รีเซต

CREDIT กำไร 1,162 ลบ. เพิ่ม 18% งวด 9 เดือนกำไร 2,432 ลบ. ลด 14%

CREDIT กำไร 1,162 ลบ. เพิ่ม 18% งวด 9 เดือนกำไร 2,432 ลบ. ลด 14%
ทันหุ้น
21 ตุลาคม 2567 ( 10:29 )
11
CREDIT กำไร 1,162 ลบ. เพิ่ม 18% งวด 9 เดือนกำไร 2,432 ลบ. ลด 14%

 

#CREDIT #ทันหุ้น - ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) หรือ CREDIT แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีกำไรสุทธิ 1,161.87 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.94 บาท เพิ่มขึ้น 17.84% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 986.00 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.85 บาท

 

สำหรับงวด 9 เดือน 2567 มีกำไรสุทธิ 2,431.59 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.99 บาท ลดลง 13.67% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,816.66 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.42 บาท

 

สรุปผลการดำเนินงานของธนาคารฯ สำหรับโตรมาส 3 และงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 (ก่อนสอบทาน)

 

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2567 ธนาคารฯ มีกำไรสุทธิทำธิทำสถิติสูงสุดใหม่เท่ากับ 1,161.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 41.7 เทียบกับ 820.1 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งโดยมีปัจจัยหลักจากการที่ธนาคารฯ สามารถรักษาอัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางเศรษฐที่ยังไม่ฟื้นตัวทั่วทุกภาคส่วน รวมถึงผลขาดทุนด้านเครคิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของเงินให้สินเชื่อลดลง จากการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สัดส่วนเงินให้สินเชื่อ stage 2 และ stage 3 ต่อเงินให้สินเชื่อรวมลดลง และลูกหนี้บางส่วนสามารถปรับชั้นไป stage 1ได้ภายหลังช่วงระยะเวลา monitoring ประกอบกับผลกระทบจากส่วนสูญเสียจากการขาย NPL ลดลงเนื่องจากการปรับแผนลดการขาย NPL ตามคุณภาพหนี้ที่เริ่มดีขึ้น นอกจากนี้ธนาคารฯ ยังมีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพโดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานของธนาคารฯ ที่อยู่ในระดับที่ร้อยละ 39.9 ในไตรมาส 3 ปี 2567

 

ทั้งนี้อัตราส่วนต่างอัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 3/2567 เทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 ของธนาคารฯ ยังแกร่ง อยู่ที่ร้อยละ 8.7เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2 ปี 2567อย่างไรก็ตามธนาคารฯ ยังคงดำเนินงานอย่างรัดกุมเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

 

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน ปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารฯ มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2ปัจจัยหลักจากเงินให้สินเชื่อที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีกาไรสุทธิของธนาคารลดลงร้อยละ 13.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ของเงินให้สินเชื่อชั้นที่เป็นผลกระทบเพียงครั้งเดียวจากการสิ้นสุดมาตรการผ่อนผันการจัดชั้นสินเชื่อที่ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567โดยสินเชื่อดังกล่าวจะสามารถชั้นกลับเป็นสินเชื่อปกติได้หลังจากลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ต้องเป็นเวลา 3 งวด ส่งผลให้ ECL เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานของธนาคารฯ ยังสามารถบริหารจัดการได้ที่อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 38.8 ในงวด 9 เดือน ปี 2567 รวมถึงอัตราส่วนต่างอัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิในงวด 9 เดือน ปี 2567 ของธนาคารฯ ยังแข็งแกร่งในระดับสูงที่ร้อยละ 8.6

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง