RPรอผู้ว่าคลายล็อก ลั่นท่าเรือพร้อมรับ
ทันหุ้น - RP รอคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศผ่อนคลายมาตรการตามนายกฯ ชี้หากปลดล็อกหนุนนักท่องเที่ยวไหลเข้าเกาะเพียบ ลั่นพร้อมเปิดให้บริการท่าเรือเต็มที่ เตรียมกดปุ่มเปิดท่าใหม่ปลายปีนี้ คาดรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเท่าตัวกว่า 1.2 หมื่นคนต่อวัน
นายชาคริต โอภาสอุดม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) หรือ RP เปิดเผยว่า หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการประกาศคำสั่งให้ทาง ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิจารณาให้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางเข้าไทยผ่านทางอากาศยาน ซึ่งมาจากประเทศที่รัฐกำหนดว่าเป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ
พร้อมเปิดให้บริการ
ขณะที่เบื้องต้นการกำหนดรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ ที่จะสามารถเดินทางเข้าได้โดยไม่ต้องกักตัวไว้ที่อย่างน้อย 10ประเทศ ซึ่งจะรวมประเทศ เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีก ภายในวันที่ 1ธันวาคม 2564 และหลังจากนั้น ภายในวันที่ 1มกราคม 2565 จะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้น เชื่อว่าเป็นทิศทางที่ดี แต่ในส่วนของบริษัทยังต้องรอประกาศจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีก่อน ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด
“ในส่วนของเราต้องรอผู้ว่าประกาศความชัดเจนออกมาก่อนว่าจะมีการผ่อนปรนตามหรือไม่อย่างไร แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี และมีโอกาสที่จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ตอนนี้ยังต้องรอ เพราะแต่ละจังหวัดจะมีมาตรการที่แตกต่างกันออกไป และจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนก็ไม่เท่ากัน” นายชาคริต กล่าว
อย่างไรก็ตามหากมีการเปิดประเทศ และผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลงเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยว บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่านักท่องเที่ยวน่าจะอยากมาท่องเที่ยวในตามเกาะในประเทศไทย เพราะมีความสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่นักท่องเที่ยวมีไม่มากทำให้สภาพน้ำทะเล ตามเกาะต่างๆ มีความสมบูรณ์มาก
ท่าเรือใหม่เปิดปลายปี
ทั้งนี้ทางท่าเรือราชาเฟอร์รี่มีความพร้อมเปิดให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีท่าเรืออยู่ที่อำเภอดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี 3 ท่า และได้มีการสร้างท่าเทียบเรือที่ 4 และ 5 เพิ่มขึ้น คาดจะสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถรับนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นวันละ 12,000-15,000 คนต่อวัน จากเดิม 6,000 คนต่อวัน สำหรับท่าเรือสมุย ปัจจุบันมีอยู่ 4 ท่า
สำหรับปัจจุบันบริษัทมุ่งเน้นงานด้านโลจิสติกส์เป็นหลัก โดยได้เป็นพันธมิตรกับกลุ่มประกอบการธุรกิจขนส่ง ซึ่งจะขนส่งอาหาร บรรจุภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง ทำให้สัดส่วนของรายได้แบ่งเป็นโลจิสติกส์ 60-70% และท่องเที่ยว 30-40%
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายอภิชาติ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการ บมจ. ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ (RP) กล่าวว่า หากมีการเปิดประเทศรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาได้ในช่วงไตรมาส 4/2564 เชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการกลับมาดีขึ้นได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีความต้องการเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ในเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะช่วงฟลูมูนปาร์ตี้ ที่เกาะพะงัน ซึ่งได้รับความนิยม
จับมือพันธมิตรขนส่ง
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ ได้แก่ Kerry Express, Tp Logistics และ Nim Express รวมไปถึงร่วมมือกับสายการบินและรถโดยสารอีกหลากหลายแห่ง เช่น สายการบิน MAI, AIR KBZ, AirAsia, Thai Lion Air, ATP30, Phantip และเกาะเต่าวินด์
อีกทั้งได้วางแผนสร้างศูนย์กระจายสินค้า บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ ที่อำเภอดอนสัก เพื่อการให้บริการอย่างครบวงจรทั้งการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีคลังสินค้าบนเกาะใหญ่อยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสในการลำเลียงสินค้าไปยังเกาะย่อยที่เหลือ รวมถึงการส่งออกสินค้าที่คาดว่าจะสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งจะเป็นสินค้าในกลุ่มหัตถกรรม อาหารทะเล และภาคการเกษตร โดยเฉพาะเกาะสมุย ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนอันดับ 1 ในจ.สุราษฎร์ธานี มียอดส่งออกในปีที่ผ่านมาเกือบ 2 พันล้านบาท