รีเซต

ส่งเสริมปลูกลำไยอินทรีย์ ลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า สานต่อศาสตร์พระราชา

ส่งเสริมปลูกลำไยอินทรีย์ ลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า สานต่อศาสตร์พระราชา
77ข่าวเด็ด
29 กันยายน 2563 ( 00:39 )
95
ส่งเสริมปลูกลำไยอินทรีย์ ลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า สานต่อศาสตร์พระราชา

เชียงราย-อบต.เวียง อ.เทิง ส่งเสริมเกษตรกรปลูกลำไยอินทรีย์ ลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า สืบสานศาสตร์พระราชา

 

จากปัญหาราคาผลิตผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรขาดทุน มีหนี้สินในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งลำไยก็เป็นหนึ่งในผลิตผลที่ได้รับผลกระทบ สาเหตุหลักก็เพราะการทำเกษตรปัจจุบันพึ่งพาสารเคมีเพื่อเร่งผลผลิต กำจัดศัตรูพืช และฆ่าหญ้า ซึ่งล้วนแต่เป็นต้นทุนที่มีราคาสูงมากนอกจากนี้สารเคมียังส่งผลเสียต่อสุขภาพของตัวเกษตรกรและผู้บริโภค ทำให้กลุ่มเกษตรกรบางส่วนหันมาสนใจการทำเกษตรอินทรีย์กันมากขึ้น โดยเน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติมาทดแทนสารเคมี ดังเช่นที่ตำบลเวียง อ.เทิง จ.เชียงราย ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุกต์โดยใช้สรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน มาปรับใช้กับการปลูกลำไย

 

 

 

 

นายสวาท สมใจ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเวียง เผยว่า พื้นที่ตำบลเวียง อ.เทิง มีเกษตรกรผู้ปลูกลำไยจำนวน 469 ครัวเรือน พื้นที่ปลูก 2,858 ไร่ ต้นทุนการผลิต 14,430 บาทต่อปี ได้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 2,500 กก./ไร่ ราคาขายปรับขึ้นลงตามสถานการณ์ตลาด เฉลี่ยอยู่ที่ 10-30 บาทต่อกิโลกรัม

 

 

 

 

ทาง อบต.เวียง มีความตระหนักถึงปัญหาของเกษตรกร จึงมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกลำไยอินทรีย์ ลดการใช้สารเคมี เพื่อสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค ลดค่าใช้จ่ายเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร โดยให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนแนวความคิดและปรับพื้นที่ปลูกตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ประยุต์ตามบริบทของพื้นที่ ตามหลักปรัชญาศรษฐกิจพอเพียง นำภูมิปัญญาท้องถิ่นสรรพสิ่งอะตอมมิคนาโนมาเป็นฐานความรู้เพื่อพัฒนาระบบการเกษตร มีการบูรณาการองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยี เข้ามาผสาน เพื่อให้การระบบการจัดการเกษตรที่ดี ขึ้น

 

 

 

 

“ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่ทาง อบต.เวียง ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรอินทรีย์ แต่ปีนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่เกษตรกรผู้ปลูกลำไย เพราะมีผู้ปลูกจำนวนมาก และประสบปัญหาเหมือนๆกันคือ “ราคาตกต่ำ” โดยปีนี้ทาง อบต.ได้เชิญ อ.เสถียร ทองสวัสดิ์ ปราชญ์ชาวบ้านจากภาคีเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.9 จ.ปทุมธานี มาเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้เรื่องการปลูกลำไยโดยใช้เกษตรสรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน หรือ “พลังง้วนดิน” ซึ่งเป็นการนำเอาวัสดุธรรมชาติ เช่น เศษวัชพืช รำข้าว และวัสดุอื่นๆ มาผสมตามสูตรที่คิดค้นขึ้น นำมาใช้ในการปรับปรุงดิน ปรับสภาพน้ำ กำจัดศัตรูพืช ตลอดจนเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิต ที่ผ่านมาพบว่าเกษตรกรที่ใช้เกษตรสรรพสิ่งฯ ในการทำเกษตรจะมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อไร่/ปี ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่ต่ำกว่าการใช้สารเคมีหลายเท่าตัว ในขณะที่ผลิตผลที่ได้จะถือเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ราคาขายจะประมาณ 30-60 บาทต่อกิโลกรัม มีเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการในระยะเริ่มแรกนี้ทั้งหมดจำนวน 60 ราย แต่คาดว่าถ้าผู้ร่วมโครงการรุ่นแรกประสบผลสำเร็จ ก็จะมีเกษตรกรมาเข้าร่วมโครงการมากขึ้นในอนาคต” นายสวาทกล่าว

 

 

 

 

อบต.เวียงให้ความสำคัญกับการทำเกษตรอินทรีย์ ลดการใช้สารเคมี และในอนาคตจะพยายามผลักดันโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเกษตรกรและผู้บริโภค ตลอดจนรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ป่า ให้คงอยู่ไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่ต้อง “ตายผ่อนส่ง” เพราะสารตกค้างจากเคมีเกษตร