คนที่เป็นโสดมานานคงมีคำถามอยู่ในใจว่าตนเองผิดพลาดตรงไหน ทำไมถึงไม่สมหวังกับคนที่ตนเองชอบสักที หรือเราต้องลดมาตรฐานของคนรักลงมา แต่ไม่สิ นั่นมันไม่ใช่ความรักแล้วกระมัง...ข้อสงสัยร้อยแปดเหล่านี้จะได้รับคำตอบจาก Logan Ury ผู้มากประสบการณ์ในการโค้ชผู้คนให้รู้จักเดต แปลโดย มันตา คลังบุญครอง ความรู้ความประทับใจในมุมมองครีเอเตอร์ ได้เรียนรู้ว่าเราจะเชื่อมั่นว่ามันง่ายถ้าได้เห็นว่าคนอื่นก็ทำได้ เราทุกคนอยากสร้างชีวิตรักให้ยืนยาวและมีความสุข แต่ถ้าเราไม่มีแบบอย่างที่ดี เรื่องนี้ย่อมทำได้ยากขึ้น ได้เรียนรู้ว่าคนส่วนใหญ่เทคู่เดตเพราะคิดว่าเป็นการหลีกเลี่ยงสถานการณ์กระอักกระอ่วน และกำลังปกป้องความรู้สึกของคนที่ถูกปฏิเสธ แต่ไม่จริงเลย การเทคู่เดตเป็นพฤติกรรมน่ากระอักกระอ่วน สร้างความเจ็บปวดทำให้อีกฝ่ายคิดหมกมุ่นว่าทำไมคุณถึงหายไป และตัวคนที่เทคู่เดตเองรู้สึกแย่กว่าการปฏิเสธออกไปตรงๆด้วย ได้เรียนรู้ว่าระบบการคิดเป็นสิ่งสำคัญ การเปลี่ยนแนวคิดจาก การเชื่อเรื่องเนื้อคู่ ไปเป็นความคิดที่ว่า ความรักต้องอาศัยความพยายาม อาจเป็นตัวชี้ว่าเราจะได้พบคู่ชีวิตหรือไม่ คนที่เชื่อเรื่องเนื้อคู่ปฏิเสธคนดีๆ ที่เข้ามา เพราะพวกเขาไม่ตรงกับภาพและความคาดหวังที่มีในใจและคาดหวังว่าความรักคิดว่าความรักจะเกิดขึ้นเอง เป็นเรื่องที่ไม่ต้องพยายาม ถ้าต้องออกแรงพยายามก็จะคิดว่าคนคนนี้ไม่ใช่เสียแล้ว คนที่เชื่อว่ารักต้องพยายามรู้ว่าความสัมพันธ์คืองานอย่างหนึ่ง และการสร้างความสัมพันธ์ให้ประสบความสำเร็จเป็นกระบวนการที่ต้องลงแรงพัฒนาไปเรื่อยๆ ได้เรียนรู้ว่าการยอมพอใจ ไม่ใช่การยอมลดมาตรฐาน พวกยอมพอใจอาจมีมาตรฐานสูงมาก แต่พวกเขาหยุดค้นหาเมื่อได้ตามมาตรฐานนั้นแล้ว คือเมื่อหยุดแล้ว ความแตกต่างคนพวกนี้ไม่กังวลต่อว่ามีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าอีกหรือเปล่า ตรงข้ามกับพวกช่างเลือกที่อาจได้ตามมาตรฐานที่อยากได้แล้ว แต่ยังอดคิดถึงความเป็นไปได้อื่นๆอีกไม่ได้ ได้เรียนรู้ว่าคนที่มีความผูกพันแบบวิตกกังวล มักแสดงออกอย่างรุนแรงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคู่รัก อาจส่งข้อความหรือโทร.หาหลายครั้งติดต่อกัน ขู่ว่าจะเลิกเพื่อให้อีกฝ่ายหึงหวง หรือตั้งใจไม่โทร.หาหรือไม่รับสายเพื่อให้อีกฝ่ายหันมาสนใจ ได้เรียนรู้ว่ารักแรกพบเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยาก ความรู้สึกตื่นเต้นและเคมีที่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใดมักไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงแรกของความสัมพันธ์ เราจะมี Sex และเคมีที่ดีได้เมื่อเวลาผ่านไปเท่านั้น ได้เรียนรู้ว่าภาวะอคติต้นทุนจม หมายถึง ความรู้สึกว่าเมื่อลงทุนกับอะไรไปแล้วต้องทนกับมันให้สุดทาง ทฤษฎีนี้อธิบายว่าทำไมคนส่วนใหญ่ยอมทนดูหนังในโรงที่ไม่สนุกจนจบ ยอมทนกับความสัมพันธ์แย่ๆกับคนรัก ได้เรียนรู้ว่าถ้าคุณได้ยินใครบอกว่า “ผมยังไม่พร้อมจะผูกมัด” หรือ “ฉันต้องการระยะห่าง” หรือ “งานผมกำลังยุ่ง ยังคบคุณตอนนี้แสดงว่าคุณเจอคนที่มีความผูกพันแบบหลบเลี่ยงเข้าแล้ว