"Xiaomi" จ่อขึ้นราคามือถืออีก ต้นทุนชิปหน่วยความจำพุ่ง

Xiaomi (เสียวหมี่) ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนอันดับ 3 ของโลก เตือนว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มจะเห็นราคาสมาร์ตโฟนปรับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า สาเหตุหลักมาจากราคาชิปหน่วยความจำที่เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยยอมรับว่าแม้บริษัทจะต้องทยอยปรับราคาขายปลีกขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยต้นทุนที่พุ่งสูงได้ทั้งหมด

ราคาชิปหน่วยความจำในตลาดโลกกำลังปรับตัวขึ้นแรง จากแรงซื้อของผู้ให้บริการคลาวด์และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่เร่งลงทุนศูนย์ข้อมูล เพื่อรองรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในระดับเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ความต้องการใช้หน่วยความจำความจุสูงและความเร็วสูงเพิ่มขึ้นในเวลาอันสั้น

ด้านฝั่งผู้ผลิตชิป รายใหญ่ของโลกอย่างซัมซุงและผู้ผลิตรายอื่นเริ่มโยกกำลังการผลิตไปสู่ชิปหน่วยความจำความเร็วสูงประเภท HBM ที่ใช้กับเซิร์ฟเวอร์ AI และงานประมวลผลระดับดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้น พร้อมลดกำลังการผลิตชิปหน่วยความจำแบบเดิมที่ใช้ในสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค ส่งผลให้ซัพพลายชิปสำหรับมือถือเริ่มตึงตัวและราคาขยับขึ้นต่อเนื่อง

ผู้บริหารเสียวหมี่ประเมินว่า แรงกดดันด้านต้นทุนจากราคาชิปหน่วยความจำจะรุนแรงในปีหน้ามากกว่าปีนี้ และภาพรวมผู้บริโภคมีแนวโน้มจะเห็นราคาสินค้าปลีก โดยเฉพาะสมาร์ตโฟน ปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งของแรงกดดันจำเป็นต้องจัดการผ่านการขึ้นราคา แต่การขึ้นราคาเพียงอย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอที่จะรองรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด ทำให้ผู้ผลิตต้องบริหารจัดการต้นทุนและโครงสร้างผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ เสียวหมี่เคยชี้แจงต่อสาธารณะว่าการปรับตัวขึ้นของราคาชิปหน่วยความจำเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการผลิตสมาร์ตโฟนเพิ่มขึ้น หลังมีเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคบางส่วนที่รู้สึกว่าราคาของรุ่นใหม่อย่าง Redmi K90 อยู่ในระดับที่สูงกว่าที่คาดหวัง สะท้อนความอ่อนไหวของตลาดต่อราคาสมาร์ตโฟนในภาวะค่าครองชีพสูง

อย่างไรก็ดี เสียวหมี่ยังคงรักษาตำแหน่งผู้เล่นหลักในตลาดโลกได้ โดยในไตรมาส 3 บริษัทส่งมอบสมาร์ตโฟนได้ 43.3 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกร้อยละ 13.6 ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย Omdia ซึ่งทำให้เสียวหมี่ครองอันดับ 3 ในตลาดโลกต่อเนื่อง

แม้เสียวหมี่จะเร่งขยายธุรกิจไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI แต่สมาร์ตโฟนยังเป็นหนึ่งในธุรกิจแกนหลัก และการปรับขึ้นของต้นทุนชิปหน่วยความจำในปัจจุบันกำลังกลายเป็นโจทย์ท้าทายทั้งต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคทั่วโลก ภายใต้สมการที่ต้นทุนพุ่งสูง แต่การแข่งขันด้านราคายังรุนแรง การปรับขึ้นราคาสมาร์ตโฟนในปีหน้าจึงอาจเป็นสัญญาณของยุคใหม่ที่อุปกรณ์มือถือระดับกลางถึงพรีเมียมมีแนวโน้มราคาขยับขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตต้องใช้กลยุทธ์ด้านนวัตกรรมและเซ็กเมนเทชันมาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มรองรับต้นทุนที่สูงขึ้นควบคู่กันไป