สวัสดีค่าทุกคน วันนี้เรากลับมาอยู่กับหัวข้อการเรียนกันอีกครั้งนะคะ ช่วงนี้ dek68 ก็ยังคงคุกรุ่นอยู่กับการเตรียมตัวเข้ามหาลัย ถึงอย่างนั้น น้อง ๆ รุ่นต่อไปก็คงจะเริ่มอยากเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสอบเข้าแล้วเช่นเดียวกัน วันนี้เราเลยหยิบยกเรื่องการสอบ TGAT ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดในการยื่นคะแนนกันค่ะ โดยในบทความนี้เราก็จะพาทุกคนไปรู้จักกับข้อสอบนี้ละเอียด ๆ ทุก ๆ พาร์ท พร้อมกับรีวิวจากประสบการณ์ที่เราประสบพบเจอในการสอบของปีนี้ และรวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่คิดว่าสำคัญกันค่า TGAT หรือThai General Aptitude Test เป็นข้อสอบวัดระดับที่ใช้สำหรับเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งได้จุฬาฯ มธ. มศว. มาร่วมออกข้อสอบร่วมกันและคะแนนมีอายุทั้งหมด 1 ปี ซึ่งจะเป็นการวัดทักษะมากกว่าความรู้ ในส่วนที่ยากสำหรับผู้สอบส่วนมากก็ควจะเป็นการที่ต้องบริหารเวลาทำให้ทัน โดยก่อนหน้านี้จะเรียกว่าการสอบ GAT เฉย ๆ แต่หลังปี 2566 มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและเนื้อหาของข้อสอบให้เหมาะสมขึ้น โดยจากสถิติจะสอบช่วงปลายปี ทำให้สามารถใช้ยื่นได้ในทุก ๆ รอบ (พอร์ตฟอริโอ โควต้า และรับตรง) โดยข้อสอบจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 100 คะแนน ได้แก่ 1. การสื่อสารภาษาอังกฤษ 60 ข้อ หรือเฉลี่ยตกข้อละประมาณ 1.67 คะแนนนั้นเองค่ะ รูปแบบข้อสอบจะเป็นแบบช้อยส์ 4 ตัวเลือก ซึ่งจะย่อยได้อีกรอบเป็น ทักษะการพูด (การถาม – ตอบ, เติมบทสนทนาแบบสั้น, และแบบยาว อย่างละ 10 ข้อ) และทักษะการอ่าน (เติมข้อความในเนื้อเรื่อง และอ่านจับใจความ อย่างละ 15 ข้อ) โดยจะเน้นไปที่การวัดทักษะเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน และมีความยากน้อยกว่าการสอบประเภทอื่น ๆ (เช่น A-Level SAT IELTS) ถึงแม้ว่าจะมีคนได้เต็มในทุก ๆ ปี แต่พาร์ทนี้ก็ยังเป็นส่วนที่คะแนนเฉลี่ยต่ำที่สุดอีกด้วยนะคะ • ความคิดเห็น : สำหรับเรา เรารู้สึกว่าเป็นข้อสอบที่ไม่ได้ยากขนาดนั้น ถ้าเรามีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาบ้างแล้วหรือเคยสอบอย่างอื่นมาก่อน แต่ส่วนใหญ่จะผิดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือทำไม่ทันมากกว่าค่ะ แต่ก็ไม่อยากให้ทุกคนทิ้งเทพาร์ทนี้ไปเลยนะคะ เพราะนอกจากจะเป็นอีกหนึ่งพาร์ทที่เก็บเต็มเลยก็ได้ แล้วในปีนี้ยังเกิดเหตุการณ์สลับช้อยส์ ทำให้หลายคนสับสนและผิดพลาดกับจุดเล็ก ๆ ค่า 2. การคิดอย่างมีเหตุผล 80 ข้อ แตกออกได้เป็น 4 ส่วน คือ ความสามารถทางภาษา(ภาษาไทยระดับมัธยม) ความสามารถทางตัวเลข(อนุกรมมิติ, การเปรียบเทียบเชิงปริมาณ, ความเพียงพอของข้อมูล, และโจทย์ปัญหา) ความสามารถทางมิติสัมพันธ์(แบบพับกล่อง, แบบหาภาพต่าง, แบบหมุนภาพสามมิติ, และแบบประกอบภาพ) และความสามารถทางเหตุผล(อนุกรมภาพ, อุปมาอุปไมยภาพ, สรุปความ, และวิเคราะห์ข้อความ) โดยหลาย ๆ คนยกให้พาร์ทนี้เป็นส่วนที่ยากที่สุดของการสอบนี้เลยก็ได้ค่ะ ข้อสอบส่วนนี้จะเป็นแบบช้อยส์ 5 ตัวเลือกนะคะ • ความคิดเห็น : เราติดส่วนของความสามารถทางภาษาค่ะ5555 เป็นอะไรที่ยากที่จะติวได้และไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน เหมือนเป็นส่วนที่ต้องใช้สกิลที่สะสมมาแต่เด็กมากกว่า และอีกอันที่เราคิดว่ายากคือความสามารถทางมิติสัมพันธ์ค่ะ พับกล่องกับหมุนภาพยังพอว่า แต่อีกสองอันนี่เราว่างเปล่าสุด ๆ เลย เหมือนพาร์ทนี้จะวัดทักษะกันของจริงเลยค่ะ แต่ก็อย่าลืมซ้อมมาเยอะ ๆ ให้เกิดความเคยชินกันด้วยนะคะ 3. สมรรถนะการทำงาน 60 ข้อ ข้อสอบในส่วนนี้จะมีความพิเศษที่แต่ละ 4 ช้อยส์จะมีคะแนนไม่เท่ากัน (0 0.25 0.5 0.75 และ 1) ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์ค่ะ แถมบางข้อยังต้องเลือกหลายคำตอบอีกด้วย และแบ่งเป็น การสร้างคุณค่าและนวัตกรรม, การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน, การบริหารจัดการอารมณ์, และ การเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมของสังคมอย่างละ 15 ข้อ ซึ่งพาร์ทนี้จะทดสอบเกี่ยวกับจริยธรรมและการแก้ปัญหาของผู้สอบค่ะ เช่น เราต้องคิดเพื่อส่วนรวม หาทางออกแบบไม่ทิ้งเพื่อนให้ได้ อะไรประมาณนี้เลยค่ะ • ความคิดเห็น : ในปีนี้ที่เราสอบคือพาร์ทนี้มันเปลี่ยนแนวค่ะ กลายเป็นว่าข้อสอบยาวมากกกกก ทำให้มีปัญหากับการบริหารเวลาด้วย ทำให้สถิติของพาร์ทนี้จะฝืดขึ้นเล็กน้อยค่ะ และเพราะพาร์ทนี้เป็นเกี่ยวกับ mindset เราเลยอยากจะแนะนำน้อง ๆ ว่าให้ทบทวนดี ๆ ว่าโจทย์ต้องการอะไรจากเรา และนี่ก็คือรูปเต็ม ๆ สำหรับสถิติคะแนนของปีนี้ โหดกันมากจริง ๆ เกือบลืมไปเลย สำหรับคนที่สอบแบบกระดาษ คุณครูเขาจะแจกเป็นเล่มมาให้ทีเดียวเลยนะคะ อยากทำพาร์ทไหนก่อนก็ได้ บริหารจัดการเวลาตัวเองดี ๆ (มีเวลาสอบทั้งหมด 3 ชั่วโมง) และห้ามลืมฝนชุดข้อสอบเลย เพราะว่าจะทำให้เครื่องตรวจไม่ได้และไม่ได้รับคะแนนค่ะ แล้วทุกคนอย่าลืมศึกษาด้วยว่าเราสามารถพกอะไรเข้าห้องสอบได้ หรือไม่ได้บ้างนะคะ รวมถึงเรื่องเครื่องแต่งกายต่าง ๆ ไม่งั้นอาจจะโดนตัดสิทธิ์สอบหรือจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ค่ะ! ในส่วนของการเลือกสนามก็คือ เราต้องไปกรอกข้อมูลรวมถึงสนามสอบที่ต้องการในเว็บ mytcas ตามวันที่กำหนด ซึ่งจะสามารถเลือกได้ถึง 5 อันดับเลยทีเดียว และจากนั้นระบบก็จะสุ่มสนามสอบโดยที่ไม่ได้เรียงอันดับจากที่เราเลือกไป(5555ทำทำไม) ถ้าโชคดีก็จะได้ที่ที่เราต้องการ แต่ถ้าโชคไม่ดีก็อาจจะโดนเปลี่ยนจังหวัดเลยก็ได้นะคะ แล้วทุกคนอย่าลืมศึกษาศูนย์สอบดี ๆ ก่อนนะคะ เรื่องการเดินทาง และการเปิดแอร์ และการคำนวณคะแนน อย่างที่รู้ ๆ กันดีว่าส่วนมากคณะมหาวิทยาลัยจะใช้หลากหลายวิชา แล้วมันคำนวณคะแนนให้เป็นเปอร์เซ็นต์ยังไงล่ะ? คำตอบก็ง่าย ๆ เลย ที่เราต้องทำคือเอาคะแนนในวิชานั้น ๆ ที่เราได้ไปคูณกับเปอร์เซ็นต์ที่คณะแจ้งมา แล้วหารด้วย 100 อีกทีเท่านั้นค่ะ จบลงไปแล้วนะคะ กับการแนะนำการสอบ TGAT (อย่าเอาไปปนกับ TPAT นะ! อันนั้นจะเป็นวัดความถนัดทางวิชาชีพ) หวังว่าทุก ๆ คนจะเข้าใจเพื่มขึ้นนะคะ หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้เลยค่า ขอให้ทุกคนติดมหาวิทยาลัยตามที่คาดหวังนะคะ แล้ววันนี้ขอตัวลาไปก่อน เจอกันคอนเทนท์ต่อไปค่า เครดิตภาพ • ภาพปก • ภาพที่ 1 : Pexels Lum3n • ภาพที่ 2 : Facebook Mytcas.com • ภาพที่ 3 : Facebook Mytcas.com • ภาพที่ 4 : Facebook Mytcas.com เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !