..." สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน! การพูดให้ชัดเจนและมีเสน่ห์ไม่เพียงแต่เป็นทักษะที่สำคัญในการสื่อสารในชีวิตประจำวันเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีผลต่อความสำเร็จในอาชีพและการเจริญเติบโตในหน้าที่การงานของเราอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนองาน, การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน, หรือการสื่อสารกับครอบครัวและเพื่อนฝูง เป็นต้น วันนี้เราจะมาฝึกพูดให้ชัดเจนและมีเสน่ห์กันค่ะ มีเทคนิคอย่างไรบ้างไปดูกันเลย "...1. ฝึกการหายใจ ..." การหายใจที่ดีช่วยให้เราสามารถพูดได้ชัดเจนและมั่นใจมากขึ้นนะคะ ให้เราลองฝึกหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็หายใจออกช้าๆ ยาวๆ เพื่อให้จิตใจเรานิ่งสงบ และใช้ลมหายใจในการช่วยพูดให้เสียงออกมาเป็นธรรมชาติชัดเจนและมีพลังมากที่สุดนะคะ เพราะฉะนั้นการควบคุมลมหายใจในขณะที่เราพูดจะช่วยให้เราพูดได้ชัดเจนและพูดมีจังหวะ ชัดถ้อยชัดคำมากยิ่งขึ้น ลองฝึกกันดูค่ะทุกคน "...2. ฝึกออกเสียง ..." การออกเสียงที่ชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็นนะคะ ให้เราเริ่มต้นฝึกด้วยการอ่านข้อความหรือประโยคอะไรก็ได้ แล้วออกเสียงช้าๆ และค่อยๆ เพิ่มความเร็วในขณะที่ยังคงรักษาความชัดเจนของการออกเสียงอยู่ หรือจะฝึกออกเสียงคำต่างๆ อย่างชัดเจนโดยใช้กระจกช่วยดูท่าทางปากและการเคลื่อนไหวของลิ้น เช่น ฝึกออกเสียงคำที่มีพยัญชนะท้ายที่ยาก เช่น "ร", "ล", "ง" เป็นต้น ลองฝึกฝนกันดูค่ะ "...3. ฝึกปรับโทนเสียง ..." โทนเสียงที่หลากหลายสามารถทำให้การพูดของเราดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นนะคะ โดยให้เราเน้นที่การออกเสียงสระและพยัญชนะให้ครบถ้วน ซึ่งจะช่วยให้เสียงของเราเข้าใจง่ายขึ้น โดยให้เราลองเปลี่ยนระดับเสียง และความเร็วของการพูดดูนะคะ แล้วใช้โทนเสียงสูงหรือต่ำในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อทำให้ผู้ฟังไม่รู้สึกเบื่อและทำให้การสื่อสารของเราดูมีชีวิตชีวามากขึ้นค่ะ ทั้งนี้ควรฝึกควบคุมเสียงและโทนเสียงให้เหมาะกับสถานการณ์และเนื้อหาที่พูดด้วยนะคะ "... ยกตัวอย่าง เช่น เราสามารถฟังการพูดของผู้ที่เราคิดว่ามีโทนเสียงดี เช่น ผู้ประกาศข่าว, นักพูดสาธารณะที่มีชื่อเสียง พยายามทำความเข้าใจว่าอะไรทำให้เสียงของพวกเขาน่าฟัง แล้วเราก็มาฝึกตามก็ได้ค่ะ4. ฝึกภาษากาย ..." การใช้ภาษากายที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสิ่งที่เรากำลังพูด จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกเชื่อถือและมีการตอบสนองต่อสิ่งที่เราพูดมากยิ่งขึ้น การพูดของเราก็จะดูมีพลังและดึงดูดผู้ฟังได้ดีเลยทีเดียว "...ยกตัวอย่าง เช่นการใช้ท่าทางมือ: การใช้มือในการชี้แจงประเด็นหรือเน้นคำพูด ช่วยให้การพูดของเราชัดเจนขึ้น เช่น การพูดคำว่า " ทุกคน " เราสามารถใช้ท่าทางมือที่เปิดหงายออกและกวาดมือออกไปกว้างๆเพื่อให้รู้ว่าเรากำลังพูดถึงผู้ฟังที่อยู่ตรงหน้าเรา และอาจจะเป็นการเชิญหรือการต้อนรับก็ได้ การยิ้ม: การยิ้มแบบธรรมชาติช่วยให้บรรยากาศดูเป็นกันเองและดูเป็นมิตรนะคะ และยิ่งไปกว่านั้นการยิ้มยังส่งสัญญาณว่าเราเป็นผู้พูดที่มีความมั่นใจและมีความสุขที่จะแบ่งปันข้อมูลหรือความคิดให้กับผู้ฟัง การยิ้มในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็จะทำให้ผู้พูดดูเข้าถึงได้ง่ายและมีเสน่ห์มากขึ้นค่ะการมองตา: การมองตาผู้ฟังแสดงถึงความจริงใจ, ให้ความสำคัญ, ให้ความเคารพ และให้ความสนใจที่เรามีต่อผู้ฟังนะคะ หากเรามีผู้ฟังหลายคนก็ให้เราพยายามกระจายการมองตาไปยังผู้ฟังทุกคน เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาถูกใส่ใจและมีส่วนร่วมในการสนทนาด้วย ..." การประยุกต์ใช้ภาษากายเหล่านี้อย่างมีสติและเหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มพลังให้กับการพูดของเราได้ ทำให้การสื่อสารของเราดูมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลองฝึกกันดูค่ะ "...5. เลือกคำพูดอย่างรอบคอบ ..." การใช้คำศัพท์ที่เหมาะสมกับผู้ฟังและไม่ซับซ้อนมากเกินไป จะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจข้อความได้ง่ายขึ้นนะคะ "...ยกตัวอย่าง เช่นทราบกลุ่มเป้าหมายของคุณ: ให้เราพิจารณาเกี่ยวกับผู้ฟัง เช่น วัย, เพศ, วัตถุประสงค์, และระดับความรู้ของพวกเขา เพื่อเลือกคำศัพท์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายนั้นๆใช้ภาษาที่เข้าใจได้: พยายามใช้คำศัพท์ที่เข้าใจได้ง่ายๆ และไม่ซับซ้อนมากเกินไป หากมีคำศัพท์ที่มีความหมายเฉพาะเจาะจง พยายามอธิบายให้ชัดเจนและใช้ตัวอย่างที่เหมาะสม เช่น ศัพท์ทางวัยรุ่น, ศัพท์ทางวิชาการ หรือศัพท์ทางเทคนิค เป็นต้นหลีกเลี่ยงภาษาเชิงลบหรือดูหมิ่น: ข้อนี้สำคัญมากนะคะ เพราะเราจะต้องใช้ภาษาที่สุภาพและให้ความเคารพต่อผู้ฟังตามวาระและความเหมาะสม อย่าใช้ภาษาเชิงลบหรือดูหมิ่นเพราะอาจจะทำให้ผู้ฟังไม่สบายใจ และไม่ฟังเราก็เป็นได้6. การฝึกพูดอย่างสม่ำเสมอ ..." การฝึกพูดอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะการฝึกฝนและลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เราเคยชินและมีความคล่องแคล่วในการพูดได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น "... ยกตัวอย่าง เช่น ลองบันทึกเสียงหรือวิดีโอของตัวเองในขณะที่เราพูด แล้วฟังและดูเพื่อประเมินการพูดของเราและปรับปรุงการพูดให้ดีขึ้น นอกจากนี้การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเชื่อมั่นในการพูดของเราได้อีกด้วยค่ะ ..." สุดท้ายนี้ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ฝากติดตามบทความต่อๆไปในเรื่องราวดีๆของผู้เขียนด้วยน๊า รักและแบ่งปันเรื่องราวดีๆให้กันเสมอ พบกันใหม่ในบทความหน้าสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ "... เครดิตภาพ1. ภาพปกโดย Masukaza (เจ้าของบทความ)2. ภาพปกออกแบบโดย Canva 3. ขอบคุณภาพปกโดย Thirdman | Pexels4. ภาพประกอบทั้งหมดขอบคุณภาพประกอบที่ 1 Mikael Blomkvist | Pexels ขอบคุณภาพประกอบที่ 2 Liza Summer | Pexelsขอบคุณภาพประกอบที่ 3 George Milton | Pexelsขอบคุณภาพประกอบที่ 4 Henri Mathieu-Saint-Laurent | Pexelsขอบคุณภาพประกอบที่ 5 Henri Mathieu-Saint-Laurent | Pexelsขอบคุณภาพประกอบที่ 6 Andrea Piacquadio | Pexelsเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !