Fire Emblem Genealogy of the Holy War เป็นเกมวางแผนการรบแนว Tactical RPG ที่วางจำหน่ายบนเครื่อง Super Famicom ในปี 1996 โดยเป็นภาคที่ 4 ในซีรีส์ Fire Emblem อันโด่งดัง แม้จะไม่เคยได้รับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการนอกประเทศญี่ปุ่น แต่เกมนี้ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของซีรีส์ จุดเด่นของเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องของ Genealogy of the Holy War ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สุดของเกม โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลัก ช่วงแรกเล่าเรื่องราวของ Sigurd เจ้าชายแห่งอาณาจักร Chalphy ผู้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามและการทรยศหักหลังจากเหล่าขุนนางที่ทะเยอทะยาน ส่วนช่วงที่สองเป็นเรื่องราวของ Seliph บุตรชายของ Sigurd ที่ต้องสานต่อภารกิจของบิดาเพื่อกอบกู้อาณาจักร สิ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องของเกมนี้โดดเด่นคือความเข้มข้นและความกล้าหาญในการนำเสนอธีมที่มืดมนและเป็นผู้ใหญ่ เช่น การทรยศ การฆาตกรรม การล้างเผ่าพันธุ์ และแม้กระทั่งการมีความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ซึ่งถือว่าล้ำหน้ากว่าเกมอื่นๆ ในยุคนั้นมาก ระบบการเล่น Genealogy of the Holy War นำเสนอระบบการเล่นที่แตกต่างจากภาคอื่นๆ ในซีรีส์อย่างมาก แทนที่จะแบ่งเป็นด่านย่อยๆ เกมนี้แบ่งออกเป็น 12 บทใหญ่ๆ โดยแต่ละบทจะมีแผนที่ขนาดใหญ่มากที่ผู้เล่นต้องยึดปราสาทหลายแห่งเพื่อชัยชนะ ระบบการต่อสู้ยังคงใช้หลักการ Weapon Triangle คือ ดาบชนะขวาน ขวานชนะหอก และหอกชนะดาบ แต่เพิ่มเติมด้วยระบบ Love System ที่ตัวละครสามารถตกหลุมรักและแต่งงานกันได้ ซึ่งส่งผลต่อสถานะของลูกๆ ในช่วงที่สองของเกม ประสบการณ์การเล่น เมื่อผมได้เริ่มเล่น Genealogy of the Holy War ครั้งแรก ผมรู้สึกทึ่งกับขนาดของแผนที่และความซับซ้อนของเนื้อเรื่อง การที่ต้องวางแผนการเคลื่อนกำลังทหารข้ามแผนที่ขนาดใหญ่ พร้อมกับจัดการทรัพยากรและอาวุธอย่างระมัดระวังสร้างความท้าทายที่น่าตื่นเต้น ช่วงแรกของเกมที่เล่นเป็น Sigurd นั้นสนุกมาก การได้เห็นตัวละครเติบโตและพัฒนาความสัมพันธ์กันทำให้รู้สึกผูกพันกับพวกเขา แต่เมื่อถึงจุดพลิกผันในช่วงท้ายของครึ่งแรก ผมถึงกับอึ้งและรู้สึกเศร้าไปกับโชคชะตาของตัวละครที่ผมชื่นชอบ ช่วงที่สองของเกมที่เล่นเป็น Seliph นั้นให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป การได้เห็นลูกๆ ของตัวละครรุ่นแรกเติบโตขึ้นมาและสืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อแม่นั้นสร้างความประทับใจอย่างมาก ระบบ Inheritance ที่ส่งผ่านอาวุธและความสามารถจากพ่อแม่สู่ลูกทำให้รู้สึกว่าการตัดสินใจในช่วงแรกส่งผลต่อเนื่องมาถึงช่วงหลังด้วย กราฟิกและเสียง แม้ว่ากราฟิกของ Genealogy of the Holy War จะดูล้าสมัยเมื่อเทียบกับมาตรฐานในปัจจุบัน แต่ศิลปะการ์ตูนแนวอนิเมะของตัวละครก็ยังคงมีเสน่ห์ ภาพ Battle Animation แม้จะเรียบง่ายแต่ก็มีความสวยงามในแบบฉบับของยุค 16 บิต ดนตรีประกอบของเกมนี้ถือว่าโดดเด่นมาก เพลงธีมหลักของเกมอย่าง "Genealogy of the Holy War" สร้างบรรยากาศของการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยม ในขณะที่เพลงประกอบฉากต่อสู้ก็เร้าใจและกระตุ้นอารมณ์ได้ดี จุดเด่นและจุดด้อย จุดเด่น: 1. เนื้อเรื่องที่เข้มข้นและซับซ้อน นำเสนอธีมที่เป็นผู้ใหญ่ 2. ระบบการเล่นที่ลึกซึ้งและท้าทาย 3. แผนที่ขนาดใหญ่ที่สร้างความรู้สึกของสงครามขนาดใหญ่ 4. ระบบความสัมพันธ์และการสืบทอดที่ส่งผลต่อเกมเพลย์ 5. ดนตรีประกอบที่ไพเราะและสร้างบรรยากาศได้ดี จุดด้อย: 1. ความยากที่สูงอาจทำให้ผู้เล่นใหม่รู้สึกท้อได้ 2. ระบบ Inventory ที่จำกัดและซับซ้อน 3. การเคลื่อนที่ในแผนที่ขนาดใหญ่อาจรู้สึกช้าในบางครั้ง 4. ไม่มีระบบ Support Conversation แบบภาคหลังๆ 5. ภาษาญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียวอาจเป็นอุปสรรคสำหรับผู้เล่นต่างชาติ สรุป Fire Emblem Genealogy of the Holy War เป็นเกมที่มีความพิเศษและโดดเด่นในซีรีส์ Fire Emblem ด้วยเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนและระบบการเล่นที่ลึกซึ้ง แม้จะมีอายุกว่า 25 ปีแล้ว แต่เกมนี้ก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุดของซีรีส์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเกมวางแผนการรบที่มีความท้าทายและเนื้อเรื่องที่เข้มข้น Genealogy of the Holy War เป็นเกมที่ไม่ควรพลาด แม้ว่าจะมีความยากและความซับซ้อนที่อาจทำให้ผู้เล่นใหม่รู้สึกท้อได้ แต่เมื่อได้ทุ่มเทเวลาให้กับมัน คุณจะได้พบกับประสบการณ์การเล่นเกมที่น่าจดจำและยากที่จะหาได้จากเกมอื่น ท้ายที่สุด Genealogy of the Holy War ไม่เพียงแต่เป็นเกมที่ดี แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของวงการเกม JRPG ที่แสดงให้เห็นว่าเกมสามารถนำเสนอเรื่องราวที่ซับซ้อนและเป็นผู้ใหญ่ได้แม้จะอยู่ในข้อจำกัดของเทคโนโลยียุค 16 บิต การได้สัมผัสกับเกมนี้จึงเป็นเหมือนการได้ย้อนกลับไปสัมผัสกับตำนานบทหนึ่งของวงการเกมนั่นเอง เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !