เป็นศัพท์ใหม่ ที่ไม่ใหม่ เพราะจะว่าไปคำว่า Prosumer เกิดขึ้นกับผู้บริโภคมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ในช่วงการระบาดของ โควิด-19 ได้เร่งให้ Prosumer มันชัดเจนขึ้น มาถึงตรงนี้อยากรู้กันแล้วใช่มั้ยว่ามันสำคัญอย่างไร จะขอพาไปทำความรู้จักในรูปแบบสบาย ๆ เข้าใจง่ายในสไตล์ผู้เขียนกันเช่นเคย เห็นเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษแบบนี้ ขอบอกว่าเป็นเรื่องที่สนุกแน่นอน อย่างแรกต้องรู้จักคำว่า Prosumer กันก่อน มันมาจากคำว่า Professional ที่แปลแบบตรงตัวว่า มืออาชีพ รวมกับ Consumer ที่แปลว่า ผู้บริโภค เอา 2 คำนี้มารวมกันเป็น Prosumer กลายเป็นศัพท์ใหม่ที่หมายถึงผู้บริโภคที่จากเดิมเคยซื้ออะไรแบบสำเร็จรูป พัฒนามาเป็นสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ได้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องตั้งโรงงานผลิตภายในบ้าน ยกเครื่องจักรมาทำปลากระป๋อง เพราะแบบนั้นเราจะกลายเป็นผู้ผลิตสินค้าทันที ไม่ใช่ผู้บริโภคตามความจำกัดความของ Consumer ที่เป็นปลายทางของอุตสาหกรรม ไม่ส่งต่อสินค้าไปที่ไหนแล้ว ยกตัวอย่างเช่นเมื่อก่อนเราเคยซื้อชั้นวางรองเท้าแบบสำเร็จรูป เอามาพลิก ๆ ดู เอ๊ะ..! มันก็ไม่ได้ยากนี่ แค่เอาไม้มาตอกตะปูก็วางได้แล้ว วันหลังซื้อแค่ไม้มาทำเองก็ได้ประหยัดกว่าตั้งเยอะ , เคยไปจ้างเค้ามาซ่อมคอมพิวเตอร์ เวลาผ่านไปทดลองงัดแงะ โธ่เอ๊ย..! เปลี่ยนการ์ดจอมันแค่นี้เอง รู้อย่างนี้ทำเองตั้งนาน หรือเอาจากประสบการณ์ของตัวผู้เขียนเองชอบกินหม่าล่ามาก ไปซื้อก็แสนแพงไม้ละ 10 บาท ตอนนี้เอาไส้กรอกเสียบไม้ปิ้งกินเองมันที่บ้านเสียเลย ที่กล่าวมานั่นคือความหมายของ Prosumer ที่ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรไปซะทุกอย่าง แต่สามารถสร้างมันขึ้นมาเองได้ ยิ่งในช่วงโควิด-19 แบบนี้หลายคนต้องอยู่กับบ้าน มีเวลาเหลือเฟือ ประกอบกับร้านค้าหลายแห่งยังปิดตามมาตรการยับยั้งเชื้อไวรัส เงินก็ต้องประหยัด อะไรทำเองได้ก็ทำไป แหล่งเรียนรู้หาได้จากอินเทอร์เน็ต ระดับฝีมือพัฒนาแบบกระจุยกระจายแทบจะสร้างบ้านได้ทั้งหลัง (อันนี้ก็พูดเกินไป) เอาเป็นว่าถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง หลายคนเลือกที่จะทำเองเพื่อประหยัดเงิน หลายคนสงสัยว่าถ้าคนทำเองได้แบบนี้คนขายก็แย่สิ ขอตอบว่าผู้ผลิตที่รู้จักคำนี้ และปรับตัวได้ก่อน ประสบความสำเร็จมานานแล้ว และเราก็เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของเค้าแบบไม่รู้ตัว เพราะต่อให้ผู้บริโภคมีฝีมือทำเองได้แค่ไหน แต่วัตถุดิบ ยังต้องซื้อเอง อยู่ดี เราคงไม่ไปทำการ์ดจอใช้เอง แต่ผู้ผลิตเค้าปรับตัวพัฒนาสินค้าของเค้าให้ผู้บริโภค สามารถนำไปทำต่อได้ด้วยตัวเอง ตัวอย่างเช่นโรงงานผลิตชั้นวางของ เคยทำแบบสำเร็จรูปมาวางขาย เค้ารู้ว่าคนชอบเอาไปทำเองจึงจัดการผลิตเหล็ก และไม้ ที่เจาะรูมาให้แบบเสร็จสรรพ เราซื้อมาประกอบเอง ได้ออกแบบ ได้ขันน็อต มันยังมีความรู้สึกว่า นี่เราทำเองนะ แต่โรงงานยังได้ขายอุปกรณ์เหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากการขายที่วางของทั้งอัน มาเป็นเศษวัสดุที่เราซื้อมาประกอบนั่นแหละ หรือร้านรับตกแต่งทำสวน รู้ว่าช่วงโควิด-19 แบบนี้ไม่มีใครอยากให้คนแปลกหน้าเข้ามาทำสวนในบ้านหรอก ก็เอาแผ่นหญ้าเทียม หรือแผ่นปูพื้น ออกแบบให้คนเอาไปทำกันเองแบบง่าย ๆ แทนการส่งช่างไปทำ แค่นี้ก็ได้ขายสินค้าเหมือนเดิม จะเห็นว่าผู้ผลิตที่เข้าใจคำว่า Prosumer และตีโจทย์แตก เค้าทราบถึงวิธีหาจุดกึ่งกลางความลงตัว และความรู้สึกของผู้บริโภค ประยุกต์ให้สินค้าของเค้ายังอยู่ในคำจำกัดความของ ทำได้ด้วยตัวเอง ของผู้บริโภค เพราะจิตวิทยาแบบนี้แหละทำให้สินค้าแบบต้องซื้อมาประกอบเองได้รับความนิยม