หรือเบื่อกันแล้ว ? ตัวเลขชี้ชัด คนใช้เวลาใน Threads น้อยลง
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลกซิมิเลอร์เวบ (SimilarWeb) พบว่าผู้ใช้งานแอปพลิเคชันเธรดส์ (Threads) มีการใช้เวลาบนแอปพลิเคชันน้อยลง แม้ว่าจำนวนผู้ใช้งานใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมากกว่า 100 ล้านคน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลที่บริษัทวิจัยแห่งนี้เปิดเผยออกมาแยกตามรายวันประกอบด้วย
วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม บริการเธรดส์ (Threads) มีผู้ใช้งานมากกว่า 49 ล้านคน บนระบบปฏิบัติการ Android ทั่วโลก หรือคิดเห็นประมาณ 45% ของบริการทวิตเตอร์ (Twitter) ซึ่งมีผู้ใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Android อยู่ 109 ล้านคนทั่วโลก
วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม บริการเธรดส์ (Threads) มีจำนวนผู้ใช้บนแอปพลิเคชันอยู่ 23.6 ล้านราย หรือประมาณ 22% ของผู้ใช้งานบนทวิตเตอร์ (Twitter)
ผู้ใช้งานส่วนใหญ่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการใช้เวลาบนแอปพลิเคชันสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 21 นาที ในวันที่ 7 กรกฎาคม ก่อนปรับตัวลดลงเหลือ 6 นาที ในวันที่ 14 กรกฎาคม
จุดน่าสังเกตที่ทำให้ผู้ใช้งานบริการเธรดส์ (Threads) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่กลับมีจำนวนการใช้งานบนแอปพลิเคชันลดลงอาจมาจากช่วงแรกของการเปิดตัวบริการเธรดส์ (Threads) อยู่ในช่วงที่ผู้คนเบื่อหน่ายทวิตเตอร์ (Twitter) และกำลังมองหาโซเชียลมีเดียใหม่ ๆ ทดแทนทำให้เกิดการดาวน์โหลดและปริมาณการใช้งานสูงขึ้นก่อนจะปรับตัวลดลงมา
แม้ว่าข้อมูลข้างต้นจะดูเหมือนเวลาที่ผู้ใช้งานอยู่บนแอปพลิเคชันเธรดส์ (Threads) ลดลง แต่มีสัญญาณบางอย่างที่น่ากังวลสำหรับทวิตเตอร์ (Twitter) โดยพบว่าใน 2 วันแรกที่บริการเธรดส์ (Threads) เปิดให้บริการ คือ ในวันพฤหัสบดีที่ 6-7 กรกฎาคม ปริมาณการเข้าชมเว็บ Twitter.com ลดลง 5% เมื่อเทียบกับวันเดียวกันของสัปดาห์ก่อน แม้ว่าทราฟฟิกการเข้าชมเว็บจะเด้งกลับมาแต่ข้อมูลในช่วง 7 วันล่าสุด ยังคงลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจำนวนเวลาที่ผู้ใช้งานทั้ง 2 แพลตฟอร์มลดลง อาจสะท้อนความผู้ใช้งานบางส่วนเกิดความเบื่อหน่ายโซเชียลมีเดียที่มีฟีเชอร์การทำงานคล้าย ๆ กัน และไม่มีอะไรใหม่ ๆ แตกต่างจากเดิม นอกจากนี้ยังมีโซเชียลมีเดียลักษณะอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เช่น คลิปวิดีโอสั้นก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทั้งเธรดส์ (Threads) และทวิตเตอร์ (Twitter) มีตัวเลขบางอย่างที่บ่งชี้การใช้งานที่ลดลง
ที่มาของข้อมูล Engadget
ที่มาของรูปภาพ Reuters