'บิ๊กป้อม' ถก กนภ. ไฟเขียวโครงการรถโดยสารประจําทางไฟฟ้า ลดมลพิษ เพื่อสุขภาพที่ดี ปชช.

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบาย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่ 2/2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทําหน้าที่ รองประธานกรรมการคนที่ 1
ทั้งนี้ที่ประชุมมีการพิจารณาเรื่องที่สําคัญในการขับเคลื่อนการดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ดังนี้ มีมติเห็นชอบต่อรายละเอียดการดําเนินงาน โครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจําทางสาธารณะของภาคเอกชน เป็นรถโดยสารประจําทางไฟฟ้า (รถร่วมบริการ) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (SHIFT Program Activity: “Operation of e-buses on privately owned, scheduled public bus routes in the Bangkok Metropolitan area by Energy Absolute”) และมอบหมายให้ ทส. นํารายละเอียดการดําเนินงานของโครงการดังกล่าว เสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนต่อไป โดยโครงการดังกล่าว จะสนับสนุนการลดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ประมาณ 500,000 ตันคาร์บอนออกไซด์เทียบเท่า ตลอดอายุโครงการ 10 ปี และช่วยลด มลพิษฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคขนส่ง ก่อให้เกิดการลงทุนในธุรกิจการผลิต รถไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในประเทศ ประมาณ 8,500 ล้านบาท และกระตุ้นให้เกิดการนํารถยนต์สาธารณะไฟฟ้ามาใช้ ในประเทศได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้คณะกรรมการฯ มีมติรับทราบ ความคืบหน้า (1) การดําเนินโครงการกลไกเครดิตร่วม Joint Crediting Mechanism (JCM) ภายใต้ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น โดยปัจจุบัน มีโครงการที่ได้รับการรับรอง ปริมาณคาร์บอนเครดิต จํานวน 5 โครงการ คิดเป็น 4,032 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ก่อให้เกิดการลงทุน ภายใต้กลไกดังกล่าว ประมาณ 487 ล้านบาท (2) การบูรณาการความร่วมมือในการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ เพื่อประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: มาตรการทดแทนปูนเม็ด โดยหน่วยร่วม ดําเนินการ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาชีพ และภาคการศึกษา จํานวน 25 หน่วยงาน ได้ร่วมกันประกาศ “MISSION 2023” เพื่อบรรลุเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี พ.ศ. 2566 จากการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก หรือ “ปูนลดโลกร้อน” ในการก่อสร้างมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และ (3) การปรับปรุงยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศและเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้ NDC ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนําผลการศึกษาเบื้องต้น นําเสนอในการประชุมรับฟังความคิดเห็นกลุ่มย่อย และการรับฟังความคิดเห็นระดับประเทศ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ผลการประชุมในวันนี้ขอให้ฝ่ายเลขาฯ นำข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการไปสรุป และจัดทำรายงานการประชุม ต่อไปสำหรับมติคณะกรรมการ ขอให้มีการติดตามและรายงานผลการดำเนินงาน ให้ที่ประชุมทราบอย่างสม่ำเสมอ