อาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับใครหลายคน แต่เป็นข่าวสารที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดเป็นระยะ เนื่องจาก ปรากฏการณ์ธารน้ำแข็งละลาย (Melting Glaciers) ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะพื้นที่เหนือคาบสมุทรอาร์กติกและกรีนแลนด์เพียงเท่านั้น สำหรับหิมาลัยหลังคาโลกในภูมิภาคเอเชียใต้ อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้น้ำแข็งกำลังละลายกลายเป็นทะเลสาบ นี่อาจเป็นสัญญาณของมหาอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ต้องรับมือ รูปภาพโดย Tobias Markmeyer : Unsplash จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว ความร้อนบนชั้นบรรยากาศที่เพิ่มสูงขึ้น กำลังโจมตีพื้นที่แผ่นดินเยือกแข็งทั่วโลก แผ่นน้ำแข็งที่กำลังละลายเร็วขึ้นจากเดิม 4-7 เท่า ไม่ใช่เรื่องเล็กที่ทุกคนสามารถเพิกเฉยได้แล้ว เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ หากวันนี้เราอยู่บนเครื่องบินมองลงมายังพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง อีก 60 ปีหากเรามองลงมายังพื้นที่นั้นอีกครั้ง น้ำแข็งที่เคยปกคลุมหนาแน่นอาจกลายเป็นทะเลสาบ หรือแม่น้ำไปแล้วทั้งหมด ต้นปี 2020 การละลายของธารน้ำแข็งเกิดขึ้นทั่วโลก เราได้รวบรวมข่าวสาร และการรายงานอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนตระหนัก เห็นถึงความสำคัญของปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเราในอนาคต รูปภาพโดย Tina Rolf : Unsplash เริ่มต้นที่กรีนแลนด์และพื้นที่อื่น ๆ เหนือคาบสมุทรอาร์กติก รายงานจาก Station Nord ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่ตรวจสอบสภาพพื้นที่ธารน้ำแข็งอยู่เป็นประจำ พบว่ากรีนแลนด์ช่วงฤดูร้อนมีอุณหภูมิสูงมากเป็นประวัติการณ์ จากคลื่นความร้อนทางเหนือส่งผลให้กรีนแลนด์มีอุณภูมิสูงถึง 20 องศาเซลเซียส ทำให้แผ่นน้ำแข็งละลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้นได้มากกว่าเดิมถึง 7 เมตร รูปภาพโดย Kelly Kortelainen : Unsplash แต่ที่น่าตระหนก และเราจำเป็นต้องรู้ในฐานะที่เป็นคนเอเชียนั่นคือ น้ำแข็งที่ปกคลุมเทือกเขาหิมาลัยกำลังละลายกลายเป็นสายน้ำ พื้นน้ำแข็งกำลังกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ และอาจลุกลามไปยังเทือกเขาฮินดูกูช การาโกรัม และปามีร์ ซึ่งเป็นเทือกเขาที่ทอดตัวต่อกันในพื้นที่เอเชียหลายประเทศ การติดตามผลที่ร้ายแรงที่สุดคือ หากภาวะโลกร้อนยังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบทุกวันนี้ ไม่เกินปี 2100 น้ำแข็งบนเทือกเขาทั้งหมดจะละลาย และเกิดอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่อาจกระทบต่อพื้นที่เอเชียทั้งทวีป รูปภาพโดย Danielle Barnes : Unsplash ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่คาบสมุทรอาร์กติกและเทือกเขาหิมาลัย เริ่มได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจมตี พฤติกรรมการใช้ชีวิตของสัตว์ขั้วโลกก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย แมวน้ำเสือดาวเริ่มออกล่าเพนกวินตามชายฝั่งมากขึ้น เพราะน้ำแข็งละลายทำให้นอกชายฝั่งเริ่มหากินได้ยาก นับเป็นสัญญาณอันตรายที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตทั่วโลก รูปภาพโดย Majorie Teo : Unsplash อย่างที่เราได้เรียนมาทั้งชีวิตว่าพื้นที่ขั้วโลก เป็นพัดลมตัวใหญ่ที่คอยทำความเย็นให้ทุกพื้นที่ทั่วโลก การรณรงค์ให้ช่วยกันชะลอภาวะโลกร้อนจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่เราจะมองข้ามได้อีกต่อไป หากพัดลมตัวใหญ่ของโลกพังลง ไม่ต้องคิดว่าอุณหภูมิบ้านเราจะพุ่งสูงขึ้นไปขนาดไหน เราทุกคนจึงต้องหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต งดการทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลกร้อน รวมทั้งอนุรักษ์ทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของโลกเราด้วย รูปภาพหน้าปกโดย Annie Spratt : Unsplash