Final Fantasy VI (หรือ FF6) บนเครื่อง Super Nintendo Entertainment System (SNES) ไม่ใช่แค่เกม แต่มันคือผลงานศิลปะที่หล่อหลอมความทรงจำวัยเด็กของใครหลายคน ตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น จำได้ว่าสมัยนั้นต้องไปเช่าตลับเกมจากร้าน แล้วก็หมกตัวเล่นอยู่หน้าจอทีวีทั้งวันทั้งคืน โลกแห่งเวทมนตร์ ดนตรีประกอบสุดอลังการ และเรื่องราวอันเข้มข้นของ FF6 ดึงดูดผมเข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ จนถึงทุกวันนี้ FF6 ก็ยังคงเป็นเกมที่ผมหยิบมาเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทุกครั้งที่ได้กลับไปสัมผัส ความรู้สึกตื่นเต้น ประทับใจ ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในรีวิวนี้ ผมจะพาคุณย้อนเวลากลับไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของ FF6 บน SNES อีกครั้ง โดยจะเจาะลึกในทุกแง่มุม ตั้งแต่กราฟิก ดนตรีประกอบ ระบบการเล่น ไปจนถึงตัวละครและเนื้อเรื่อง พร้อมทั้งถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึกส่วนตัวที่ผมมีต่อเกมระดับตำนานเกมนี้ แน่นอนว่าจะไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำกับการผจญภัยในแบบของคุณเอง กราฟิกพิกเซลที่งดงามเหนือกาลเวลา แม้จะผ่านมากว่า 25 ปีแล้ว แต่กราฟิกแบบ 16-bit ของ FF6 ก็ยังคงความงดงาม รายละเอียดของฉาก ตัวละคร และเอฟเฟกต์ต่างๆ ล้วนถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โลกในเกมเต็มไปด้วยสีสันสดใส ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่คึกคัก ป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ หรือดันเจี้ยนสุดลึกลับ ทุกอย่างล้วนมีชีวิตชีวา ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ แค่ได้เดินสำรวจฉากต่างๆในเกมก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจแล้ว โดยเฉพาะฉากต่อสู้กับบอส ที่อลังการงานสร้าง เอฟเฟกต์เวทมนตร์ตระการตา ทำให้ผมแทบลืมหายใจ ดนตรีประกอบที่ติดหูและทรงพลัง ดนตรีประกอบของ FF6 ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกมนี้สมบูรณ์แบบ โนบุโอะ อุเอมัตสึ นักประพันธ์เพลงชื่อดัง ได้รังสรรค์บทเพลงอันไพเราะ ทรงพลัง และเข้ากับบรรยากาศของเกมได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเพลงธีมหลักที่ปลุกเร้าอารมณ์ เพลงในเมืองที่ฟังสบายๆ หรือเพลงเศร้าเคล้าน้ำตา ทุกเพลงล้วนฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของผม ผมชอบเปิดเพลงประกอบ FF6 ฟังเวลาอ่านหนังสือ หรือทำงาน มันช่วยสร้างบรรยากาศ และทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้น ระบบการเล่นที่หลากหลายและท้าทาย FF6 มีระบบการเล่นแบบ RPG Turn-based ที่เข้าใจง่าย แต่แฝงไปด้วยความลุ่มลึก ตัวละครแต่ละตัวมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว ที่เรียกว่า "Esper" ซึ่งทำให้การต่อสู้มีความหลากหลาย และต้องใช้กลยุทธ์มากขึ้น นอกจากนี้ เกมยังมีระบบ "Relic" ที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับตัวละคร และ "Blitz" ท่าไม้ตายสุดเท่ของ Sabin ที่ต้องกดปุ่มตามจังหวะ ผมจำได้ว่าตอนเล่นครั้งแรก กว่าจะใช้ Blitz ได้คล่อง ก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่พอใช้ได้แล้ว ก็รู้สึกสะใจมาก ตัวละครที่น่าจดจำและมีมิติ สิ่งที่ผมชอบที่สุดใน FF6 คือตัวละคร ตัวละครแต่ละตัวมีบุคลิก ภูมิหลัง และเป้าหมายที่แตกต่างกัน ทำให้รู้สึกผูกพัน และอยากเอาใจช่วย Terra หญิงสาวผู้สูญเสียความทรงจำ Locke หัวขโมยจอมกะล่อน Edgar กษัตริย์แห่ง Figaro และ Celes อดีตแม่ทัพจักรวรรดิ ล้วนเป็นตัวละครที่ผมประทับใจ การเดินทางร่วมกัน การต่อสู้ และเรื่องราวความรักความผูกพันของพวกเขา ทำให้ผมรู้สึกอิน และลุ้นไปกับชะตากรรมของพวกเขาตลอดทั้งเกม เนื้อเรื่องที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความหมาย เนื้อเรื่องของ FF6 พูดถึงสงคราม การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และการเสียสละ แต่ในขณะเดียวกัน ก็สอดแทรกประเด็นเกี่ยวกับมิตรภาพ ความรัก และความหวัง เอาไว้ได้อย่างลงตัว ผมชอบที่เกมนี้ไม่ได้แบ่งแยกฝ่ายดี ฝ่ายร้าย อย่างชัดเจน ตัวละครแต่ละตัว มีเหตุผล และแรงจูงใจในการกระทำของตัวเอง ทำให้เนื้อเรื่องมีความซับซ้อน และน่าติดตาม ผมจำได้ว่าตอนเล่นจบครั้งแรก รู้สึกใจหาย และคิดถึงตัวละครทุกคนมาก ประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน อืม... พูดถึงประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนใน FF6 นี่มันเยอะมากจริงๆนะ มันเหมือนกับว่าตัวผมเองได้เข้าไปอยู่ในโลกของเกมจริงๆ ร่วมเดินทางผจญภัยไปกับตัวละครทุกคน หัวเราะไปกับมุกตลกของ Locke ลุ้นระทึกไปกับการต่อสู้ บางครั้งก็แอบน้ำตาซึมไปกับเรื่องราวความสูญเสียของตัวละคร ผมจำได้แม่นเลยว่าตอนที่ได้เล่นครั้งแรก ความรู้สึกมันตื่นเต้นมาก เปิดเกมมาเจอฉาก Intro ที่ Kefka บุกเข้าไปใน Narshe พร้อมกับทหาร Magitek Armor ตามล่าตัว Terra ฉากนั้นมันทั้งอลังการ ทั้งลึกลับ ทำให้ผมอยากรู้มากๆว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป แล้วพอได้เริ่มเล่นจริงๆ ก็ยิ่งอินเข้าไปใหญ่ การได้ควบคุมตัวละคร เดินสำรวจโลกกว้าง ต่อสู้กับมอนสเตอร์ มันสนุกจนวางจอยไม่ลงเลยล่ะ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเก็บเลเวล หาไอเท็ม และทำเควสย่อยต่างๆ ซึ่งแต่ละเควสก็มีเรื่องราว มีปริศนา ให้เราได้ค้นหา ผมชอบไปคุยกับ NPC ในเมืองต่างๆ บางคนก็ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ บางคนก็มีเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจ มันทำให้ผมรู้สึกว่าโลกในเกมนี้มันมีชีวิตชีวาจริงๆ ส่วนการต่อสู้กับบอสแต่ละตัว ก็เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้น และท้าทายมาก ผมต้องวางแผน เลือกใช้คำสั่ง และ Esper ให้เหมาะสม บางครั้งก็ต้องลองผิดลองถูก ตายแล้วตายอีก กว่าจะผ่านไปได้ แต่พอชนะได้แล้ว ความรู้สึกมันฟินสุดๆไปเลย เหมือนกับว่าตัวเองได้เอาชนะอุปสรรคครั้งใหญ่ไปได้ นอกจากนี้ ผมยังประทับใจกับฉากต่างๆในเกม ไม่ว่าจะเป็นฉากโอเปร่า ฉากงานเลี้ยง ฉากหนีออกจากคุก หรือฉากต่อสู้บนรถไฟ ทุกฉากล้วนถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน มีรายละเอียดเยอะมาก ดนตรีประกอบก็เพราะ ช่วยเสริมอารมณ์ให้กับฉากนั้นๆได้เป็นอย่างดี และที่ขาดไม่ได้เลย คือฉากจบของเกม ซึ่งเป็นอะไรที่ Epic มากๆ ผมจำได้ว่าตอนที่เล่นจบครั้งแรก รู้สึกใจหาย และคิดถึงตัวละครทุกคนมาก มันเหมือนกับว่าเราได้ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แล้วจู่ๆก็ต้องจากกัน ความรู้สึกมันเศร้า แต่ก็อบอุ่นใจ เพราะรู้ว่าพวกเขาจะอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป FF6 บน SNES เป็นมากกว่าเกมสำหรับผม มันคือเพื่อน คือความทรงจำ คือส่วนหนึ่งของชีวิต และผมเชื่อว่า มันจะเป็นเกมที่ผมไม่มีวันลืม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !