รีเซต

บิ๊กตู่ ปลื้มผ้าไหมมัดหมี่ลายไดโนเสาร์ ออกแบบสวย

บิ๊กตู่ ปลื้มผ้าไหมมัดหมี่ลายไดโนเสาร์ ออกแบบสวย
มติชน
21 มิถุนายน 2565 ( 12:58 )
97
บิ๊กตู่ ปลื้มผ้าไหมมัดหมี่ลายไดโนเสาร์ ออกแบบสวย

ก่อน ครม.’บิ๊กตู่’ชมนิทรรศการ “SME One ID : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ” สนับสนุนการเข้าถึงบริการภาครัฐ จูงใจผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ ตั้งเป้า 1 ล้านราย ภายในปี 2565 ก่อนเยี่ยมชมนิทรรศการอุทยานธรณีขอนแก่นสู่อุทยานธรณีโลก ‘ย้ำ’ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ให้ประชาชนรู้จัก-ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยก่อนการประชุมฯ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พร้อมด้วยนางสาวบุษยพรรณ วงษ์พิไลวัฒน์ ผู้ประกอบการ SME ที่ลงทะเบียนใช้งานระบบ SME ONE ID : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ ที่มีโอกาสได้เข้าถึงบริการของภาครัฐและได้รับการผลักดันจนทำให้ธุรกิจเห็ดนางฟ้าทอดกรอบ Veget Crisp ประสบความสำเร็จสามารถส่งออกจำหน่ายได้ทั่วโลก เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์งาน “หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ (One Identification : ID One SMEs)” และงานพัฒนาระบบเพื่อขอรับการบริการภาครัฐ ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นการช่วยเหลือสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ให้เข้าถึงการดูแลของภาครัฐ ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ส.ค.64 ได้เห็นชอบงานดังกล่าวให้เป็นหนึ่งใน 12 งานบริการที่เป็นแนวทางการขับเคลื่อนการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ของรัฐบาล โดยมีนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงงาน “หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ (One Identification : ID One SMEs)” ว่า เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริม SME มุ่งเน้นการนำระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) รวมทั้งเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานและให้บริการประชาชน โดยได้มอบนโยบายให้หน่วยงานภาครัฐร่วมมือผลักดันการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ SME พร้อมทั้งกำชับให้ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ โดยขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกคน ทุกฝ่าย ที่ช่วยกันพัฒนาร่วมมือกันดำเนินการจนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เยี่ยมชมนิทรรศการประชาสัมพันธ์การเสนออุทยานธรณีขอนแก่นเข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอ เรื่อง การเสนออุทยานธรณีขอนแก่นเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ให้เสนออุทยานธรณีขอนแก่นสมัครเข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) ก่อนยื่นความจำนงต่อยูเนสโก ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 และส่งใบสมัครในระหว่างวันที่ 1 ต.ค. – 30 พ.ย.นี้ และมอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเสนออุทยานธรณีขอนแก่นเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายพงศ์บุณย์ ปองทอง อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายธาดา พรหมสาขา ณ สกลนคร รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ผู้แทนผู้อํานวยการอุทยานธรณีขอนแก่น และนางอัปสร สอาดสุด ผู้อํานวยการกองธรณีวิทยา นำเยี่ยมชม

นายกรัฐมนตรี สอบถามถึงการดำเนินงานและบริหารจัดการอุทยานธรณีขอนแก่นด้วยความสนใจ และชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์สินค้าท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่นและผ้าไหมมัดหมี่ โดยชื่นชมการออกแบบผ้าไหมมัดหมี่ที่มีการพัฒนาออกมาเป็นลวดลายที่สวยงามและรูปแบบที่น่าสนใจโดยเฉพาะผ้าไหมมัดหมี่ลายไดโนเสาร์ โดยย้ำให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าว และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขยายไปสู่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่ให้มากขึ้น รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่และนำศักยภาพที่ท้องถิ่นและพื้นที่มีอยู่ มาพัฒนาขับเคลื่อนให้ประชาชนทั้งในและต่างประเทศได้รู้จักเพิ่มขึ้น ซึ่งจังหวัดขอนแก่นถือว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ และมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ รวมถึงพื้นที่อุทยานธรณีขอนแก่นแห่งนี้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ให้มากขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่และจังหวัดอย่างยั่งยืน และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ จังหวัดขอนแก่น ประกาศจัดตั้งอุทยานธรณีขอนแก่น (Khon Kean Geopark) เป็นอุทยานธรณีท้องถิ่น เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 และได้รับรองให้เป็นอุทยานธรณีประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอภูเวียง และอำเภอเวียงเก่า รวมพื้นที่ประมาณ 1,038 ตารางกิโลเมตร โดยสิ่งที่อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกให้ความสำคัญมี 4 ประการ ประกอบด้วย มรดกทางธรณีวิทยาที่มีคุณค่าระดับนานาชาติ การบริหารจัดการ การรับรู้ของประชาชน และเครือข่าย โดยอุทยานธรณีขอนแก่นได้มีการดำเนินการครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ทั้งนี้ หากอุทยานธรณีขอนแก่นได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกจะทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านคุณค่าของแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ และด้านการท่องเที่ยว แหล่งธรณีวิทยาไดโนเสาร์ภูเวียง ซึ่งเป็นต้นกําเนิดการค้นพบไดโนเสาร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รับการอนุรักษ์และศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเป็นมรดกที่สําคัญของประเทศไทย รวมทั้งแหล่งธรณีวิทยาอื่น ๆ ที่อยู่ภายในอุทยานธรณีขอนแก่นจะเป็นแหล่งศึกษา วิจัย ของนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อให้อุทยานธรณีขอนแก่นเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวบรรพชีวินวิทยาเพื่อคนทั้งมวล เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เปิดรับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพร่างกาย จากทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยาน ธรณีขอนแก่นเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่า 100,000 คน/ปี ประมาณรายได้จากการท่องเที่ยวเฉลี่ย เพิ่มขึ้นราว 150 ล้านบาท/ปี (เฉลี่ย 1,500 บาท/คน)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง