LGBTQ หรือ เพศที่3 (เลสเบี้ยน,ทอม,เกย์,กะเทย) คุณรู้จักคำจำกัดความพวกนี้มากแค่ไหนคะ? แล้วคุณคิดว่าในยุคปัจจุบัน สังคมของเราให้พื้นที่กับพวกเขาเหล่านี้มากพอหรือยัง ..... ถ้าย้อนไปเมื่อ10ปีที่แล้ว ต้องบอกเลยว่าสังคมไทยเรายังให้พื้นที่ยืนสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มากพอนัก แต่ในยุคปัจจุบันนี้ บุคคลเพศที่สามเหล่านี้ ได้มีพื้นที่ยืนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการแสดงออก โอกาสในการแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความคิดในหลายๆเรื่อง ถ้าคุณคิดว่าแค่นั้นก็มากพอแล้ว อยากให้คุณลองอ่านบทความนี้ให้จบก่อนค่ะ :) มี 1 สิ่ง ที่หลายคนมองข้าม และคิดว่าจะใช้สิ่งนี้ได้กับทุกเรื่อง นั่นคือ "ความคิดไทยๆ" ผู้เขียนไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะบอกว่าความเป็นไทยของเรานั้นมันไม่ดี หากแต่ว่า ความคิดไทยๆ ณ.ที่นี้ คือความเคยชิน และการบอกต่อจากรุ่นสู่รุ่นของเรานั่นเอง เราเคยชินกับการที่ถูก บอกสอนต่อๆกันมา แล้วจบที่คำว่า "เขาบอกมา" สำหรับเรื่องนี้ก็เช่นกันค่ะ เราจะได้ยินบ่อยๆ และถูกบอกต่อๆกันมาว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง หญิงชายต้องแต่งงานมีครอบครัวมีลูกสืบทอดสกุล จึงจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ไร้คำครหา และไม่บาปต่อบิดามารดา คุ้นๆมั้ยคะ? พื้นที่ยืนในสังคม ที่มีพื้นที่กว้างขึ้นให้บุคคลเพศที่สามเหล่านี้ได้ยืน มันใหญ่ขึ้นตามกาลเวลาจริงๆค่ะ หากแต่ว่า.. คำพูดเหล่านี้มันยังไม่หมดไป "จะเปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ" "หญิงรักหญิงมันเสียของ" "มนต์รักฟักทองบด" "ชายรักชาย พากันไปขุดทอง" "จะเป็นอะไรก็เป็นไป สุดท้ายบั้นปลายก็ต้องใช้ชีวิตตามเพศของตัวเองและมีลูกไว้เลี้ยงดูตอนแก่นะ" 😬 มองดูเปอร์เซ็นการหย่าร้างในสังคมไทย ..การแต่งงานคือจุดจบบั้นปลายของชีวิตแล้วจริงๆหรอคะ มองดูเปอร์เซ็นต์เด็กกำพร้าที่แทบจะล้นสถานเลี้ยงเด็ก ..การมีลูกสืบทอดสกุล เพื่อสนองอะไรคะ แล้วมองดูเปอร์เซ็นต์เด็ก ที่ต้องโตมากับครอบครัวที่พ่อแม่เดินแยกกันไปคนละทาง ..ทำไมครอบครัวที่สมบูรณ์แบบถึงทำร้ายเด็กเหล่านี้เหลือเกินคะ ผู้เขียนอยากขอพื้นที่ตรงนี้ ให้ทุกคนในสังคม ที่ผ่านมาเจอบทความนี้ จะจากที่ใดก็แล้วแต่ อยากให้เปิดใจ และคิดภาพตามผู้เขียน สังคมเราสามารถอยู่ร่วมกันได้ทุกเพศ โดยที่ไม่ต้องเอาคำว่า #ก็เขาบอกมา มาเป็นบรรทัดฐานในการใช้ชีวิตของใคร ทุกคนมีสิทธิ์เลือกวิถีชีวิตที่ดีต่อตัวเองได้ แล้วทุกคนมีสิทธิ์ รัก ในรสนิยมของตัวเอง.