รีเซต

ประยุทธ์ ชี้ โควิดทำโลกวิกฤต แต่ก็เป็นโอกาส โชว์ศักยภาพสาธารณสุขไทยให้โลกเห็น

ประยุทธ์ ชี้ โควิดทำโลกวิกฤต แต่ก็เป็นโอกาส โชว์ศักยภาพสาธารณสุขไทยให้โลกเห็น
มติชน
19 พฤษภาคม 2565 ( 13:21 )
42
ประยุทธ์ ชี้ โควิดทำโลกวิกฤต แต่ก็เป็นโอกาส โชว์ศักยภาพสาธารณสุขไทยให้โลกเห็น

ประยุทธ์ ชี้ โควิดทำโลกวิกฤต แต่ก็เป็นโอกาส โชว์ศักยภาพสาธารณสุขไทยให้โลกเห็น องค์การอนามัยโลกชื่นชมประเทศไทย รับมือกับสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุด เป็นลำดับต้นๆของโลก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 พ.ค.ที่ห้างสรรพสินค้าสยาม พารากอน ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรรส่ากาีกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเสวนา “ถามมา – ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม” ( Better Thailand Open Dialogue) ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าสยาม พารากอน ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเกิดวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นวิกฤติโลกที่เราไม่ได้ก่อ และเป็นมหาวิกฤติครั้งที่ใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการถดถอยทางเศรษฐกิจของทุกประเทศในโลก รวมถึงประเทศไทย เราถูกประเมินว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ในระดับต้นๆของโลก เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวกว่าร้อยละ 20 ของ GDP การระบาดของโควิด-19 ทำให้ทั่วโลกหยุดเดินทาง และเครื่องจักรการท่องเที่ยวไม่สามารถสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยได้เหมือนก่อน

เมื่อมองย้อนกลับไป 2 ปี วิกฤติโรคระบาดโควิด-19 นี้ นับเป็นโจทย์ที่ยาก เพราะเราสู้อยู่กับศัตรูที่มองไม่เห็น ไม่มีอาวุธใดจะปราบได้ โดยในช่วงเริ่มการระบาดทั่วโลกจำเป็นต้องปิดประเทศ รวมถึงประเทศไทย รวมถึงประเทศไทยต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการเยียวยาช่วยเหลือประชาชน เพื่อตั้งหลัก ประคับประคอง และกระตุ้นเศรษฐกิจ การต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ไม่มีอะไรที่แน่นอน จึงได้สร้างมาตรฐานการต่อสู้ใหม่ในหลายระลอก มีวัคซีนก็ต้องแบ่งปัน กระจายการฉีดอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยของคนในประเทศ นโยบายต่างๆที่ออกมา ได้คำนึงถึงการสร้างความสมดุล ทั้งมิติด้านสุขภาพและมิติทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด รัฐบาลต้องบริหารจัดการให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ประเทศไทยก็ได้นำร่องเปิดประเทศในโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” และได้เปิดประเทศจริงจังเมื่อ 1 พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้กลายเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ ไปปฏิบัติ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้เปิดประเทศแล้ว เราก็ยังจำเป็นต้องระมัดระวัง ยังต้องเตรียมความพร้อม ทั้งวัคซีนและยารักษาไว้อย่างเพียงพอ เพราะวิกฤตการแพร่ระบาดยังไม่จบสิ้น ทั้งนี้ ผลสัมฤทธิ์จากความร่วมมือร่วมใจของคนไทย ทุกภาคส่วน ภาครัฐ ภาคเอกชน บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ อสม.และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ที่เกี่ยวข้อง ทำให้องค์กรต่างประเทศหลายแห่ง รวมถึงองค์การอนามัยโลกได้ให้การยอมรับ และชื่นชมประเทศไทย ให้เป็นประเทศที่รับมือกับสถานการณ์โควิดได้ดีที่สุด เป็นลำดับต้นๆของโลก เมื่อมองในแง่บวกแล้ว แม้โควิดจะเป็นวิกฤตโลก แต่ก็เป็นโอกาสของไทยในหลายๆด้าน เช่น ทั่วโลกได้เห็นศักยภาพระบบสาธารณสุขไทย ทั้งการรักษา การให้บริการ การรับมือ โรคอุบัติใหม่และภาวะฉุกเฉิน ยกระดับความมั่นคงทางด้านสุขภาพ ตั้งแต่บริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิ ทีมหมอครอบครัว อสม. รวมถึงขีดความสามารถในการวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนโควิด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงได้เองหลายชนิด ในประเทศ และ ส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของโลก โดยไทยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการของศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่” ซึ่งจะเปิดทำการในเดือนสิงหาคมนี้ ยิ่งกว่านั้นยังส่งเสริมโอกาสให้ประเทศไทยสามารถเปิดตลาดอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้อย่างเต็มที่ หลังวิกฤตโควิดอีกด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง