คอหนังหลายๆท่านนอกจากจะได้ความบันเทิงผ่านการชมภาพยนตร์แล้วเขาเหล่านั้นยังได้รับ Communication Skills ที่พัฒนาได้อย่างน่าทึ่งผ่านการดูหนังฟังภาษาแหล่งเรียนรู้ราคาแสนประหยัดที่จะนั่งเรียนนอนเรียนก็ได้ตามอัธยาศัยเรียนได้ทุกที่ทุกเวลาสอนโดยเจ้าของภาษาอย่างแท้จริงที่ NETFLIX เพียงคุณรู้ เทคนิคดี ๆ ต่อไปนี้ ที่ช่วยให้เรียนรู้ได้ไวภายใต้ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่เขาเหล่านั้นไม่เคยบอกใครแต่เรากำลังจะบอกคุณค่ะอันดับแรกสมัคร แพ็กเก็จ Netflix 99 บาท ผ่านทรูมันนี่วอลเล็ท ก่อนเลยค่ะ เรียบร้อยแล้วมาแบ่งเวลาให้กับการดูหนังเพื่อความผ่อนคลายอย่างสม่ำเสมออย่าลืมว่าการดูหนังนอกจากเพื่อความบันเทิงแล้วยังเป็นช่องทางในการได้สร้างความคุ้นเคยในการฟังภาษาด้วยค่ะการดู NETFLIX สม่ำเสมอสำคัญไฉน คล้ายคลึงกับการจะจีบสาวคุณก็ต้องเช้าถึงเย็นถึง และคุณก็ต้องพยายามแล้วพยายามอีกคุณก็ต้องทุ่มเทแล้วทุ่มเทอีกภาษาอังกฤษก็เช่นกันถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องเช้าถึงเย็นถึง และถ้าคุณพยายามแล้วก็ต้องพยายามอีกทุ่มความสนใจใส่ลงไปให้เต็มที่แบบนี้เลย อย่าลืมว่าความสำเร็จใด ๆ ล้วนสำเร็จได้ด้วย 3 ปัจจัยนี้ Takes time , Effort and Dedication เมื่อใจเกินร้อยแล้วมารับฟัง “ เทคนิคดี ๆ ” ต่อไปนี้ที่ช่วยให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ไวภายใต้ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ นั่นคือ Imitation Technique ซึ่งเป็นเทคนิคที่เรากำลังจะบอกคุณว่าเทคนิคนี้มันเวิร์คมาก ๆ กับหลาย ๆ คนและมันต้องเวิร์คกับคุณด้วยแน่ ๆ เพียงแค่คุณดู NETFLIX ซึ่งคุณสามารถเลือกเสียงบรรยายและ Subtitle ได้ตามใจชอบเอื้อสุดๆต่อการใช้ฝึกภาษา“Imitation Technique“ คือเทคนิคการลอกเลียนแบบค่ะออกแบบมาเพื่อช่วยคุณพูดภาษาอังกฤษได้มั่นใจ ฉะฉาน เป็นการเป็นงาน และไปกันได้แบบเนียน ๆ กับเจ้าของภาษาเลยค่ะเพราะ Imitation Technique เป็นการเรียนรู้ที่จะสื่อสาร ที่มากไปกว่าการเรียนรู้คำศัพท์ และมากกว่าที่จะเรียนรู้ว่าคุณจะพูดอะไร แต่เป็นการเรียนรู้ว่าคุณจะพูดอย่างไรโดยการเลียนแบบการพูดของนักแสดงในภาพยนตร์ที่เรารับชมค่ะ ขั้นตอนการฝึก Imitation Technique มี 3 ขั้นตอนง่ายๆดังนี้1. Listen and Read รอบแรกหลังชมภาพยนตร์จบ เลือกบางช่วงที่คุณสนใจเปิดชมภาพยนตร์ช่วงนั้นซ้ำโดยตั้งใจโฟกัสที่การฟังและอ่าน Subtitle ไปพร้อมๆกันให้ความสำคัญกับ Stress , Intonation , Tone และ Body Language นั่นคือให้ความสำคัญกับวิธีการออกเสียงรวมทั้งสังเกตการแสดงสีหน้าท่าทางภาษากายซึ่งก็มีความหมายมากมายต่อการนำมาใช้สื่อสารจริง2. Listen and Imitate รอบที่สองชมภาพยนตร์ช่วงเดิมซ้ำอีกครั้งโดยรอบนี้ ฟังและออกเสียงไปพร้อมๆกับนักแสดงอย่าลืมออกเสียงที่มีการเชื่อมเสียง (Linking sound) มีเสียงท้ายคำ (Final sound) และมีเสียงที่เน้นหนัก (stressed sound) นั่นก็หมายความว่า หากสื่อสารออกมาแล้วเจ้าของภาษาเข้าใจคุณได้ง่าย ๆ ก็คงต้องให้ความสำคัญกับการพูดที่คล้ายเจ้าของภาษามากที่สุดเลียนแบบไว้เลยค่ะ3. Time to shadowing รอบที่สามชมภาพยนตร์ช่วงเดิมซ้ำอีกครั้งโดยรอบนี้พูดโต้ตอบกับตัวละคร เช่นเราอาจเลือกฝึกพูดใน Dialogue ของนางเอก เปิดฟังเสียงคู่สนทนาและ ขั้นตอนนี้จะมีการ Pause เพื่อโต้ตอบโดยเสียงเราเองแทนเสียงของนางเอก หากเป็นไปได้ควรจำ Dialogue ให้ได้ ฝึกการพูดโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติที่สุดทำซ้ำ 3 ขั้นตอนจนกระทั่งคุณเป็นนางเอก ที่สมบทบาทที่สุดเป็นอันจบการฝึกเป็นไงคะดู NEFLIX จบแล้วทุกครั้ง อย่าลืมนำ Imitation Technique ไปใช้เสมอนะคะเพื่อการใช้ภาษาอังกฤษที่เป๊ะปังคล้ายเจ้าของภาษามากที่สุด บทความโดย : วีรันดาภาพที่ 1 (ปก) : Unsplash ภาพที่ 2 : Unsplash ภาพที่ 3 : Unsplash ภาพที่ 4 : Unsplash