แม้ว่าปัจจุบันกิจกรรมรับน้องจะทำให้ผู้ปกครองหลาย ๆ คนรู้สึกเป็นกังวลเมื่อลูกหลานของตนจะต้องไปเข้าร่วมกิจกรรม นั่นเพราะข่าวที่ออกมาจะเห็นว่ากิจกรรมรับน้องหลาย ๆ แห่งเป็นกิจกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ อีกทั้งขาดความระมัดระวัง ทำให้เกิดความพลั้งเผลอและบางครั้งทำให้เกิดอันตรายต่อน้องใหม่ แต่กระนั้นยังมีอีกหลาย ๆ สถาบันที่มีกิจกรรมรับน้องแบบสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อรุ่นน้องผู้มาใหม่ที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ และสามารถปรับตัวเข้ากับสถานที่หรือเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น ฉันเองก็เคยผ่านกิจกรรมรับน้องมา และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมรับน้องที่จำได้ไม่ลืม กิจกรรมรับน้องที่ฉันจำได้ไม่ลืมนั้นเป็นกิจกรรมรับน้องครั้งแรกในชีวิตของฉันก็ว่าได้ ย้อนไป ปี พ.ศ.2537 (นานมาก) กิจกรรมรับน้องที่ว่านี้ไม่ได้เป็นกิจกรรมรับน้องที่จัดโดยสถาบันการศึกษาแต่อย่างใด แต่เป็นกิจกรรมการรับน้องที่เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มของเด็กที่มีภูมิลำเนาเดียวกัน โดยเป็นเด็กที่มาจาก อ.เบตง จ.ยะลา เมืองเล็ก ๆ แห่งปลายด้ามขวาน และได้มาเรียนหนังสือต่อที่ อ.เมือง จ.สงขลา เรียกว่าเป็นประเพณีใครที่เป็นเด็กเบตงแล้วมาเรียนที่เมืองสงขลา ก็จะถูกแนะนำบอกต่อชักชวนกันมาเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง โดยมีรุ่นพี่ที่อยู่ก่อนแล้วเป็นผู้ตระเตรียมงาน มีประธานรุ่นเรียบร้อย ดังนั้น น้องใหม่แต่ละคนจึงมาจากหลายสถาบันและมีอายุไม่เท่ากัน เช่น บางคนมาเรียนต่อระดับ ม.ต้น บ้างก็เรียน ม.ปลาย บ้างก็เรียนสายอาชีพ โดยมาจากทั้งสถาบันการศึกษาของรัฐและเอกชนสถานที่ที่จัดกิจกรรมรับน้องเบตงในปีนั้นจัดขึ้นที่บริเวณหาดแก้วรีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทติดชายทะเลในจังหวัด มีการนัดหมายกันล่วงหน้าและนั่งรถสองแถวไปกัน ซึ่งถือว่าไม่ได้ไกลอะไรมากนัก บริเวณที่ใช้เป็นกิจกรรมรับน้องเป็นบริเวณริมทะเลภายใต้ต้นสนทะเลที่เรียงรายเต็มไปหมด จึงให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดี เมื่อไปถึงรุ่นพี่ให้น้องใหม่นั่งบนทรายและจัดแจงมาช่วยกันแต่งหน้าทำผมให้แก่รุ่นน้อง ผู้หญิงหรือผู้ชายที่มีผมพอจะผูกได้ก็จะถูกจับผูกจุก ตามมาด้วยลิปสติกหลากสี ไม่ใช่จะนำมาทาปากให้ แต่กลับนำมาเขียนวาดลวดลายลงบนใบหน้า ส่วนพวกผู้ชายจะต้องถอดเสื้อออกและถูกละเลงด้วยลิปสติกเหล่านั้นตามลำตัวด้วยต่อมารุ่นพี่ก็นำป้ายมาแขวนคอแต่ละคน รุ่นพี่บอกว่านี่คือคำขวัญประจำตนของแต่ละคน และให้แต่ละคนแนะนำตัวพร้อมทั้งอ่านคำขวัญออกมาดัง ๆ เมื่อรุ่นน้องได้อ่านคำขวัญประจำตนก็เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี หากใครอ่านไม่ดังก็จะให้อ่านใหม่จนกว่ารุ่นพี่จะพอใจ คำขวัญประจำตัวที่รุ่นพี่คิดค้นขึ้นมาให้ออกจะเป็นแนวทะลึ่งและไม่ค่อยสุภาพนัก ดังนั้นคุณผู้อ่านลองซูมอ่านจากภาพถ่ายก็แล้วกันนะคะ จากนั้นรุ่นพี่ให้แบ่งกลุ่มและแยกกันเข้าฐาน เท่าที่จำได้มีฐานเป่าแป้ง ร้อยเข็ม หาของ ฯลฯมีอยู่ฐานหนึ่งที่จำได้ไม่ลืมก็คือฐานหาเหรียญ โดยจะให้รุ่นน้องผู้ชายและผู้หญิงจับคู่กัน ผู้ชายจะต้องสวมกางเกงชั้นในแบบผู้หญิงที่รุ่นพี่ได้เตรียมไว้ให้ทับกางเกงของตน จากนั้นมีการนำผ้ามาปิดตาผู้หญิง และให้คลำหาเหรียญที่แอบซ่อนไว้บริเวณเป้ากางเกงของผู้ชายให้เจอ เกมนี้เรียกว่าเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่แพ้กับการอ่านคำขวัญประจำตัว แต่ก็ไม่เกินความสามารถของผู้หญิง ส่วนผู้ชายนั้นก็ลุ้นกันไปสำหรับกิจกรรมรับน้องนี้เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมรับน้องที่ประทับใจและจำได้ไม่ลืม เพราะรุ่นพี่มีการเตรียมงานและออกเงินค่าใช้จ่ายกันเอง รวมทั้งเลี้ยงข้าวรุ่นน้องอีกด้วย โดยไม่มีการว๊ากหรือการทำให้รุ่นน้องตกใจกลัวหรือขวัญเสียแต่อย่างใด ความรู้สึกตอนนั้นฉันรู้สึกว่ามันเป็นกิจกรรมที่สนุกและเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังได้มิตรภาพดีดีที่จะได้คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันต่อไปในฐานะคนบ้านเดียวกัน ที่สำคัญยังได้ภาพถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก หากไม่มีภาพถ่ายเหล่านี้ บางรายละเอียดก็อาจจะจำได้ไม่หมดสุดท้ายนี้ขอให้กิจกรรมการรับน้องยุคใหม่มีแต่กิจกรรมที่สร้างสรรค์ สร้างร้อยยิ้ม เสียงหัวเราะ และสร้างความประทับใจร่วมกันระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี และเพื่อบอกเล่าเรื่องราวดีดีให้กับคนรุ่นหลังต่อไป ขอขอบคุณการออกแบบปกจาก Canva.com ภาพประกอบปก โดย rawpixel.com จาก Freepikภาพประกอบบทความทั้งหมดโดย Pintas (ผู้เขียนเอง)ติดตามอ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก Pintas เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !