ย้อนกลับไปในยุคทองของ PlayStation 1 ท่ามกลางเกม JRPG มากมายที่แข่งขันกันอวดโฉม เกมซีรีส์หนึ่งได้นำเสนอโลกแห่งสงครามหุ่นยนต์ยักษ์ "Wanzer" ผสมผสานกลิ่นอายอนิเมะญี่ปุ่นเข้ากับระบบการเล่นแบบวางแผนกลยุทธ์ที่เข้มข้น นั่นคือซีรีส์ Front Mission และในวันนี้ ผมจะพาคุณดำดิ่งสู่ความทรงจำในสมรภูมิเหล็กกล้ากับ Front Mission 3 ภาคที่ตราตรึงอยู่ในใจผมเสมอมา เนื้อเรื่อง: สองเส้นทาง สองชะตากรรม เลือกเอง เล่นเอง สนุกเอง Front Mission 3 พาเราเข้าสู่สงครามระหว่างสองชาติมหาอำนาจ สหพันธ์สาธารณรัฐโอเชียเนีย (O.C.U.) และ สาธารณรัฐประชาชนซินไห่ (People's Republic of Zaftra) โดยมี คาซึกิ ทาจิบานะ เด็กหนุ่มนักเรียนมัธยมปลายชาวญี่ปุ่น เป็นตัวละครหลัก เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ Wanzer ระเบิดกลางเมืองโยโกฮาม่า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด จุดเด่นที่ทำให้ Front Mission 3 แตกต่างจากภาคก่อนๆ คือ ระบบเส้นทางเนื้อเรื่องแบบแยก หลังจากเล่นไปสักพัก ผู้เล่นจะต้องเลือกระหว่างเส้นทางของ "เอ็มม่า" เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง O.C.U. ผู้มีบุคลิกเย็นชาและเด็ดเดี่ยว กับ "อลิซา" หญิงสาวลึกลับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Wanzer ซึ่งแต่ละเส้นทางจะมีเนื้อเรื่อง เหตุการณ์ และตัวละครที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ผมจำได้ว่าตอนเล่นครั้งแรก ผมเลือกเส้นทางของเอ็มมา ด้วยความที่เธอเป็นตัวละครหญิงที่ดูเท่ ผมรู้สึกเหมือนได้สวมบทบาทเป็นสายลับ ต้องแทรกซึมเข้าไปในองค์กรลับ สืบหาความจริง และต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง เส้นทางของเธอพาผมไปพบกับเรื่องราวการเมืองระหว่างประเทศ การทรยศหักหลัง และภารกิจลับสุดอันตราย ซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ลุ้นระทึก และหักมุมตลอดเวลา ผมรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังแอ็คชั่น ผสมผสานกับการวางแผนกลยุทธ์ แต่หลังจากจบเส้นทางของเอ็มมาแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะกลับไปเล่นเส้นทางของอลิซา ซึ่งทำให้ผมได้เห็นมุมมองของเรื่องราวอีกด้านหนึ่ง เส้นทางของเธอเน้นไปที่เรื่องราวของเทคโนโลยี การทดลองลับ และปริศนาของอาวุธใหม่ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้เล่นเกมคนละเกมเลยทีเดียว ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เบื้องหลัง และแรงจูงใจของตัวละครแต่ละฝ่าย ทำให้ผมเข้าใจถึงความขัดแย้ง และมิติของเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น การมีเส้นทางเนื้อเรื่องแบบแยกนี้ ทำให้ Front Mission 3 มีคุณค่าในการเล่นซ้ำสูง เพราะผู้เล่นจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน และได้เห็นภาพรวมของเรื่องราวอย่างครบถ้วน ระบบการเล่น: กลยุทธ์เดือด สนุกจนวางไม่ลง ปรับแต่ง Wanzer สุดมันส์ Front Mission 3 ใช้ระบบการเล่นแบบวางแผนผลัดกันเดิน (Turn-based Strategy) โดยผู้เล่นจะต้องควบคุม Wanzer ของตัวเอง เคลื่อนที่ โจมตี และป้องกัน บนแผนที่แบบตาราง ซึ่งต้องอาศัยการคิด การวางแผน และการคาดการณ์ล่วงหน้า ความสนุกของระบบการเล่นอยู่ที่การวางแผน การเลือกอาวุธ และการจัดการชิ้นส่วนของ Wanzer ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพในการต่อสู้ เช่น ถ้าเราเลือกใช้ปืนกล ก็จะโจมตีได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับจัดการศัตรูที่มีพลังป้องกันต่ำ แต่พลังทำลายต่ำ อาจจะไม่สามารถเจาะเกราะหนาๆ ได้ แต่ถ้าเลือกใช้มิสไซล์ ก็จะสร้างความเสียหายได้มาก สามารถทำลายศัตรูที่มีเกราะหนาได้ในพริบตา แต่มีจำนวนกระสุนจำกัด และอาจพลาดเป้าได้ง่าย ผมชอบระบบการปรับแต่ง Wanzer มาก เพราะมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้สร้างหุ่นยนต์ในฝันของตัวเอง ผมสามารถเลือกติดตั้งอาวุธ เกราะ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ตามใจชอบ เช่น ติดตั้งปืนใหญ่พลังทำลายสูงไว้ที่แขนข้างขวา ติดตั้งมิสไซล์ไว้ที่ไหล่ และติดตั้งเกราะเสริมความทนทานไว้ที่ลำตัว ซึ่งทำให้ Wanzer แต่ละเครื่องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเหมาะกับสไตล์การเล่นของแต่ละคน นอกจากนี้ เกมยังมีระบบ "ลิงค์โจมตี" ที่ให้ Wanzer หลายเครื่อง ร่วมมือกันโจมตีศัตรูพร้อมกัน ซึ่งสร้างความเสียหายได้มหาศาล แต่ก็ต้องระวัง เพราะศัตรูก็สามารถใช้ลิงค์โจมตีใส่เราได้เช่นกัน การใช้ลิงค์โจมตีอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการวางตำแหน่ง และการเลือกเป้าหมายที่ดี ระบบการเล่นของ Front Mission 3 มีความลึกซึ้ง และท้าทาย ผู้เล่นต้องเรียนรู้ ปรับตัว และพัฒนาฝีมืออยู่เสมอ เพื่อเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กราฟิกและเสียง: เสน่ห์แห่งยุค PS1 ภาพสวย เสียงเร้าใจ แม้กราฟิกของ Front Mission 3 จะเป็นแบบ 3D โพลิกอน ตามสไตล์เกมยุค PS1 แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของเกมลดลงเลย โมเดล Wanzer ถูกออกแบบมาอย่างละเอียด มีรายละเอียดของชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ข้อต่อ เกราะ อาวุธ ครบถ้วน และมีอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวที่ดูสมจริง เช่น การเดิน การยิง การใช้ดาบ ฉากในเกมก็มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมือง ฐานทัพ โรงงาน ป่า ภูเขา ทะเลทราย ซึ่งล้วนแต่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม และมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ส่วนเพลงประกอบก็ทำออกมาได้ดี มีทั้งเพลงแนวบ uplifting ที่ช่วยเพิ่มความฮึกเหิมในระหว่างการต่อสู้ เช่น เพลงในฉากต่อสู้กับบอส หรือเพลงในฉากที่ต้องทำภารกิจแข่งกับเวลา และเพลงแนวเศร้า ที่สื่อถึงความสูญเสียจากสงคราม เช่น เพลงในฉากที่ตัวละครต้องตาย หรือเพลงในฉากจบ ผมจำได้ว่าตอนเล่น ผมชอบเปิดเพลงประกอบเกมคลอไปด้วย มันทำให้ผมอินกับบรรยากาศของเกมมากขึ้น และรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในสมรภูมิจริงๆ เสียงประกอบอื่นๆ เช่น เสียงระเบิด เสียงปืน เสียง Wanzer เคลื่อนที่ ก็ทำออกมาได้สมจริง ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่น ความประทับใจ: เกมในความทรงจำที่ไม่มีวันลืม มากกว่าเกม คือเพื่อน Front Mission 3 เป็นเกมที่ผมเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้กี่รอบ ก็ยังไม่เบื่อ ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ระบบการเล่นที่สนุก และความหลากหลายของเส้นทางเนื้อเรื่อง ทำให้ผมรู้สึกอยากกลับไปเล่นอยู่เสมอ ผมชอบที่เกมนี้ทำให้ผมได้คิดวางแผน แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวละคร ซึ่งส่งผลต่อชะตากรรมของพวกเขา มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว และได้มีส่วนร่วมในการกำหนดชะตาชีวิตของตัวละคร Front Mission 3 ไม่ใช่แค่เกม แต่มันคือประสบการณ์ ความทรงจำ และส่วนหนึ่งของชีวิตวัยเด็กของผม มันเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างผม ในช่วงเวลาที่ผมมีความสุข และช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเหงา สรุป ถ้าคุณเป็นแฟนเกมแนววางแผนกลยุทธ์ หรือชอบเกมที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้น ผมขอแนะนำ Front Mission 3 เลยครับ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง และอาจจะตกหลุมรักเกมนี้เหมือนกับผมก็ได้ แถมท้าย: ความทรงจำในวัยเด็ก กับมิตรภาพบนสมรภูมิเหล็กกล้า ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมชอบเล่น Front Mission 3 กับเพื่อนๆ พวกเราจะผลัดกันเล่น ผลัดกันวางแผน ผลัดกันบ่น เวลาพลาดท่าเสียที หรือ Wanzer ถูกทำลาย บางครั้งก็ทะเลาะกัน แย่งกันเล่น แต่สุดท้าย พวกเราก็กลับมาเล่นด้วยกันใหม่ หัวเราะ สนุกสนาน และสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน Front Mission 3 ไม่ใช่แค่เกม แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต มิตรภาพ และความทรงจำในวัยเด็กของผม ที่ผมจะไม่มีวันลืม คะแนน: 9.5/10 ข้อดี: เนื้อเรื่องเข้มข้น มีเส้นทางเนื้อเรื่องแบบแยก เพิ่มคุณค่าในการเล่นซ้ำ ระบบการเล่นวางแผนกลยุทธ์ที่สนุก ลึกซึ้ง และท้าทาย ระบบการปรับแต่ง Wanzer ที่อิสระ กราฟิกและเสียง สวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ข้อเสีย: ระบบการควบคุม อาจจะดูซับซ้อน สำหรับผู้เล่นใหม่ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ และทำให้คุณ อยากกลับไปสัมผัสกับความสนุกของ Front Mission 3 อีกครั้งนะครับ เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !