แชร์ประสบการณ์ให้ลูกน้อยชอบอ่านหนังสือ ด้วยเทคนิคง่ายๆ เริ่มได้ทันทีถ้าอยากให้ลูกรักการอ่านตั้งแต่เล็กๆ เราต้องให้หนังสือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน สร้างความคุ้นเคย เมื่อโตขึ้นเขาจะได้ไม่รู้สึกฝืน หรือต่อต้านเวลาเราอยากให้ลูกอ่านหนังสือเรียน หน้าที่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ คือ ต้องจัดให้มีมุมหนังสือโต๊ะเก้าอี้และยกให้มุมนั้นเป็นมุมโปรดของทุกคนในบ้าน พ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบให้ลูกเห็น รู้จักเสียสละเวลา สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูก ทำให้ลูกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือ ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันทุกวัน“ถึงเวลาสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้ลูกน้อยเริ่มต้นอย่างไร” สวัสดีค่ะผู้เขียนเองก็มีลูกเล็ก ๆ สองคน คนแรก 6 ขวบ คนที่สอง 1 ขวบ ตอนแรกผู้เขียนเองมีความต้องการ อยากเห็นเขาเติบโตในแบบของตัวเอง ไม่ได้กดดันให้ลูกต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่มาสังเกตเห็นว่า ลูกเองก็มีความชอบ อยากมีหนังสือของตัวเองเหมือนกัน เมื่อคุณแม่เห็น ก็อยากสนับสนุนส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี เพราะเชื่อว่า เริ่มตั้งแต่เล็ก ดีกว่าไปฝึกตอนโต ซึ่งคุณแม่เริ่มตั้งแต่ลูกสาว เริ่มนั่งได้เอง และจับนั่งบนตัก พูดคุยกับลูกมาเรื่อยๆ จนอายุ 7 ขวบ และทุกครั้งที่ถึงเวลาอ่านหนังสือ ลูกจะกระตือรือร้น อยากทำด้วยตัวเอง เลยอยากแชร์ประสบการณ์ให้กับคุณพ่อคุณแม่นำเทคนิคนี้ไปใช้กันค่ะ “แล้วเวลาไหนที่เหมาะสม จะเริ่มให้ลูกอ่านหนังสือ” ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การอ่านหนังสือของลูก ๆ คือ ก่อนนอน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนพร้อมและผ่อนคลายจริงๆ พ่อแม่ต้องมีประโยคที่ทำให้ลูกรู้ว่า ถึงเวลาแล้วนะที่ต้องอ่านหนังสือ และประโยคที่ผู้เขียนใช้บ่อย ๆ คือ “ถึงเวลาสนุกแล้วสิ” ลูกจะเดินไปหยิบหนังสือเอง ลูกจะรู้สึกว่าเขาได้มีส่วนรวมไม่ได้ถูกบังคับ และพ่อแม่ต้องทำให้ลูกรู้สึกสนุกจริง ๆ ไม่ได้บังคับ“ไม่ต้องกังวลที่ลูก ยังอ่านหนังสือไม่ออก” ด้วยพฤติกรรมลูก แรกเริ่มฝึกหัดลูกจะสนใจแค่สีสันตัวการ์ตูน รูปสัตว์ต่างๆ เท่านั้น หนังสือเด็กเล็กไม่ได้เน้นตัวหนังสือ แต่เน้นสีสันสวย ๆ งามบทพูดเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะจินตนาการว่าวันนี้จะเล่าเรื่องอะไร เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ เป็นเสียงสมมุติ เช่น เสียงขี่ม้า กุบกับ ๆ หรือร้องฮี ๆ ลูกจะรู้ทันทีว่าเป็นม้า คนเป็นพ่อเป็นแม่ทำได้ทุกอย่างเชื่อสิ“อย่าเผลอสอนลูกอ่านหนังสือถ้ายังไม่ถึงช่วงวัย” ถ้าเขาพร้อมเขาจะถามเราเอง ลูกอยากรู้อยากเห็นก็ต่อเมื่อเขาสนใจ แต่พ่อแม่ต้องอดทนในการตอบคำถามลูก อย่าเบื่อหรือหงุดหงิดสะก่อน อันไหน ดอกไม้ อันไหนหมาป่า เศร้า ดีใจ มีความสุข ลูกเราเรียนรู้ได้ไวกว่าเราเยอะ “อย่าละเลยการมีส่วนร่วมของลูก”บางครั้งลูกอ่านออกเสียง อ้อแอ้ พ่อแม่ต้องใช้โอกาสนี้ เลียนเสียงของลูกด้วย“ตั้งใจวางหนังสือ ปนไว้กับของเล่น”การเล่นของลูกทุกครั้ง ต้องมีการหยิบจับตลอดเวลา ถ้าเบื่อก็หยิบชิ้นใหม่วนเวียนไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังแอบเห็นลูก คลานมาหยิบหนังสืออยู่ดี “พ่อแม่คนไหนที่ทำให้หนังสือเป็นส่วนหนังของชีวิตลูกได้”คุณนะที่สุดแล้วจริง ๆ “ในแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 30 นาทีต่อวัน”เด็กเล็ก ๆ วัยนี้ ควรฝึกแบบค่อยเป็นค่อยไป ยืดหยุ่นบ้าง ให้ลูกเรียนรู้ไปตามวัย 5 – 10 นาที กำลังดีพอเหมาะกับเด็กเล็ก พ่อแม่ต้องใส่ใจมีเทคนิคสร้างสถานการณ์ร่วมด้วย เช่น ปิดไฟดูดาว ใช้ไฟฉาย แล้วโย่งเข้าเรื่องดวงดาวบนท้องฟ้า แล้วจึงเริ่มเล่าเรื่อง ไม่ใช่พอถึงเวลาก็หยิบหนังสือมาอ่านให้ลูกฟัง กิจกรรมนี้ใช้เวลา ประมาณ 30 นาทีต่อวันก็พอ "ก่อนจบ ให้ถามลูกสักนิด วันนี้ได้อะไร"เพื่อเป็นการทบทวนสิ่งที่ลูกได้ในวันนี้จากการอ่าน ถามคำถามว่าสนุกไหม แต่สวนใหญ่เด็กเล็ก ๆ มักจะตอบว่า สนุก ให้พ่อแม่ใช้โอกาสนี้พูดกับลูกงั้นเรามาอ่านหนังสือกันอีก ในวันต่อไป อย่าลืมว่า ลูกเรายังเล็ก เด็กก็คือเด็ก อยากสนุก อยากเล่นตลอดเวลา พ่อแม่ต้องให้ความร่วมมือกัน เสียสละเวลาให้กับลูก จัดเวลาพักงานทุกอย่างให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่ครอบครัวได้มีความสุขร่วมกันถ้าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ไม่ทำไม่เริ่ม ลูกก็จะไม่มีประสบการณ์ดี ๆ แบบนี้เราเองก็ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมคะ ว่าการอ่านหนังสือ ช่วยนำพาชีวิตให้ลูกเราให้มีโอกาสมากมายแค่ไหน เราอยากให้ลูกมีความรู้หลากหลาย รู้มากกว่าคนอื่น และสุดท้ายแล้วเราเอง คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ก็อยากเห็นอนาคตของลูก มีแต่ความเจริญก้าวหน้า ในการใช้ชีวิต ในทุก ๆ ด้าน และการอ่านเป็นพื้นฐานสำคัญให้เกิดต่อยอดอยากทำสิ่งต่าง ๆ จะช่วยให้ลูกรู้จักตัวเอง รู้จักแก้ปัญหาพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคตอย่าลืมนำเทคนิคนี้ไปปรับใช้เพื่อ ช่วยให้ลูกน้อยของคุณชอบอ่านหนังสือด้วยกันค่ะ เครดิตภาพ : จากผู้เขียน Piyawan Tookaew