เมื่อคนสองคน “จีบกัน” ถือเป็นการสานความสัมพันธ์รูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตดูมีความหวาน โลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพูขึ้นมาทันที ในทุกยุคทุกสมัย วิธีการจีบกันของคนหนุ่มสาวก็จะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป เรามาดูกันว่า แต่ก่อนกับปัจจุบัน คนเขาจีบกันอย่างไร Infographic From Swivel ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10-20 ปีก่อน แน่นอนเลยว่าวัยรุ่นในยุคปัจจุบันอย่างแอดมินเอง ก็ยังเป็นทารกแบเบาะอยู่เลย ในสมัยนั้น คนในช่วงต้น ๆ Generation Y คือกลุ่มคนที่กำลังมีชีวิตความรักที่กำลังหวานแหววเลยล่ะ ในสมัยนั้น โทรศัพท์ก็เพิ่งจะมีใช้กัน แต่ก็ส่วนน้อยเท่านั้น ที่จะมีโทรศัพท์มือถือใช้งาน คนส่วนใหญ่เขาจะสานสัมพันธ์กันด้วยจดหมายส่งทางไปรษณีย์บ้างแหละ หรืออาจจะเป็นความคิดถึงที่ส่งผ่านโปสการ์ด ซึ่งกว่าที่ความคิดถึงจะส่งถึงผู้รับจริง ๆ มันก็ต้องแลกด้วยเวลา ที่ได้กลับคืนมาด้วยความรักที่หนักแน่นจริง ๆ หรือถ้าจะให้มีความสะดวกหน่อย วัยรุ่นในยุคนั้น อาจจะใช้เพจเจอร์ ส่งข้อความหากัน แต่ด้วยราคา มันจึงเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีใช้กันแพร่หลายเท่าไหร่นัก ในวัยมัธยมของคน Gen Y น่าอิจฉาเสียกว่าวัยรุ่นปัจจุบันเสียอีก เพราะมีหลายคนเคยเล่าให้ฟังว่า ถ้าจดโน้ตเล็ก ๆ ไปให้คนที่แอบชอบ พอเขาโทรกลับมา มันก็จะเป็นความโรแมนติกที่ซึ้งสุด ๆ แล้วโทรศัพท์สาธารณะก็จะกลายเป็นสถานที่ที่คู่รักได้สานความสัมพันธ์กันต่อ Credit Picture: Link ถ้าเป็นในปัจจุบันนี้ล่ะ ทุกอย่างเข้าสู่ยุคทองของดิจิตอลหมด ทุกสิ่งอย่างกลายเป็นความเรียบง่ายแถมยังสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการสานความสัมพันธ์ผ่านช่องทางแชทอย่าง Messenger หรือการแลกเปลี่ยนไลน์กันที่กลายเป็นวัฒนธรรมอีกรูปแบบหนึ่ง ที่วัยรุ่นจะเชื่อกันว่า เมื่อได้ไอดีไลน์ ความง่ายในการสานสัมพันธ์ก็มีหวังมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้แล้ว ในปัจจุบันยังมีอีกหลายช่องทางในการติดต่อสื่อสาร ทุกสิ่งอย่างไม่อาจปิดกั้นด้วยพรมแดน คนเอเชียสามารถที่จะสานสัมพันธ์กับคนยุโรปได้ ในขณะเดียวกัน คนยุโรปก็สามารถสานสัมพันธ์กับคนเอเชียได้เช่นกัน ทั้งในปัจจุบันแอพพลิเคชั่น กำเนิดขึ้นใหม่มาอย่างมากมาย ของแต่ละค่ายก็จะมีความแตกต่างกันไป ถ้าเป็นของค่าย Apple ก็จะสามารถ FaceTime กันได้โดยไม่ต้องจ่ายตังค์ และของค่ายอื่น ๆ ก็จะมีแอพพลิเคชันในลักษณะเดียวกัน Credit Picture: Link แต่ถึงแม้ยุคสมัยและกาลเวลาจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน การที่คนสองคนจะได้สานสันพันธ์รักกันจริง ๆ ทุกอย่างต้องเริ่มขึ้นมาด้วยความรักและความพยายามของทั้งคู่จริง ๆ และนอกจากการสื่อสารไร้พรมแดนจะถูกเชื่อมต่อกันอย่างกว้างขวางแล้วนั้น ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังคงเป็นวัฒนธรรมสืบทอดกันมา ไม่ว่าจะเป็นการให้ดอกไม้ของคนหนุ่มสาว รวมไปถึงการให้สิ่งแทนใจอย่างช็อคโกแลต แลกเปลี่ยนสติ๊กเกอร์หรืออะไรอีกหลายอย่าง ทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นความงดงามของความรักด้วยกันทั้งสิ้น ปิดท้ายกันด้วยเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับที่มาของเทศกาลวาเลนไทน์ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่คริสต์ศักราช 270 ที่ชาวคริสเตียน ให้การระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ ผู้รับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของปีนั้น เพราะในยุคนั้นห้ามไม่ให้มีการแต่งงานของคริสเตียน..นั่นเอง _______________________ Swivel คอนเทนท์ยุคใหม่เชิงสร้างสรรค์ ที่นำเสนอในทุกแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็น Science&Tech • Inspiration • Passion • Community "Infinite Development Drive By Swivel" "Everything Are Swiveling" ช่องทางติดตาม Swivel Blockdit Facebook Instagram Twitter True ID *Copyright By Swivel