Tense คืออะไรTense เป็นคำกริยาที่ผันตามเหตุการณ์ หรือเวลาที่แตกต่างกันโดยสามารถแบ่งช่วงเวลาได้เป็น 3 ประเภท คือ อดีต (Past) ปัจจุบัน (Present) และอนาคต (Future) ส่วนประเภทของการผันกริยา หรือ Tense จะแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ Simple, Continuous, Perfect และ Perfect continuous ซึ่งแต่ละ Tense จะมีโครงสร้างที่ชัดเจนมาเริ่มกันที่ Present Tenses ซึ่งง่ายและเป็นพื้นฐานของ Tenses อื่นๆPresent simple tense โครงสร้าง: S+V1 (เติม s หรือ es)หลักการใช้ใช้กับเหตุการณ์ที่ทำประจำ หรือนิสัยใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นจริงตามธรรมชาติเหตุการณ์ที่วางแผนไว้ว่าจะทำแน่นอน หรือตารางเวลาคำบอกเวลาที่มักเจอประจำalways, often, sometimes, frequently, usually, every____, once a day, twice aตัวอย่างThe sun rises in the east.พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นจริงตามธรรมชาติI go to library every Friday.“Every friday” เป็นตัวบอกเวลาว่าไปห้องสมุดทุก “วันศุกร์”ที่มา : นักเขียนPresent continuous tenseโครงสร้าง; S+V. To be (is,am,are) +V.ingหลักการใช้ เหตุการณ์ที่ “กำลังทำ” อยู่ในขณะที่พูดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะยาว ซึ่งในขณะที่พูดประโยคนี้ออกไปนั้นไม่จำเป็นต้องกำลังทำอยู่ก็ได้ เช่น บอกเล่าว่ากำลังทำงานที่ไหน กำลังเรียนอยู่ที่ไหนคำบอกเวลาAt the moment, now, at the present, Look! , Listen! , this days ตัวอย่าง Jenny is going to gym now.บ่งบอกว่าตอนนี้เจนนี่ “กำลังไปยิม”He is working with CP this year.บอกว่าในปีนี้เขากำลังทำงานที่ CP ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังในปีนี้ไปเรื่อยๆที่มา : นักเขียนPresent perfect tenseโครงสร้าง: S+has/have+V.3หลักการใช้ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบันคำบอกเวลา : since, for, so far, up to now**Since + จุดเริ่มต้นของเวลา **for + ระยะเวลาใช้กับเหตุการณ์ซ้ำๆที่เกิดขึ้นหรือหลายครั้งในอดีตคำบอกเวลา: many times, several times, over and overใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ไม่ระบุเวลาที่แน่ชัดคำบอกเวลา: ever, never, once, twice, three timesใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและพึ่งสิ้นสุดลงคำบอกเวลา: just, yet, already, finally, recentlyตัวอย่าง She has studied Japanese for five years.เป็นการบอกว่าเขาเรียนภาษาญี่ปุ่นมา 5 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่She has eaten in that restaurant many times.“many time” บ่งบอกว่าเธอกินอาหารที่ร้านนี้หลายครั้งแล้วI have been to London twice.ฉันมาที่ลอนดอนสองครั้งแล้ว ซึ่งไม่ได้ระบุชัดเจนว่าไปมาตอนไหนที่มา : นักเขียนPresent perfect continuous tenseโครงสร้างประโยค S + has/have + been + V.ingใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังคงดำเนินมาถึงปัจจุบันและมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปในอนาคตใช้กับเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไปแล้วแต่ยังทิ้งร่องรอยไว้คำบอกเวลา ที่เห็นได้ชัดคือการกระทำที่มีความยาวนาน เช่น Learn (เรียน),repair (ซ่อมแซม), wait (รอ), sleep (นอน)ตัวอย่าง Jim has been waiting for Tom for two hours.จิมรอทอมมา 2 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะรออีกนานแค่ไหนWe have been driving along muddy roads and now the car is dirty.เราขับรถไปลุยโคลนมา ตอนนี้ “รถของเราจึงสกปรก” ซึ่งเป็นการทิ้งร่องรอยหลังจากไปลุยโคลนมาที่มา : นักเขียนมาต่อกันที่ Past TensesPast simple tenseโครงสร้างประโยค S + V.2หลักการใช้ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและจบลงแล้วมักมีคำว่า yesterday, last night, ago, last week, last monthใช้กับเหตุการณ์ที่ทำประจำในอดีต หรือเป็นนิสัยในอดีตซึ่งตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วมักมีคำว่า always, usually, often, sometimes, seldom,hardly, never, every_ตัวอย่าง I went to the cinema yesterday.ฉันไปดูหนังเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จบไปแล้วLast week, she walked to school every day.เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เธอเดินไปโรงเรียนทุกวัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นนิสัยในช่วงเวลาหนึ่งที่มา : นักเขียนPast continuous tenseโครงสร้างประโยค S + Was,Were + V.ingหลักการใช้ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต มักมีคำบอกเวลาที่ชัดเจนใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา โดยใช้past continuous กับเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหรือกำลังดำเนินอยู่และใช้ past simple กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทรก ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีตตัวอย่าง He was sleeping at this time yesterday. “At this time” เป็นคำบอกเวลาว่า “ในเวลานี้ของเมื่อวาน” เขากำลังนอนหลับ I was washing dishes when the phone rangจากประโยคนี้จะเห็นว่า “ฉันกำลังล้างจาน” เป็นเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ และ “มีเสียงโทรศัพท์ดัง” เป็นเหตุการณ์แทรกที่มา : นักเขียนPast perfect tenseโครงสร้าง: S+had+V.3หลักการใช้ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงก่อนที่อีกเหตุการณ์หนึ่งจะเกิด ซึ่งเหตุการณ์เกิดก่อนใช้ past perfect tense และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ past simple tenseตัวอย่างWe went out for a walk after we had eaten dinner.จากตัวอย่างจะเห็นว่า “เรากินข้าวเย็น” ก่อนที่ “เราจะออกไปเดินข้างนอก”ที่มา : นักเขียนPast perfect continuous tenseโครงสร้าง: S+Had been+V.ingหลักการใช้ใช้เหมือนกับ Past Perfect Tense แต่เน้นความต่อเนื่องของเหตุการณ์ที่เกิดในตอนแรก โดยเหตุการณ์เกิดก่อนใช้ past perfect continuous tense และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ past simple tenseตัวอย่างHe had been sleeping for three hours when we came.จากตัวอย่างจะเห็นว่า “เขากำลังนอนหลังอยู่” ตอนที่ “เรามาถึง”ที่มา : นักเขียนFuture simple tenseโครงสร้าง: S +will+V.infหลักการใช้ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแน่นอนใช้กับเหตุการณ์ที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน เพิ่งจะตัดสินใจทำการใช้ future simple tenseในรูป Be going to+V.inf แทน will จะใช้กับเหตุการณ์ที่วางแผนไว้ล่วงหน้า หรือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแน่นอนตัวอย่างI am going to meet my grandparent this Saturday. ฉันจะไปเยี่ยมปู่กับย่าวันเสาร์นี้ ซึ่งเป็นการวางแผนล่วงหน้าI am tired. I think I will go to bed early to night.เพราะว่าฉันเหนื่อย วันนี้ฉันก็เลยจะนอนเร็ว ซึ่งการนอนเร็วไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าที่มา : นักเขียนFuture continuous tenseโครงสร้าง: S+will be+V.ingหลักการใช้ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งในอนาคตมักมีคำบอกเวลาที่แน่นอนใช้กับเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นแต่ไม่แน่นอนตัวอย่างWe will watch a cinema at this time on Fridayเราจะไปดูหนังในเวลานี้ของวันศุกร์ ซึ่งบอกเวลาชัดเจนว่าเป็นเวลานี้ของวันศุกร์A storm will be coming soon.ในกรณีนี้ พายุอาจจะเข้า หรือ ไม่เข้าก็ได้ที่มา : นักเขียนFuture perfectโครงสร้าง: S+ will have+ V.3ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นและจบลงก่อนอีกเหตุการณ์เกิด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนใช้ Future perfect tense ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Present simple tenseใช้กับเหตุการณ์ที่จะจบลงในอนาคต ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต โดยมีเวลาบอกไว้ชัดเจนตัวอย่าง When we get there, the film will have started.หนังเริ่มฉายไปแล้ว ตอนที่เราไปถึงThe meeting will have finished by six o’clockบอกว่าการประชุมจะจบลงแน่นอนตอน 6 โมงที่มา : นักเขียนFuture perfect continuousโครงสร้าง: S+will have been+ V.ingหลักการใช้ใช้เหมือนกับfuture perfect แต่เน้นช่วงเวลาที่ต่อเนื่อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนใช้ Future perfect continuous tense ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Present simple tenseWhen he arrive, she will have been waiting for 2 hours—> เหตุการณ์แรกคือเธอรอมาสองชั่วโมงแล้วและยังคงรอต่อไป จนกระทั่งเขามาถึงที่มา : นักเขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !