คลัสเตอร์แคมป์คนงาน ติดโควิด 17 เหตุฝ่าฝืนปาร์ตี้ โดนให้ออกจากงาน

คลัสเตอร์แคมป์ก่อสร้างสมุทรปราการ ฝ่าฝืนไปสังสรรค์พื้นที่เสี่ยง อยู่อย่างแออัด ทำติดเชื้อกระจาย 17 คน เสี่ยงสูง 627 ราย อยู่หอพักบางแค 14 ราย ยันคุมสถานการณ์ได้

วันที่ 21 มี.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อกลุ่มก้อนแคมป์คนงานก่อสร้าง จ.สมุทรปราการ จำนวน 17 ราย โดยรายแรกเป็นหญิงกัมพูชาอายุ 29 ปี ไปตรวจหาเชื้อเพื่อต่ออายุทำงาน จึงสอบสวนโรคและตรวจแคมป์คนงานสุขุมวิท 117 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ วันที่ 18 มี.ค. พบติดเชื้อ 15 ราย และวันที่ 19 มี.ค. พบอีก 1 ราย

แบ่งเป็นคนไทย 4 คน กัมพูชา 10 คน และพม่า 2 คน ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 627 ราย แบ่งเป็นแคมป์คนงานสุมขุมวิท 117 จำนวน 584 ราย หอพักบางแค 14 ราย และ HR วิศวกร 29 ราย ทั้งหมดผลเป็นลบ เหลือกลุ่มวิศวกรรอผลตรวจ 6 ราย ตากนั้นมีการค้นหาเชิงรุกในชุมชนและแคมป์คนงานที่เกี่ยวเนื่องกันเพิ่มเติม โดยวันที่ 19 มี.ค. ตรวจจำนวน 593 ราย ผลพบติดเชื้อเพิ่มเติม 6 ราย

"ปัจจัยเสี่ยงคือ ไซต์คนงานค่อนข้างแออัด ใช้สิ่งของร่วมกัน ทั้งห้องสุขา ห้องอาบน้ำรวม พนักงานบางคนฝ่าฝืนมาตรการบริษัทไปสังสรรค์ในพื้นที่เสี่ยง เมื่อติดเชื้อไม่มีอาการเข้ามาทำให้มีการติดกันในแคมป์ต่อไป บริษัทจึงมีการดำเนินการลงโทษ การสอบสวนควบคุมโรคจากนี้จะลงไปติดตามในแคมป์คนงานอื่นๆ เพิ่มเติมว่า สภาพอะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงต้องแก้ไขอย่างไร

รวมถึงเฝ้าระวังเชิงรุกในบางจุดมากขึ้น แต่ภาพรวมถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าถ้าจะเจอผู้ป่วย จะเจอแบบกระจัดกระจายไม่เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ ความระมัดระวังและความร่วมมือขององค์กรและบริษัทมีความสำคัญมาก หากหละหลวมหย่อนยานจะทำให้มีความเสี่ยงการติดเชื้อ ซึ่งการระบาดในระลอกใหม่ข้อสังเกตคือมักไม่มีอาการ จึงต้องไม่ประมาท โดยใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ไม่อยู่ในพื้นที่แออัด" นพ.โอภาสกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเอกสารการสอบสวนโรค พบว่าพนักงานที่ฝ่าฝืนมาตรการบริษัทไปสังสรรค์ในพื้นที่เสี่ยงนั้นทางบริษัทได้ให้กลุ่มดังกล่าวออกจากงาน โดยมี 1 ราย ตรวจพบการติดเชื้อ

นพ.โอภาสกล่าวว่า ส่วนกรณีตลาดย่านบางแคถือว่าพบการติดเชื้อในช่วงเริ่มต้น ทำให้ไม่มีการกระจายออกไปจำนวนมาก จากการตรวจเชิงรุกในตลาด 4,315 คน พบติดเชื้อ 309 ราย คิดเป็น 8.32% แต่จากการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชนด้วยรถตรวจเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน จำนวน 6,293 คน พบติดเชื้อ 26 ราย คิดเป็น 0.6% และตรวจเชิงรุกในชุมชนใกล้เคียง 4,886 คน พบติดเชื้อ 49 ราย คิดเป็น 1.08% ถือว่าติดเชื้อไม่มาก นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่การรักษา กักตัวและตรวจเชื้อผู้สัมผัสเสี่ยงสูง

นอกจากนี้ มีการปิดตลาดปรับปรุงสุขาภิบาล ฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ผู้ค้าและแรงงาน 3 พันกว่าราย และออกบัตรรับรองผลการตรวจโควิดผู้ค้าและคนงานก่อนอนุญาตให้เข้าตลาด ทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้ถือว่าเร็วกว่ากรณีตลาดพรพัฒน์ แต่จะค้นหาผู้ป่วย ปรับปรุงตลาด และเฝ้าระวังในสถานพยาบาลอีก 1-2 สัปดาห์

นพ.โอภาสกล่าวว่า การจัดส่งวัคซีนโควิด 19 ของซิโนแวครอบแรก 13 จังหวัดรวม 116,520 โดส วันที่ 17 มี.ค.ส่งให้ กทม.เพิ่ม 12,000 โดส สมุทรสาคร 34,920 โดส และวันที่ 19 มี.ค.ให้ กทม.เพิ่ม 14,640 โดส เพื่อเร่งควบคุมสถานการณ์ โดยรวมส่งวัคซีนทั้งหมด 178,080 โดส ส่วนของแอสตร้าเซนเนก้า ส่งให้สมุทรสาคร 1 หมื่นโดส นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ จังหวัดละ 5 พันโดส รวม 25,000 โดส

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 20 มี.ค. 2564 รวม 69,927 ราย หากรวมกับการออกหน่วยฉีดวัคซีนในชุมชนที่ตลาดบางแค ถือว่าฉีดเกินกว่า 7 หมื่นรายแล้ว ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง เกือบทุกจังหวัดฉีดได้ตามเป้าหมาย 100% รวมสมุทรสาคร เหลือ กทม.ที่ฉีดได้ 20% มีการปรับแผนออกหน่วยฉีดวัคซีนเชิงรุกเพื่อควบคุมสถานการณ์ คาดว่าจะมีการฉีดวัคซีนได้จำนวนเพิ่มมากขึ้นหลังมีส่งวัคซีนให้เพิ่มเติม

ส่วนวัคซีนซิโนแวคล็อตใหม่อีก 8 แสนโดส ถือว่าเป็นไปตามแผน โดยองค์การเภสัชกรรมในฐานะผู้นำเข้าได้ตรวจสอบเอกสาร ทั้งความปลอดภัยและคุณภาพการผลิตของโรงงาน จากนั้นส่งวัคซีนไปทดสอบในห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะกระจายวัคซีนไปฉีดประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เป้าหมายที่วางแผนไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีคัลสเตอร์แคมป์คนงานพบกลุ่มเสี่ยงสูงที่หอพักบางแค ถือว่ามีความเชื่อมโยงกับตลาดย่านบางแคหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสายพันธุ์ว่ามีการติดเชื้อเชื่อมโยงกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเชื้อที่พบในไทยมีความหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ที่พบเป็นสายพันธุ์ที่มาจากพม่า ที่รับมาจากอินเดียอีกทอดหนึ่ง อย่างไรก็ตามคลัสเตอร์นี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายวันมานี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกขยับขึ้นเกิน 5 แสนต่อวัน ทั้งที่หลายประเทศฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก นพ.โอภาส กล่าวว่า หลายประเทศการ์ดตก จนต้องกลับมาล็อกดาวน์ประเทศเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นต้องย้ำเตือนถึงคนไทยด้วยว่าถึงแม้จะฉีดวัคซีนแล้ว แต่กว่าภูมิจะขึ้นต้องใช้เวลา จึงต้องคงมาตรการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ เลี่ยงไปสถานที่เสี่ยง ซึ่งไทยยังทำได้ดีจนเป็นตัวอย่างให้หลายๆ ประเทศต้องเดินตามแล้ว ขอให้คงมาตรการนี้เอาไว้