เดี๋ยวนี้มีกระทั่งไม้แบบสำเร็จรูปให้เราเอาไปประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้แบบไม่ยากเย็น หลายคนถึงขนาดต่อเติมบ้านแบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ที่จริงวัสดุมันก็ทำมาเกือบเสร็จแล้วแหละ แต่ความรู้สึกของการได้ทำเองนี่มันภูมิใจนะ แถมประหยัดค่าแรงช่างไปได้เยอะ มีคำถามกันใช่ไหมว่าถ้า Consumer ผู้บริโภคธรรมดาเปลี่ยนมาเป็น Prosumer กันมาก ๆ แล้วจะส่งผลอะไรกับอนาคต ที่เกิดขึ้นแน่ ๆ คือเมื่อคนส่วนใหญ่หันมาทำเองได้ สินค้าหลายตัวที่ผลิตออกมาจะล้นตลาด เช่นพวกงานฝีมือทำง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน ที่เห็นตอนนี้อย่างเช่นหน้ากากอนามัยแบบผ้า หลายคนใช้เวลาว่างอยู่กับบ้านลองตัดเย็บขึ้นมาใส่เองโดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ ตอนนี้เราเลยเห็นหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้าวางขายกันเกลื่อนแทบล้นตลาดเดินไปทางไหนก็เจอ แต่ใช่ว่าจะไม่มีด้านดี เพราะตรงข้ามกันมันจะสร้างให้เกิดธุรกิจ และสินค้าใหม่ ๆ คนอยากทำเองต้องหาความรู้เพิ่ม จึงเกิดธุรกิจแนวเปิดคอร์สการสอนทั้งแบบออฟไลน์ และออนไลน์ อยากเปลี่ยนเมนบอร์ดเป็นก็ไปอบรมซ่อมคอมพิวเตอร์ , อยากเย็บเสื้อผ้าก็มีอาจารย์ตัดเย็บเก่ง ๆ เปิดหลักสูตรอบรม รวมถึงผันตัวเองเป็น YouTuber สร้างช่อง YouTube สอนทำสิ่งต่าง ๆ คนที่มีความรู้สามารถเอาความรู้ที่มีเปลี่ยนเป็นเงินสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ รวมถึงสินค้าใหม่ ๆ อย่างพวก Accessories หรืออุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ เช่นอุปกรณ์ทำเครื่องประดับ จากเดิมที่รู้แหล่งขายกันเฉพาะกลุ่ม อนาคตจะมีขายกันแพร่หลายตามตลาดนัด หรือร้านค้าทั่วไป ใครที่เคยไปที่ร้านขายส่งสินค้าพวกนี้จะรู้ว่าทุกอย่างมีครบ สามารถเอาไปทำกระเป๋าใช้เอง , ทำเข็มขัด , ทำรองเท้า หรือทำของตกแต่งได้ตามจินตนาการที่ใจคิด อนาคตจะพัฒนาให้สามารถเอาไปทำต่อได้ง่ายขึ้นเช่นมีแพ็คสินค้าเป็นคู่มือให้ไปทำตาม หรือทำแยกออกมาเป็นชิ้น ๆ นำไปประกอบเป็นกระเป๋าใช้เอง ธุรกิจแนวนี้อนาคตจะเกิดแน่ ใครมองหาธุรกิจเพื่อรองรับ Prosumer ควรจับตามอง เมื่อเปลี่ยนตัวเองมาเป็น Prosumer สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ที่เห็นได้ชัดเจนคือจะประหยัดเงินในกระเป๋า มีเงินเหลือมากขึ้น ได้ทดลองทักษะความสามารถของตัวเองที่บางอย่างสามารถพัฒนาเป็นอาชีพเสริมได้ เมื่อมีคนทำแบบนี้มากขึ้นสิ่งต่อไปที่จะเกิดกับเราคือ มีการรวมกลุ่ม กับคนที่ชอบอะไรเหมือนเราเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อาจจะเป็นกลุ่มคนรักการตัดเย็บ , กลุ่มคนชอบซ่อมแซมบ้านด้วยตัวเอง เกิดการซื้อขายสินค้าที่ผลิตเอง และได้มิตรภาพเพื่อนฝูงอีกด้วยนะ สรุปได้ว่าโควิด-19 ไม่ได้ทำให้ Prosumer เพิ่งเกิด มันเริ่มมานานแล้ว แต่เวลาที่มีมากมาย และการใช้จ่ายที่ต้องประหยัด รวมถึงสถานการณ์ที่มันบังคับเพราะร้านหลายแห่งปิด มันทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคแบบนี้ชัดเจนขึ้น เริ่มจากตัวเราเองจะเห็นว่าเดี๋ยวนี้ทำอะไรเป็นมากขึ้น อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ใหม่เลยก็ว่าได้ที่เดี๋ยวนี้เปิดตามเฟซบุ๊กมีแต่คนโชว์ทำอะไรด้วยตัวเอง ส่งผลดีให้เกิดการพัฒนาอะไรใหม่ ๆ ในครัวเรือน หลายคนทำได้ดีจนกลายเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำในยามที่เราต้องเผชิญวิกฤตแบบนี้ เรียกได้ว่าสามารถปรับตัวเข้ากับมัน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน และขอส่งกำลังใจให้ทุกคนต่อสู้กับปัญหาที่พบเจอต่อไป อีกไม่นานเราจะผ่านมันไปด้วยกัน และวันนั้นทุกอย่างต้องสดใสกว่าเดิม ภาพหน้าปกโดย : pixabay