มาจัดไฟถ่ายคนสวยๆ งบประหยัด ด้วยโคมไฟอ่านหนังสือแบบง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนเป็นพัน เหมือนทำงานในสตูดิโอ อ่านคอนเทนท์นี้จัดไฟได้จริงอย่างช่างภาพมืออาชีพ คุยเรื่องสไตล์การจัดแสงได้รู้เรื่อง ไม่อายใครจริงๆ ครับ อุปกรณ์หา ง้าย ง่าย จริงครับบนโต๊ะทำงานเรานี่เองครับ โคมไฟอ่านหนังสือ ที่อยู่ตรงหน้าเรานี่แหล่ะครับ ใช้ผ้าขาวบางหรือกระดาษไขที่ใช้เขียนแบบ เอาไม้หนีบหนีบผ้า บังหน้าไฟเพื่อให้แสงนุ่มนวลขึ้น เงาซอฟๆ ครับเรื่องของแสงเมื่อเราจัดการเรื่องอุปกรณ์แบบแสวงเครื่องได้อย่างไม่ยากเย็นแล้ว เรามารู้จักกับเรื่องแสง ที่เค้าจัดกันในสตูดิโอ มีกี่แบบ เรียกว่าอะไร วางตำแหน่งไฟอย่าไรบ้าง ผมจัดให้อย่างจุกๆ เลยครับแสงไฟถ่ายถ่ายบุคคลมี 5 แบบแบบแนวกว้าง Board Lightแบบแนวแคบ Short Light หรือ Narrow Lightแบบปีกผีเสื้อ Buttfly Lightแบบเรมบร้านท์ Rembrandt Lightแบบแยก Split LightBroad Light ภาษาไทยจะเรียกกันว่าการจัดแสงแนวกว้างคือ จัดให้แบบหันข้างให้กล้องเล็กน้อยวางไฟหลัก (Main Light) ทางด้านที่หันเข้าหากล้องแสงสว่างจะปรากฏบนใบหน้าประมาณ 3/4 หน้าผาก ดวงตาสองข้าง สันจมูก โหนกแก้ม คาง และใบหน้าด้านที่หันเข้าหากล้องส่วน อีก 1/4 เป็นเงามืดครับ การจัดแสงแบบนี้จะเห็นเงาจมูกชัด ทำให้รูสึกว่าจมูกโด่ง เหมาะกับคนที่มีใบหน้าแคบShort Light หรือ Narrow Light ภาษาไทยเรียกว่าการจัดแสงแบบแนวแคบ แบบนี้ตรงกันข้ามกับ Board Light แสงหลักจะอยู่บนใบหน้าเพียง 1/4 เท่านั้น ส่วนอีก 3/4 จะเป็นเงามืดครับการวางไฟหลัก (Main Light) จะวางเฉียงไปทางด้านหลังเล็กน้อย เพื่อให้เกิดแสงสว่างบนใบหน้าเพียง 1/4ส่วนที่เป็นเงามืด 3/4 ตรงกันข้ามกับแบบแรก การจัดแสงแบบนี้เหมาะกับผู้มีใบหน้ากว้างButterfly Light การจัดแสงให้เกิดเงารูปผีเสื้อใต้จมูกแผนผังการจัดไฟแบบปีกผีเสื้อหรือ Butterfly Lightวางไฟหลักในตำแหน่งตรงๆ ให้ลงใบหน้าผู้เป็นแบบ จะเห็นเงาใต้จมูกรูปผีเสื้อ เหมาะกับคนใบหน้ารูปไข่ ส่วนใหญ่ถ่ายแบบปกนิตยสาร ถ่ายแฟชั่น ถ่ายโฆษณา ใช้แสงแบบนี้กันมากในส่วนไฟรอง ส่วนใหญ่มักจะใช้แผ่นรีเฟลกซ์ หรือแผ่นโฟม สะท้อนไฟหลักกลับขึ้นมาจากด้านล่างแสงแบบ Butterfly นี้มักใช้ในงานโฆษณา และถ่ายปกนิตยสาร จะเห็นงานผ่านสายตาอยู่บ่อยมาก ฝรั่งนิยมใช้แสงสไตล์นี้กันมากRembrandt แร็มบรันต์ ฮาร์เมินส์โซน ฟัน ไรน์ เป็นจิตรกรศิลปินนักวาดภาพสีน้ำมันชาวเนเธอแลนด์ใน “ยุคทองของศิลปะดัทช์” เรมบรันต์ได้รับอิทธิพลเรื่องการจัดแสงและเงาจาก คาราวาจโจ (Michelangelo Merisi da Caravaggio) ศิลปินอิตาเลียน เขาได้ประยุกต์การใช้แสงเงาให้เป็นเอกลักษณ์สำคัญแบบของเขาเอง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นศิลปินที่มีอัจฉริยภาพในการจัดองค์ประกอบภาพอย่างมีพลัง จัดแสงและเงาได้อย่างมีน้ำหนักและมีมิติ อีกทั้งยังเป็นจิตรกรที่มีความสามารถในการวาดภาพเหมือนเป็นเลิศ Board Light หรือ Rembrandt Light การจัดแสงมีความคล้ายกันส่วน Rembrandt Light นั้น เป็นการจัแสงถ่ายภาพคนตามแนวการเขียนภาพของ Rembrandt ภาพของเค้าออกแนว Low Key คือมีน้ำหนักของภาพค่อนข้างเข้ม แต่ใบหน้าผู้เป็นแบบจะเด่นออกมา อาจต้องให้อัตราส่วนความแตกต่าง (Ratio) ของแสงมาก คือมีความแตกต่างระหว่างแสงสว่างกับเงามืดมาก การจัดแสงแบบนี้บางทีใช้เรียกกับการจัดแสงแบบ Broad Light ได้เหมือนกัน คือมาจากด้านบน ทำมุม 45 - 60 องศาแบบแยก Split Lightการจัดแสงสไตล์นี้ออกแนวดาร์ค อาจดูโหด แต่ทำให้ลักษณะเฉพาะของตัวตนเด่นชัดมาก ใครชอบแสดงความเป็นตัวเองที่โดดเด่น แนะนำการจัดแสงแบบนี้เลยครับ เน้นสายตาที่มุ่งมั่น แม้จะเห็นเพียงดวงตาข้างเดียว แต่มีความทรงพลังอย่างสุดๆแผนผังการจัดไฟแบบ Split Lightวางไฟหลักด้านข้าง ให้ไฟโดนใบหน้าข้างเดียว อย่าให้แสงหลุดมาอีกด้านของใบหน้า โดยเฉพาะดวงตาอีกข้างอย่าให้หลุดรอดออกมาโดนเลย ใบหน้าและดั้งจมูกจะเป็นตัวบังแสงไม่ให้มาโดนหน้าอีกด้านนึงครับอีกด้านของใบหน้าอาจจะต้องหากระดาษดำ ผ้าดำมาบล๊อคแสงไว้ไม่ให้มีแสงอื่นสะท้อนเข้าใบหน้าอีกด้าน ให้ดำมืด สนิทเลยครับควรวางตำแหน่งไฟหลักให้อยู่สูงกว่าระดับสายตาในมุม 45 องศา ไม่ควรวางตำแหน่งเท่าระดับสายตา หรือต่ำกว่า เป็นข้อห้ามของการถ่ายโพรทเทรทเลยนะครับการทำงานจัดไฟด้วยแสงประดิษฐ์ (Artificial Light) หรือไฟสตูดิโอ ที่สำคัญคือการกำหนดทิศทางของแสงไฟหลักว่าจะให้เป็นแบบใด ต้องเริ่มจากการจัดไฟหลักก่อน ส่วนใหญ่การถ่ายภาพคนจะเป็นการเลียนแบบแสงในธรรมชาติเป็นสไตล์เรียลลิสติคคือเหมือนจริง เพราะฉะนั้นแสงควรจะมาจากด้านบนเฉียงขึ้นไปประมาณ 45องศา ไม่ว่าจะเป็นแนวกว้าง แคบ หรือบัตเตอร์ฟราย เพราะสภาพแสงจะเหมือนกับไฟห้อง ไฟเพดาน ถ้าวางไฟต่ำใกล้ๆระดับสายตา จะเหมือนกับแดดตอนเช้าหรือเย็นถ้าตั้งใจจะให้เป็นอารมณ์นั้นควรใส่เจลหน้าไฟ เพื่อเปลี่ยนสีของไฟ(ผมพูดให้เข้าใจง่ายนะครับ ความจริงคือเปลี่ยนอุณหภูมิของแสงครับ) ถ้าวางไฟใกล้ระดับสายตาดูแล้วไม่เป็นธรรมชาติ หน้าแบนครับนั่นคือการวางไฟหลัก เมื่อได้ตำแหน่งที่พอใจแล้วก็จะเป็นการจัดไฟรองหรือไฟฟิล ถ้าพูดเป็นไทยๆคือไฟลบเงาหน้าที่ของไฟฟิลคือเก็บรายละเอียดของเนื้อที่บนใบหน้า ที่ไฟหลักส่องไปไม่ถึง หรือเงามืดนั่นเอง ไฟฟิลจะอยู่คนละด้านกับไฟหลักเช่น ไฟหลักอยู่ด้านซ้าย ไฟฟิลก็จะอยู่ด้านขวา เป็นต้นในการใชฟิลลบเงาหรือเพิ่มรายละเอียดในเงามืดเราใช้โฟมแทนก็ได้ครับ แต่โฟมจะควบคุมความสว่างมาก สว่างน้อยได้ยากกว่าไฟเรโช Ratio อัตราความแตกต่างของแสงอย่าเพิ่งมึนนะครับ เมื่อมีแหล่งกำเนิดแสงสองจุดที่ผมพูดถึง เค้าก็จะทำให้เกิดแสง และเงา ถ้าความสว่างเท่ากันด้วยระยะและกำลัง เรโชก็จะเป็น 1:1 ถ้าไฟดวงนึงห่างจากแบบมากกว่าไฟอีกดวง ก็จะมีความแตกต่างของเรโช อาจจะเป็น 3:1, 8:1 หรือมากไปถึง 32:1 เลยทีเดียว ไฟดวงที่ใกล้สุดก็จะเป็นไฟเมน ไฟดวงที่ห่างออกไปก็จะเป็นไฟฟิล (ฟิลอาจจะใช้แผ่นโฟมแทนก็ได้) พูดให้พอเข้าใจง่ายๆนะครับง่ายมากเลยใช่มั๊ยครับ จริงๆ ใช้ไฟแค่ดวงเดียวก็เพียงพอแล้วครับ ให้เป็นไฟเมน Main Light ส่วนไฟฟิลใช้โฟมสะท้อนแสงกลับก็เพียงพอครับ ลองจัดไฟถ่ายดูนะครับ สนุกๆ หารายได้ ได้อย่างไม่ยากเย็นครับภาพประกอบโดยครีเอเตอร์ ชายสามโบสถ์ได้รับอนุญาติจากบุคคลในภาพให้เผยแพร่คอนเทนท์ความรู้เรื่องการถ่ายภาพอื่นๆ จากชายสามโบสถ์ https://intrend.trueid.net/post/359853https://intrend.trueid.net/post/359581https://intrend.trueid.net/post/360101ส่องที่เที่ยว พิกัดลับห้ามพลาด มุมถ่ายรูปสวยที่ทรูไอดีคอมมูนิตี้