คำพูดดูถูกของคนอื่นมักเปลี่ยนนิสัยคน ๆ หนึ่งได้ ประโยคนี้เป็นความจริงสำหรับใครหลายคน เพราะมันเป็นแรงกระตุ้นชั้นดี ในการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงหรือสรรค์สร้าง เพื่อลบคำสบประมาทนั้น ๆ เพราะการทำอะไรด้วย Passion มักจะประสบความสำเร็จเสมอ ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติก็ตาม อย่างกรณีหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การกำเนิดของรถยนต์สายพันธุ์แรง Lamborghini ใครจะรู้ว่ามันเกิดมาจากคำดูถูกแค่ประโยคเดียวการกำเนิดของรถยนต์ซูเปอร์คาร์ Lamborghini นั้นมันเริ่มมาจากชายที่ชื่อ Ferruccio Lamborghini เจ้าของธุรกิจโรงงานทางด้านรถไถเพื่อการเกษตร แน่นอนว่าสินค้าหลักของเขาคือรถไถและเครื่องยนต์กลไกเกี่ยวกับเกษตรกรรม เนื่องจากครอบครัวได้ส่งเขาไปศึกษาเกี่ยวกับเครื่องจักรกล พร้อมกับดัดแปลงเครื่องยนต์กลไกใช้งานบนรถไถจนประสบความสำเร็จที่มารูปภาพ: Ri Butov จาก Pixabayฟังดูแล้วเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับรถซูเปอร์คาร์เลย แต่มันก็มีความเกี่ยวโยงกันเมื่อคุณเจ้าของโรงงานซื้อรถ Ferrari มาขับเป็นการส่วนตัวและบังเอิญว่าตัวรถมีข้อบกพร่องหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องคลัทช์ที่มีปัญหาอยู่บ่อย ๆ จนต้องเขาศูนย์ซ่อมเป็นประจำแม้ว่าเขาจะนำรถคันดังกล่าวไปซ่อมแซม เมื่อกลับมาใช้ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังคงเจอปัญหาเดิมในเรื่องของระบบคลัทช์ ด้วยเหตุนี้ความที่เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไก ย่อมจะพอรู้จักเจ้าของแบรนด์ม้าลำพองอย่างคุณ Enzo Ferrari อยู่บ้าง ดังนั้นเขาเลยถามตรง ๆ พร้อมกับชี้แจงปัญหารถที่เกิดขึ้น แทนที่จะได้รับคำขอบคุณในการชี้แนะ กลับได้คำพูดที่จะทำให้ Ferrari มีคู่ปรับตลอดกาล"ชาวไร่อย่างนายไม่รู้จักวิธีขับรถระดับนี้มากกว่า ดังนั้นอย่ามาพูดในแง่ร้ายกับรถของฉันดีกว่า"จากคำพูดนี้ก็ทำให้ Lamborghini เก็บเอาไปคิดเป็นแรงกระตุ้นผลักดันตัวเอง บวกกับความหลงไหลในรถสปอร์ตว่าจะต้องทำรถยนต์ให้ดีกว่า Ferrari ให้ได้ โดยยึดหลักการทำรถที่ต้องดีกว่า แรงกว่า เอาใจใส่ลูกค้ามากกว่า จากนั้นไม่นานนัก Lamborghini ก็ได้เปิดตัวรถคันแรกในชื่อ Lamborghini 350GTV (ใช้นามสกุลของเขาเองเป็นชื่อยี่ห้อ) ซึ่งทำยอดขายได้ในหลักสิบกว่าคัน นั่นก็ทำให้เขาพอใจแล้วแต่ถึงอย่างนั้นความทะเยอทะยานยังไม่สิ้นสุด Lamborghini ก็ได้พัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาประชันกับ Ferrari เรื่อยมา โดยจุดเด่นของรถจะอยู่ที่เครื่องยนต์ V12 วางกลาง ประตูปีกนก ดีไซน์รถที่ดุดันมีมัดกล้ามราวกับกระทิง ซึ่งเหตุที่เป็นกระทิงเพราะเจ้าของเกิดราศี พฤษภ (วัว) งานภายในที่ปราณีตโอ่อ่า แม้จะไม่ดิบเถื่อนเท่า Ferrari แต่ก็ใส่ใจในเรื่องอุปกรณ์ ความสะดวกสบายที่มีมาให้เยอะกว่าอีกฝั่งที่มารูปภาพ: Toby Parsons จาก Pixabayในด้านมอเตอร์สปอร์ต ทาง Lamborghini ที่ไม่มีทีมซัพพอร์ตหรือไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงเหมือนอย่าง Ferrari ที่มีทีมแข่ง F1 ของตัวเองและมีงบสำหรับมอเจอร์สปอร์ตเต็มที่ ดังนั้นทางที่เป็นไปได้สำหรับแบรนด์กระทิงดุก็จะเป็นซัพพลายเออร์นำเครื่องยนต์ V12 ที่น่าภาคภูมิใจใส่ในทีมแข่ง F1 ของ Lotus แทน ถึงแม้ว่าผลงานจะไม่ได้ดีมากนัก มันก็ทำให้โลกมอเตอร์สปอร์ตรู้ถึงพละกำลังของเครื่องยนต์ตัวนี้ดีอย่างไรก็ตามในปัจจุบัน Lamborghini ก็มีชื่อเสียงในด้านมอเตอร์สปอร์ตในรายการแข่งตระกูล GT อยู่บ่อยครั้งจากอดีตจนถึงปัจจุบัน Lamborghini ยังคงเดินหน้าผลิตรถระดับซูเปอร์คาร์ออกมาอยู่เนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Aventador, Huracan หรือรุ่นรถแบบ Limited สำหรับลูกค้าคนพิเศษเช่น Reventon, Sian FKP 37, Centenario พร้อมกับมีศูนย์บริการที่ซัพพอร์ตลูกค้าเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นทีมช่างที่เชี่ยวชาญหรือการรับรองแขกที่หรูหรา ซึ่งในกรุงเทพก็มีศูนย์รองรับอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิตครับจะเห็นได้ว่าการทุ่มเทอะไรบางอย่างโดยมีแรงกระตุ้น มักจะได้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามเสมอ ถึงจะมีอุปสรรคเข้ามาบ้างไม่ว่าจะเป็นวิกฤติน้ำมัน ความนิยมรถสปอร์ตที่ไม่สู้ดีจนต้องขายกิจการให้บริษัทอื่น แต่ Ferrucio Lamborghini คนนี้ก็ไม่เคยย่อท้อ ยิ่งด้วยคำปรามาสจาก Enzo Ferrari ก็ยิ่งทำให้เขาผลิตรถที่ตอบโจทย์ลูกค้าออกมามากมายที่มารูปภาพ: lbrownstone จาก Pixabay ที่มารูปภาพ: Oleksandr Pyrohov จาก Pixabayขณะเดียวกันหากมองที่มุมของ Ferrari ถึงจะมีรถออกมาน้อยรุ่นกว่าแต่ด้วยงานสร้างที่เหมือนเป็นงานศิลปะที่แฝงความดิบดุเอาไว้ ทำให้รถแต่ละรุ่นที่เปิดตัวมักถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง ในส่วนของความโอหังลำพองของเจ้าของนั้น ถึงจะเป็นแรงกระตุ้นในการทำงานที่ดีแต่มันก็เป็นดาบสองคมที่แว้งกัดตัวเขาเองได้ อย่างเคส Lamborghini ที่เขาต้องเจอคู่แข่งและการพ่ายแพ้ให้กับ Ford ในศึก Le Mans 24 Hoursสรุปแล้วนอกจากทั้งศึกชัยในเรื่องรถ ก็ยังได้เห็นได้แง่คิดในการทำงานบริหารไปด้วยว่าควรจะมีใจสู้และความหลงไหล ถึงจะก้าวสู่ความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะเป็น Lamborghini ก็ดีที่ไต่เต้าจากเจ้าของธุรกิจรถไถขนาดย่อม สู่เข้าของรถแรงราคาหลักหลายล้านบาท จะเป็น Ferrari ก็ดีกับความทะนงตน งานสร้างรถที่เหมือนงานศิลป์ รวมถึงความคลั่งไคล้อย่างทุ่มสุดตัวในวงการมอเตอร์สปอร์ต"แม้รถของพวกเขาเราอาจจับต้องไม่ได้แต่สิ่งที่ได้ก็คือแนวคิดการทำงานของพวกเขานั่นเองครับ!"ที่มารูปภาพปก: Rafael Javier จาก Pixabay