คนที่มีความผูกพันรูปแบบนี้ยังเป็นพวกที่มักสนใจแต่ข้อเสียของคู่รักและใช้ข้อเสียนี้เป็นข้ออ้างในการตีตัวออกหากจากความสัมพันธ์เพื่อคืนอิสระให้ตัวเอง ทั้งยังชอบจินตนาการว่าตัวเองจะมีความสุขมากขึ้นแค่ไหนถ้าเป็นโสด ได้เรียนรู้ว่าคุณอาจมีความผูกพันแบบวิตกกังวลถ้าคุณโหยหาความใกล้ชิดมาก ๆ แต่ก็รู้สึกไม่มั่นคงกับอนาคตของความสัมพันธ์และความสนใจของคู่รักที่มีต่อคุณ คุณอาจเป็นพวกหลบเลี่ยงถ้ารู้สึกอึดอัดกับความใกล้ชิดและให้คุณค่าอิสระมากกว่าความสัมพันธ์ หรือคุณอาจเป็นพวกมั่นคงถ้าคุณโอเคกับความใกล้ชิด การใช้เวลาคนเดียว และสร้างขอบเขตพื้นที่ส่วนตัวได้ชัดเจน คนที่มีรูปแบบความผูกพันแบบมั่นคงมีจำนวน 50% ของประชากร แต่ไม่ใช่ในบรรดาคนโสด เพราะพวกเขามีแนวโน้มที่จะรักษาความสัมพันธ์ได้ยืนยาว คนที่ผูกพันแบบวิตกและแบบหลบเลี่ยงมักจะเดตกันเอง ยิ่งทำให้มีโอกาสจบไม่สวยมากขึ้น ได้เรียนรู้ว่าวิธีง่าย ๆ ที่จะประเมินว่าคนคนหนึ่งมีความซื่อสัตย์ขนาดไหน ให้ดูว่าเขามีเพื่อนจากช่วงชีวิตที่แตกต่างกันบ้างไหม เขารักษามิตรภาพเก่า ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้หรือเปล่า เขาทอดทิ้งเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยไปแล้วเพราะเพื่อนเป็นโรคซึมเศร้า คนรู้จักสมัยก่อนยังอยากพึ่งพาเขาในยามลำบากหรือไม่ เรื่องแบบนี้อาจมีข้อยกเว้น เพราะสังคมไม่ถูกกับเขาหรือเขาย้ายที่อยู่บ่อย แต่โดยทั่วไป มิตรภาพเก่าๆแสดงถึงความซื่อสัตย์ได้ ได้เรียนรู้ว่าให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคุณเมื่ออยู่กับคนคนนี้หรือหลังจากได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ห่อเหี่ยว เบื่อ ถูกท้าทาย มีความสุข รู้สึกว่าเป็นที่ปรารถนารู้สึกฉลาด หรือรู้สึกโง่ เลือกคนที่ดึงด้านดีๆ ของคุณออกมา เวลาไปเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่มจะลองถามความเห็นของคนอื่น ๆ ด้วยก็ได้ แต่แทนที่จะถามว่า “เธอว่าเขาเป็นยังไง”ให้ถามว่า “ฉันเป็นยังไงตอนที่อยู่กับเขา” ได้เรียนรู้ว่าจำไว้ว่าคุณจะต้องเจอกับความขัดแย้งอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเลือกคบกับใครก็ตาม สังเกตเวลาที่คุณทะเลาะกันให้ดีว่า คุณสื่อสารสิ่งที่อยากพูดออกไปได้ไหม คุณรู้สึกว่าอีกฝ่ายฟังคุณไหม คู่ของคุณพยายามจำกัดวงความขัดแย้งไม่ให้บานปลายหรือเปล่า เป้าหมายคือการทะเลาะกันให้ดีไม่ใช่หลีกเลี่ยงการทะเลาะไปเลย ได้เรียนรู้ว่า 1. ศาสตร์ด้านความสัมพันธ์บอกเราได้ว่าอะไรที่สำคัญต่อความสัมพันธ์จริงจังระยะยาว มองหาคู่ครอง คนที่เชื่อใจและพึ่งพาได้ คนที่จะอยู่กับคุณไปนานๆ และหลีกเลี่ยงคู่ควง หรือคนที่ทำให้สนุกในช่วงสั้นๆ แต่สุดท้ายแล้วจะทำให้คุณผิดหวัง 2. คุณสมบัติผิวเผินอย่างรูปร่างหน้าตาและเงินมีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระยะยาวน้อยกว่าที่คนทั่วไปคิด เพราะความใคร่จืดจางลงได้ และคนเรามักปรับตัวจนคุ้นชินกับสถานการณ์แวดล้อมเสมอ เรื่องงานอดิเรกและบุคลิกแบบเดียวกันก็ไม่สำคัญขนาดนั้นเช่นกัน 3. คู่ครองระยะยาวที่ดีคือคนที่ซื่อสัตย์ โอบอ้อมอารีและมีความมั่นคงทางอารมณ์ คนที่คุณจะได้เติบโตตัดสินใจเรื่องยาก ๆ และทะเลาะด้วยได้อย่างสร้างสรรค์ 4. ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนสองคนมาอยู่ด้วยกัน ดูว่าเขาจะดึงคุณลักษณะแบบไหนในตัวคุณออกมา เพราะคุณจะเป็นแบบนั้นตลอดเวลาที่อยู่กับเขา ได้เรียนรู้ว่าเราจะสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นได้ก็เมื่อเราถามคำถาม คำถามทำให้ผู้คนเปิดเผยรายละเอียดส่วนตัวเกี่ยวกับตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น มากไปกว่านั้นการศึกษาโดยนักจิตวิทยาคาเรน หวง ยังแสดงให้เห็นว่าการเป็นคนช่างซักถามมีแนวโน้มจะทำให้คนอื่นชอบคุณมากขึ้นด้วย คำถามที่คุณถามก็มีความสำคัญ ไม่มีใครอยากรู้หรอกว่าคุณเรียนจบอะไรมา อย่าลืมว่านี่คือการเดต ไม่ใช่การสัมภาษณ์ ได้เรียนรู้ว่า 8 คำถามหลังเดต 1. เขาดึงด้านไหนในตัวของฉันออกมา 2. ระหว่างเกตร่างกายของฉันรู้สึกอย่างไร เกร็ง ผ่อนคลาย หรืออยู่ระหว่างสองความรู้สึกนี้ 3. ฉันรู้สึกมีพลังหรือหมดพลังหลังจากเดตกับเขา 4. ฉันสนใจอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างไหม 5. เขาทำให้ฉันหัวเราะได้ไหม 6. ฉันรู้สึกว่าเขาฟังฉันอย่างตั้งใจหรือเปล่า 7. ฉันรู้สึกมีเสน่ห์เมื่ออยู่กับเขาไหม 8. ฉันรู้สึกสนใจ เบื่อ หรืออยู่ระหว่างสองความรู้สึกนี้ ได้เรียนรู้ว่าเลิกใช้ความรู้สึกปิ๊งเป็นตัวบ่งชี้ในเดตแรกของคุณ เลิกค้นหาความรู้สึกตื่นเต้นนั้น แล้วโฟกัสไปที่สิ่งสำคัญจริงๆ เช่น ความซื่อสัตย์ ความมีเมตตากรุณา และสิ่งที่คู่เดตทำให้คุณรู้สึก ทิ้งความรู้สึกทิ้งไปซะ แล้วหันไปหาความอบอุ่นอันยาวนาน ซึ่งก็คือคนที่คุณอาจไม่รู้สึกว่ามีเสน่ห์ดึงดูดใจเท่าไรเมื่อแรกพบ แต่จะเป็นคู่ครองที่ดีในระยะยาวได้ ความอบอุ่นยาวนานต้องใช้เวลาในการก่อตัว แต่มันคุ้มค่าการรอคอย ได้เรียนรู้ว่าสมองของเราสร้างสิ่งที่เรียกว่า ความเอนเอียงเข้าหาสิ่งที่เป็นลบหรือสัญชาตญาณที่ทำให้เราคิดหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องผิดพลาด ถ้าคุณเคยได้รับฟีดแบ็กจากผู้จัดการหรือเพื่อนร่วมงาน สิ่งไหนที่คุณจำได้ชัดเจนมากกว่ากันระหว่างคำชมและคำติเตียน นี่คือตัวอย่างของความเอนเอียงเข้าหาสิ่งที่เป็นลบ สมองของเราวิวัฒนาการให้จำประสบการณ์เชิงลบได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้เราหลีกเลี่ยงประสบการณ์ทำนองนี้ในอนาคต การคิดแบบนี้ช่วยให้เรามองเห็นและหลีกเลี่ยงอันตรายได้ สมองของเราก็ยังไม่ละทิ้งวิธีการคิดแบบนั้น และนำมาใช้กับบริบทสมัยใหม่แทน เช่น “ถ้าคุณมีแฟนเก่าห้าคน และมีคนหนึ่งในนั้นเกลียดคุณ “การจำได้ว่าคนไหนเกลียดคุณก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ได้เรียนรู้ว่าการมองหาสิ่งที่เป็นบวกในชีวิตเป็นทักษะที่คุณทำได้ แต่ต้องอาศัยการศึกษาเรื่องการเขียนบันทึกสิ่งที่รู้สึกขอบคุณของนักจิตวิทยาการฝึกฝน แค่เขียนสิ่งใหม่ที่ทำให้คุณรู้สึกขอบคุณคืนละ 3 สิ่งทุกคืนเป็นเวลาสามสัปดาห์ ก็ทำให้สมองของคุณเริ่มมองโลกในแบบที่แตกต่างออกไปได้แล้ว แบบฝึกหัดนี้ฝึกให้คุณสังเกตเห็นสิ่งที่โดยปกติแล้วคุณอาจไม่ใส่ใจ เช่น ดีจังที่วิ่งไปขึ้นรถเมล์ทันก่อนรถจะออกจากป้าย หรือการได้หัวเราะกับเพื่อนร่วมงานทำให้คุณรู้สึกดีแค่ไหน ได้เรียนรู้ว่าบอกอีกฝ่ายให้ชัดเจนว่าคุณอยากรู้อะไร คุณอยากได้ความชัดเจน เรื่องสถานะใช่ไหม หรืออยากรู้ว่าตอนนี้เราจะไม่มีอะไรกับคนอื่นแล้วใช่ไหม คุณคาดหวังจะให้อีกฝ่ายปิดวงจรการเดตสมัยใหม่อย่างสมบูรณ์ด้วยการลบแอปหาคู่ด้วยหรือเปล่า คุณอาจไม่ได้คำตอบที่คุณต้องการก็ได้ จำไว้ว่านี่คือการสนทนาไม่ใช่การต่อรอง เพราะฉะนั้นควรตั้งใจฟังและเคารพสิ่งที่อีกฝ่ายพูด นี่คือการทำความเข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่การโน้มน้าวเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ได้เรียนรู้ว่าพวกชอบโดดหนีมักออกจากความสัมพันธ์เร็วเกินไปโดยไม่ให้โอกาสความสัมพันธ์ได้พัฒนา พวกเขาสับสนระหว่างการตกหลุมรักกับการมีความรัก และคาดหวังว่าความตื่นเต้นยามแรกรักนั้นจะคงอยู่ตลอดไปจึงเสียโอกาสการเรียนรู้ที่จะสร้างความสัมพันธ์ ได้เรียนรู้ว่าพวกปล่อยผ่านมักอยู่ในความสัมพันธ์นานเกินไปและมีอคติทางความคิดที่เรียกว่า อคติต้นทุนจม (คือการยังดันทุรังลงทุนต่อไป เพราะใช้ทรัพยากรไปมากแล้ว) รวมถึง การหลีกเลี่ยงความสูญเสีย (มีแนวโน้มพยายามหลีกเลี่ยงความสูญเสีย เพราะกลัวความเจ็บปวด) จึงเสียโอกาสเจอความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับพวกเขามากกว่า ครีเอเตอร์ได้คำตอบหายสงสัยในหลายประเด็นหลังจากที่ได้เรียนรู้ถึงแนวทางเหล่านี้ การมีคู่ชีวิตจะว่าไปมันก็ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากขนาดนั้น แม้เราจะเลือกคนมาเป็นหุ้นส่วนของชีวิตที่ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้ แต่เราก็ต้องยอมรับด้วยว่าความรู้สึกของเรานั้น บางครั้งเราก็ทำให้เรื่องมันยุ่งยากมากเกินไป ซึ่งแนวทางการประพฤติตัว การพูดแบบเคลียร์ความรู้สึกให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย การตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือพอแค่นี้ ทั้งหมดมีรายละเอียดจากตัวอย่างกรณีศึกษาของคู่รักอื่นที่มาขอคำปรึกษา และทำให้เราได้เข้าใจชีวิตคนอื่นและชีวิตรักของตัวเองมากขึ้น เราจะรู้ว่าจากนี้เราควรจะทำอย่างไรกับความสัมพันธ์ของตัวเราเอง เพื่อให้ชีวิตไม่เดียวดายเหมือนอย่างชื่อหนังสือนั่นเอง เครดิตภาพ ภาพปก โดย jcomp จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย jcomp จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย jcomp จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ เมื่อจิตวิทยาทำให้คนรักกัน รีวิวหนังสือ THE RULES OF PEOPLE ครองใจคนได้ง่ายนิดเดียว รีวิวหนังสือ MANIFEST DIVE DEEPER ดำดิ่งลึกซึ้ง ไปให้ถึงทุกปรารถนา รีวิวหนังสือ THE GREATEST SECRET เดอะเกรเทสต์ซีเคร็ต เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !