวมีสุขอนามัยที่ดีขึ้นได้ในระยะยาวค่ะ 2. จัดการรองเท้าและเสื้อผ้าที่มาจากภายนอก คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การจัดบ้านให้ปลอดสารก่อภูมิแพ้ไม่ใช่แค่เรื่องของเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดการสิ่งของที่มาจากภายนอกด้วย โดยเฉพาะรองเท้าและเสื้อผ้าค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้คือตัวนำพาฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ หรือสิ่งปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมจากข้างนอกเข้ามาในบ้านโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการสร้างพื้นที่สำหรับถอดรองเท้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่เข้าบ้าน จึงเป็นวิธีที่ง่ายแต่ได้ผลดีมากนะคะ โดยอาจจะจัดมุมเล็กๆ ที่มีชั้นวางรองเท้าหรือที่แขวนเสื้อโค้ทไว้ใกล้ประตูทางเข้า เพื่อลดโอกาสที่สารก่อภูมิแพ้จะฟุ้งกระจายไปทั่วบ้าน แค่นี้ก็ช่วยให้บ้านเราเป็นพื้นที่ที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วค่ะ 3. เลือกใช้มู่ลี่หรือม่านปรับแสงแทนผ้าม่าน รู้ไหมคะว่าการจัดบ้านให้ปลอดสารก่อภูมิแพ้เป็นเรื่องที่เราทุกคนทำได้ง่ายๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของการเลือกใช้มู่ลี่ปรับแสงแทนผ้าม่าน ซึ่งถือเป็นแนวทางที่เห็นข้อดีได้อย่างชัดเจนแนวทางหนึ่ง เพราะคนส่วนมากอาจจะยังไม่รู้ว่า ผ้าม่านที่เป็นผ้าหนาๆ มักเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและไรฝุ่นชั้นดีที่ทำความสะอาดยากด้วย แต่สำหรับมู่ลี่ ไม่ว่าจะเป็นแบบอะลูมิเนียมหรือไม้เทียม เราสามารถใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่นาทีได้เลย และนอกจากจะช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ในบ้านได้แล้ว มู่ลี่ยังช่วยให้บ้านดูทันสมัยและควบคุมปริมาณแสงสว่างที่เข้ามาในห้องได้ดีกว่าด้วย ทำให้บ้านของเราไม่เพียงแต่สะอาด แต่ยังน่าอยู่และดีต่อสุขอนามัยของทุกคนในครอบครัวอีกด้วยค่ะ 4. ควบคุมความชื้นในตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของ หนึ่งในจุดสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามก็คือ การควบคุมความชื้นในตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของของตัวเองค่ะ เนื่องจากว่าความชื้นคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดเชื้อราและสิ่งสกปรกนะคะ ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ชั้นดีได้ในภายหลัง ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ดูดความชื้นหรือแม้แต่การเปิดตู้เสื้อผ้าให้อากาศถ่ายเทบ้างเป็นครั้งคราว ก็สามารถช่วยลดความชื้นได้เป็นอย่างดีแล้วค่ะ และนอกจากจะช่วยปกป้องเสื้อผ้าและของใช้ของเราจากกลิ่นอับและเชื้อราแล้ว ยังทำให้บ้านของเราเป็นพื้นที่ที่สะอาด ปลอดภัย และดีต่อสุขอนามัยของทุกคนในครอบครัวอีกด้วย 5. ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศที่เหมาะสม หลายคนอาจจะยังมองภาพไม่ออกว่า การเพิ่มพื้นที่สีเขียวก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการลดสารก่อภูมิแพ้ค่ะ ซึ่งการเลือกปลูกต้นไม้ฟอกอากาศที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความสวยงามและความสดชื่นให้กับบ้านเท่านั้น แต่ยังช่วยดูดซับสารพิษและฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ขึ้นได้อีกด้วย โดยตัวอย่างของต้นไม้ที่ผู้เขียนต้องการแนะนำนั้น เช่น ลิ้นมังกร พลูด่าง หรือยางอินเดียค่ะ เพราะต้นไม้เหล่านี้มีคุณสมบัติในการช่วยลดฝุ่นละอองและสารเคมีในอากาศได้เป็นอย่างดีนะคะ จึงทำให้สภาพแวดล้อมภายในบ้านของเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการมีต้นไม้เหล่านี้ไว้ในบ้านจึงไม่เพียงแต่เป็นเทรนด์การตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคนในครอบครัวในระยะยาวอีกด้วยค่ะ 6. วางพรมเช็ดเท้าซับน้ำ นอกจากแนวทางต่างๆ ข้างต้นแล้ว เรายังสามารถเริ่มต้นได้จากจุดเล็กๆ อย่างการเลือกใช้พรมเช็ดเท้าเพื่อซับน้ำค่ะ ซึ่งวิธีการนี้ก็ถือเป็นวิธีที่ได้ผลอีกแนวทางหนึ่ง เพราะว่าเมื่อเราเดินเข้าบ้าน พรมจะช่วยดักจับความชื้นและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดมากับรองเท้าหรือเท้าของเราเอาไว้ จึงทำให้พื้นบ้านไม่เปียกชื้นจนเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ซึ่งเป็นหนึ่งในสารก่อภูมิแพ้ที่อันตรายนะคะ นอกจากนี้ยังช่วยให้บ้านสะอาดและปลอดภัยจากสิ่งปนเปื้อนแล้ว ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการลื่นล้มได้อีกด้วย ดังนั้นการมีพรมเช็ดเท้าที่ทำจากวัสดุซับน้ำดีๆ สักผืนไว้หน้าประตู จึงเป็นการลงทุนเล็กๆ ที่คุ้มค่าและดีต่อสุขอนามัยของทุกคนในบ้านได้ค่ะ 7. จำกัดการใช้พรมปูพื้น หนึ่งในข้อแนะนำที่สำคัญที่หลายคนอาจมองภาพไม่ออก คือ การจำกัดการใช้พรมและพรมปูพื้นภายในบ้านค่ะ เพราะพรมเป็นแหล่งสะสมชั้นดีของฝุ่น ไรฝุ่น และสิ่งสกปรดต่างๆ ที่มองไม่เห็น แม้จะดูดฝุ่นบ่อยแค่ไหนก็อาจทำความสะอาดได้ไม่หมดจดนะคะ ในขณะที่การเลือกใช้พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง หรือพื้นลามิเนตแทน จะช่วยให้เราทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นมากกว่า ที่ในบางครั้งเพียงแค่กวาดหรือเช็ดถูเป็นประจำก็สามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้ได้เกือบทั้งหมดแล้ว และนอกจากจะช่วยให้บ้านดูโล่งและสบายตาแล้ว ยังดีต่อสุขอนามัยของทุกคนในบ้านในระยะยาวอีกด้วยค่ะ 8. ใช้กล่องหรือภาชนะที่ปิดสนิทในการจัดเก็บสิ่งของ หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่า การใช้กล่องหรือภาชนะที่ปิดสนิทในการจัดเก็บสิ่งของสามารถช่วยได้ ซึ่งคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า วิธีนี้สามารถช่วยลดโอกาสที่ฝุ่นละอองและไรฝุ่นจะเข้าไปสะสมในข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของเล่น หรือเอกสารสำคัญต่างๆ ก็ตาม การเลือกใช้กล่องพลาสติกที่มีฝาปิดแน่นหนา จะช่วยให้ของใช้ของเราสะอาดอยู่เสมอได้ง่ายขึ้นนะคะ และยังช่วยให้การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นด้วย เพราะเราไม่ต้องคอยปัดฝุ่นตามสิ่งของมากมายอีกต่อไป การจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบด้วยวิธีนี้จึงไม่เพียงแต่ทำให้บ้านดูเรียบร้อยเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้บ้านของเราเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและดีต่อสุขอนามัยของทุกคนในครอบครัวได้อย่างยั่งยืนอีกด้วยค่ะ ก็จบแล้วค่ะ กับแนวทางจัดบ้านในช่วงหน้าฝนนี้ เพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศนะคะ จะเห็นได้ว่ามีหลายมากที่เราสามารถทำได้ โดยบางอย่างก็สามารถทำได้เลยทันที อย่างไรก็ตามการจัดบ้านให้ปลอดสารก่อภูมิแพ้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำทุกอย่างพร้อมกันในคราวเดียวจนกลายเป็นภาระค่ะ เพราะในความเป็นจริงการค่อยๆ เริ่มทีละเล็กทีละน้อยนั้น มีความยั่งยืนและทำได้ง่ายกว่ามากๆ โดยสิ่งสำคัญของประเด็นนี้คือการทำความเข้าใจว่า อะไรคือแหล่งสะสมสารก่อภูมิแพ้หลักในบ้านเราก่อนค่ะ จากนั้นให้ค่อยๆ ทยอยจัดการไปทีละจุด เช่น ถ้าที่บ้านมีพรมเยอะ ก็เริ่มจากการจำกัดการใช้พรมในพื้นที่ที่ใช้งานบ่อยก่อน หรือถ้ามีสัตว์เลี้ยง ก็ให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงอยู่เป็นประจำ ซึ่งการเริ่มต้นแบบนี้จะช่วยให้เราไม่รู้สึกท้อแท้ และยังสามารถรักษาวินัยในการดูแลบ้านได้อย่างต่อเนื่องได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ ดังนั้นหากจะให้เริ่มต้นแบบง่ายๆ และไม่เป็นภาระจนเกินไป ผู้เขียนแนะนำว่าให้เริ่มจากห้องนอนก่อนเป็นอันดับแรกนะคะ เพราะเราใช้เวลาอยู่ในห้องนอนถึงหนึ่งในสามของวันเลย ซึ่งการให้ความสำคัญกับการดูแลเครื่องนอน เช่น หมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอนให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงการเลือกใช้มู่ลี่แทนผ้าม่านในห้อง หรือการจำกัดการนำสิ่งของจากภายนอกเข้าไปในห้องนอน จะช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ได้มากที่สุดค่ะ และเมื่อเรานอนหลับได้เต็มอิ่มขึ้น สุขอนามัยและความเป็นอยู่โดยรวมก็จะดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้เรามีกำลังใจที่จะจัดการส่วนอื่นๆ ของบ้านต่อไปนะคะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็ได้ทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ โดยที่นี่บ้านปูพื้นด้วยกระเบื้อง ส่วนที่ครัวด้านหลังปูด้วยเสื้อน้ำมันบางส่วน โดยในบ้านไม่มีพรมปูพื้น พื้นที่ส่วนรับแขกมีเพียงเฟอร์นิเจอร์และโต๊ะกลางที่ทำจากไม้เท่รนั้น ที่มีพื้นด้านบนเป็นกระจกค่ะ สำหรับพรมเช็ดเท้าเพื่อซับน้ำมีค่ะ และเพิ่งเปลี่ยนใหม่ทั้งบ้าน จากที่พรมที่เคยใช้สภาพไม่ค่อยดีแล้ว ซึ่งการเปิดบ้านรับแสงแดดและการเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อระบายอากาศนั้น ผู้เขียนทำเหล่านี้ประจำอยู่แล้วนะคะ ที่พอเรื่องการจัดการบ้านเพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ผู้เขียนมองภาพไม่ออกค่ะ และถึงแม้ว่าโดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนจะไม่ได้เป็นคนที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศก็ตาม แต่ผู้เขียนยังได้ให้ความสำคัญกับการจัดการและตกแต่งภายในบ้านค่ะ เพื่อให้มีส่วนช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศนะคะ เพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราสามารถคุกคามต่อสุขอนามัยของคนเราได้ตลอดเวลา หากในตอนนั้นมีปัจจัยเสี่ยงนะคะ และนั่นเป็นเหตุผลว่าการจัดบ้านในช่วงหน้าฝนก็สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ในชีวิตของเรา ยังไงนั้นคุณผู้อ่านก็อย่าลืมนำแนวทางต่างๆ ข้างต้นไปปรับใช่กันค่ะ ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ #จัดบ้านหน้าฝน #ภูมิแพ้อากาศ #อนามัยสิ่งแวดล้อม #AllergyRelief เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Lotus Design N Print จาก Unsplash และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Steve Johnson จาก Unsplash, ภาพที่ 2-3 โดยผู้เขียน และภาพที่ 4 โดย Claudio Schwarz จาก Unsplash เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 วิธีลดความชื้นภายในบ้าน เพื่อป้องกันสารก่อภูมิแพ้ ทำยังไง วิธีดูแลตัวเอง รับมือสารก่อภูมิแพ้หน้าฝน วันอานันทมหิดล 11 วิธีลดผลกระทบจากสารเคมีในบ้าน สร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !