ขึ้นชื่อว่า "การเป็นคนดี" นั้นแน่นอนว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ เป็นคนดีที่ใครๆ ต่างก็รักใคร ชื่นชอบ เอ็นดู แต่ทว่าในการเป็นคนดีนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นได้กับทุกคนบนโลกนี้ บางคนเมื่อเราทำดีด้วยเขาก็เห็นคุณค่าในความดีของเรา แต่บางคนเมื่อเราทำดีด้วยเขากลับไม่เห็นคุณค่า แถมเรายังถูกเอาเปรียบ ถูกรังแก และถูกหลอกอีกต่างหาก จนตัวเราเองต้องประสบแต่ความเดือดร้อนและความลำบากอยู่ฝ่ายเดียว ทำให้บางคนเกิดคำถามที่ว่า "เป็นคนดีทำไมมันยากจัง" บางคนอาจมีความคิดที่ว่า "ถ้าการเป็นคนดีมันยากแบบนี้...เป็นคนเลวจะง่ายกว่า" หรือบางคนอาจคิดว่า "ทำดีไปแล้วทำไมถึงไม่ได้ดีกลับมาเลย" เหมือนอย่างสำนวนไทยที่ว่า "ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาป" ซึ่งความหมายมันก็พอๆ กันกับสำนวน "ชาวนากับงูเห่า" นั่นแหละครับ แทบจะไม่แตกต่างกันเลย ถ้าหากใครที่กำลังคิดว่าการเป็นคนดีมันยากเย็นมาก ควรปรับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะความคิดแบบนี้มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น จริงๆ แล้วการเป็นคนดีมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนะ แค่มันมีวิธีอยู่ที่บางคนอาจจะมองข้ามมันไป ในเนื้อหาบทความนี้ผู้เขียนจะมาแชร์ประสบการณ์และมุมมองส่วนตัวในหัวข้อ 3 วิธีในการ "เป็นคนดี" ที่ถูกต้อง ทำดีอย่างไรให้มีคุณค่าและปลอดภัยที่สุด ? ซึ่งแต่ละข้อจะมีอะไรกันบ้างนั้น เราไปตามอ่านก็ได้เลยครับ หมายเหตุ : เนื้อหาบทความนี้เป็นเพียงการแชร์ประสบการณ์และแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้แก่เหล่าผู้อ่าน ไม่ได้มีเจตนาเหมารวมหรือโจมตีใครคนใดคนหนึ่งแต่อย่างใด หากมีข้อผิดพลาดในประการใด ทางผู้เขียนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ 1. ต้องมีขอบเขตที่ชัดเจน : ในที่นี้หมายถึงว่าเป็นการทำดีที่ต้องรู้จักประมาณตน ต้องมีขอบเขตในการทำดีไม่ว่าจะกับใครก็แล้วแต่ ทำดีแค่กับคนที่เห็นในคุณงามความดีของเราจริงๆ และควรทำดีเท่าที่ตัวเราเองจะทำได้ ตัวผู้เขียนเองก็ยอมรับตรงๆ เลยว่าเคยทำดีกับใครต่อใครเพื่อหวังจะให้คนอื่นยอมรับในตัวเรา ใครขออะไรเราก็ยอมเขาไปหมดแทบทุกอย่าง ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวเรานี่แหละที่ต้องเหนื่อยและลำบาก เพียงเพราะเราไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนพอ ทำให้คนอื่นคาดหวังกับเรามากขึ้น และถูกล้ำเส้นมากขึ้น ทางแก้ที่ผู้เขียนจะแนะนำเลยคือเราต้องรู้จักปฏิเสธออกไปบ้าง ถึงสิ่งที่เราคิดว่าทำไม่ได้หรือทำไม่ไหวจริงๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องสูญเสียความสัมพันธ์ ถ้าหากอีกฝ่ายเข้าใจเรามันก็คงดีไม่น้อย แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่เข้าใจแถมยังแสดงอารมณ์โกรธหรือไม่พอใจใส่เรา เราก็ไม่ต้องไปแคร์ ไม่ต้องไปสนใจ ปล่อยเขาไปเถอะ ทำดีแค่กับคนที่เขาเข้าใจเราและมองเห็นในคุณงามความดีของเราจริงๆ ถึงจะมีไม่มากแต่มันก็คุณค่าอย่างมาก ทำสำคัญคือเราต้องมีขอบเขตที่ชัดเจน อย่าปล่อยให้ใครมาล้ำเส้นเราไปมากกว่านี้ 2. มีสติให้มากๆ : การทำดีสามารถทำได้ไม่มีใครว่า แต่ถึงกระนั้นคือเราก็ต้องมีสติในการทำดีด้วยเช่นกัน ไม่ใช่นึกจะทำดีกับใครก็ได้โดยที่ไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลังให้ละเอียดถี่ถ้วนถึงนิสัยใจคอของคน สุดท้ายเมื่อพลาดเราก็ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ซึ่งบทเรียนที่ผ่านมาตัวผู้เขียนก็ได้เรียนรู้และเริ่มเข้าใจได้แล้ว เพราะตัวผู้เขียนเองก็เคนขาดสติในการทำดีเช่นกัน คือทำดีจนไม่รู้ว่าผลเสียที่ได้รับมันจะเป็นแบบไหน และแล้วเราก็ได้รู้แล้วว่ามันไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด มันมีแต่ปัญหาต่างๆ มากมายที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ ขาดสติไม่พอยังขาดความเป็นตัวเองด้วย ดังนั้นเมื่อรู้แบบนี้แล้วตัวผู้เขียนก็ได้ตั้งสติให้มากขึ้น ควบคุมจิตใจของตัวเองไม่ให้แคร์คนอื่นมากเกินไป อะไรที่เราคิดว่าทำไม่ได้หรือว่าทำไม่ไหวเราก็จะปฏิเสธออกไป และจะดูว่าคนคนนั้นคู่ควรกับคุณงามความดีของเราหรือไม่ สำหรับผู้เขียนแล้วมันก็คุ็มนะ กับการที่เราได้ทำดีกับคน มันเหมือนเป็นการทดสอบคน และเราก็ได้สังเกตคนไปในตัวด้วย อย่างน้อยๆ เราก็ได้รู้ว่าคนคนนี้คู่ควรไหมที่เราจะทำดีด้วย 3. ทำดีให้ถูกกาลเทศะ : คุณงามความดีของเราจะดูสวยสง่า ดูมีระดับ และดูมีคุณค่าขึ้นมาได้ เราต้องทำดีให้ถูกกาลเทศะ ถูกที่ ถูกเวลา และก็ถูกคน อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไปข้างต้นว่าการทำดีมันเป็นสิ่งที่ดีก็จริง แต่มันก็ใช่ว่าจะทำกับใครก็ได้ ซึ่งในข้อนี้ผู้เขียนก็ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้ว เห็นได้ว่ามันก็มีแค่บางคนที่จริงใจ เราดีไปเขาก็ดีกลับมา บอกเลยว่าคนในลักษณะนี้สำหรับเรามองว่ามีน้อยมากๆ และในทางกลับกันก็มีคนที่ไม่จริงใจเยอะอยู่พอสมควร เราดีไปอีกฝ่ายก็ไม่เคยจดจำ ไม่เคยเห็นคุณค่าด้วยซ้ำไป แถมยังถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกรังแก หรือถูกหลอกอีก ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่แย่มากๆ สำหรับตัวผู้เขียนเลยก็ว่าได้ ตัวผู้เขียนก็ได้มาลองคิดทบทวนดู แล้วก็ได้เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าความดีมันไม่สามารถซื้อใจคนทุกคนได้ เราควรที่จะหยุดได้แล้วกับการทำดีให้กับคนที่เขาไม่เห็นค่า แล้วหันไปทำดีแค่กับบางคนที่จริงใจ และเห็นว่าเราดีจริงๆ ผู้เขียนแทบจะเจอน้อยมาก แต่ถึงกระนั้นแม้จะมีไม่ได้เยอะมากแค่ประมาณ 1-2 คน ส่วนตัวผู้เขียนมองว่ามันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากแล้ว ถึงมีน้อยแต่ก็มีคุณภาพ มันรู้สึกปลอดภัยและก็สบายใจที่สุด อยากจะรักษาเขาเอาไว้ให้ได้นานๆ เลยล่ะ และทั้งหมดนี้คือเนื้อหาในบความของเราในวันนี้ครับ การทำดีสำหรับตัวผู้เขียนแล้วมันไม่ได้ยากอะไรเลย แต่แค่เราต้องรู้ขอบเขตของการทำความดี รู้จักประมาณตน ทำแค่เท่าที่เราไหว ทำเท่าที่เราพอจะทำได้ พยายามอย่าดีมากเกินไป เพราะจะทำให้เราดูเป็นคนที่อ่อนแอ และยังเป็นการเปิดช่องทางให้คนที่ไม่ดีมาเอาเปรียบ รังแก หรือหลอกลวงเราได้ และที่สำคัญคือเราต้องรู้จักใช้สติ ดูคนให้ดีๆ เสียก่อนที่เราจะทำดีออกไป ดูว่าคนคนนั้นคู่ควรกับความดีของเราหรือเปล่า และก็ต้องทำดีให้ออกมาจากใจของเราจริงๆ ไม่ใช่ฝืนหรือเสแสร้งแกล้งทำไปงั้นๆ ลองดูไปเรื่อยๆ ลองใช้ความดีของเราในการทดสอบคน เชื่อว่าอีกไม่นานเราก็คงจะได้เห็นอย่างชัดเจนถึงธาตุแท้ของคน เพื่อที่เราจะได้มีสติและปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย ถ้าหากใครเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ก็ฝากแชร์ด้วยนะครับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าครับ ขอบคุณทุกๆ คนที่กดเข้ามาอ่านนะครับ ิเครดิตรูปภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาทั้งหมดออกแบบโดย : AloneLife (ผู้เขียน) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !