จำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงกำลังเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ องค์การอนามัยโลกก็ยกระดับการเฝ้าระวัง และกำลังหาทางหยุดยั้งการแพร่ระบาดฝีดาษลิง เนื่องจากกังวลเรื่องเชื้อกลายพันธุ์ ซึ่งการจะลดการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงได้นั้น เราทุกคนจำเป็นต้องรู้วิธีและหาทางป้องกันตัวเอง และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ วันนี้ ”Nurseonomy คนดีย์ที่ไม่เหมือนใคร” จะมาแชร์ 6 วิธีป้องกันฝีดาษลิงเมื่อออกนอกบ้าน ซึ่งเราเองใช้วิธีการนี้ ไม่ใช่แค่ป้องกันฝีดาษลิง แต่ยังเพื่อป้องกันโรคอื่น ๆ ด้วย อย่างที่เราทราบกันดีว่าโรคฝีดาษลิง มีตุ่มพองตามร่างกายคล้าย ๆ โรคอีสุกอีใส เริม หรืองูสวัดซึ่งเราต้องได้รับการตรวจหาเชื้ออย่างละเอียดเพื่อแยกเชื้อออกจากโรคดังกล่าวข้างต้น ฝีดาษลิงไม่สามารถตรวจ วินิจฉัยด้วยตาเปล่า ซึ่งผู้เขียนก็เคยเขียนเกี่ยวกับ อาการ การติดต่อฝีดาษลิงไปแล้วในบทความเรื่อง อาการฝีดาษลิง มากกว่าตุ่มพองตามร่างกาย วันนี้เลยจะมาแชร์แค่วิธีป้องกันฝีดาษลิงเมื่อออกนอกบ้าน ซึ่งเป็นวิธีที่เราใช้เพื่อป้องกันตัวเอง มาดูกันว่าเรามีวิธีการป้องกันตัวเองอย่างไร เพื่อให้ห่างไกลจากโรคฝีดาษลิงงดการสัมผัส หรือทักทายแบบใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าอย่างที่เราทราบกันดีว่า โรคฝีดาษลิงติดต่อโดยตรงจากการสัมผัสกับคนที่ป่วยด้วยโรคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อทางเลือด น้ำหนอง การมีเพศสัมพันธ์ การกอด จูบ ในกรณีที่เราเองต้องไปพบเจอคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัว เช่น เพื่อน เพื่อนของเพื่อน เราจะไม่ใช้วิธีการกอดทักทาย เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าคน ๆ นั้นไปสัมผัสหรือติดต่อกับใครมาบ้าง สำหรับใครที่ชอบเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ก็ควรต้องงดเว้นชั่วคราว แต่สำหรับเราประเด็นนี้ปลอดภัย หายห่วง 😊😉หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีคนแออัด เช่น ร้านอาหาร ผับ บาร์ บริการขนส่งสาธารณะต่าง ๆ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้พยายามเว้นระยะห่าง การหลีกเลี่ยงแหล่งแออัดต่าง ๆ ก็เพื่อลดการสัมผัสใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าเหมือนข้อแรก ในกรณีที่เราต้องไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เราจะพยายามจองที่นั่ง หรือไปก่อน หรือหลังช่วงเวลาที่คนแออัด เช่น หากช่วงเที่ยงเป็นช่วงพีคของร้านอาหาร เราจะเลือกไป 11 โมงครึ่ง หรือ บ่ายโมง เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดสถานที่ที่เสี่ยงต่อความแออัดที่เราเลี่ยงไม่ได้คือ การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ที่บางครั้งเราก็เลี่ยงเวลาเดินทางไม่ได้ เพราะต้องเริ่มงานพร้อม ๆ กับคนอื่น แต่ในเมื่อไม่อยากไปถึงที่ทำงานก่อนเวลามากนัก ดังนั้น เราจะเลือกที่นั่งที่คนน้อย ๆ เลี่ยงการไปยืนอยู่บริเวณทางเข้าออก ที่เป็นตำแหน่งที่คนวิ่งขึ้นวิ่งลง และในการขึ้น หรือลงจากรถทุกครั้ง เราจะพยายามออกก่อน แต่ถ้าออกก่อนไม่ได้ ก็จะรอออกทีหลังสุด สิ่งที่เราท่องจนขึ้นใจในการออกไปอยู่ในที่ชุมชม คือเราจะเลือกที่ ๆ ห่างจากฝูงชนเสมอ ถ้ามีคนแปลกหน้ามาเบียด ก็ขยับหนีทันที!!วันก่อนเราไปส่งญาติที่สนามบินออลันด้า ในประเทศสวีเดน เจอคนแน่นและแออัด จนแทบไม่มีที่ยืน และคนที่เราเจอในสนามบิน ก็เป็นคนแปลกหน้าทั้งนั้น ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เราก็ไม่สามารถเลี่ยงได้ เพราะมันก็จำเป็นต้องไป สิ่งที่เราทำได้คือมองหาที่ว่าง ๆ ให้พอที่จะมีระยะห่างจากฝูงชน และเมื่อส่งญาติเรียบร้อย ก็รีบออกจากพื้นที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะเราเชื่อว่าการลดการสัมผัสกับคนแปลกหน้าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเองจากฝีดาษลิงหลีกเลี่ยงการรับประทานผลไม้ที่มีรอยแทะ เจาะ กัด และ อาหารเนื้อสัตว์ดิบ หรือเนื้อสัตว์สุก ๆ ดิบ ๆถ้าเราไปเก็บผลไม้ตามป่า ตามสวน เราจะไม่กินผลไม้ที่มีรอยแทะ เจาะ หรือกัดของสัตว์ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าฝีดาษลิงสามารถติดต่อได้จากคนสู่คน และจากสัตว์สู่คน โดยเฉพาะสัตว์แทะต่าง ๆ อย่างกระรอก หนู ค้างคาว ซึ่งอาจจะมีเชื้อโรคติดมาในน้ำลาย และปล่อยเชื้อสู่ผลไม้ที่เราไปเก็บมากิน 😊การกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก หรือสุก ๆ ดิบ ๆ ก็เสี่ยงติดโรคฝีดาษลิง เพราะหากเราไปกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก เชื้อของฝีดาษลิงที่ปะปนมาในเนื้อหรือเลือดสัตว์ก็ติดต่อมาสู่เราได้เหมือนกัน ถ้าอยู่บ้านตัวเองเราจะทำอาหารที่สุกขนาดไหนก็ได้ แต่ในการต้องไปรับประทานอาหารนอกบ้าน บางทีก็ไปเจอลาบ ก้อย น้ำตก ซกเล็ก ที่แบบสุก ๆ ดิบ ๆ ก็อาจจะเสี่ยงติดเชื้อ หากเนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงอาหารนั้น ๆ มีเชื้อฝีดาษลิงปะปนอยู่ เพราะเชื้อฝีดาษลิงติดจากเลือด และสารคัดหลั่งของสัตว์ต่าง ๆ เพราะฉะนั้นการกินอาหารที่ปรุงสุก ก็ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อฝีดาษลิงอย่างหนึ่งเช่นกัน โดยส่วนตัว แม้เราจะไม่กินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ แต่บางครั้งที่เราออกไปกินอาหารนอกบ้าน แม่ครัวอาจจะเร่งรีบไม่ระวังก็อาจจะได้แบบสุก ๆ ดิบ ๆ มาเสิร์ฟให้เรา ถ้าเราเจอแบบนี้ เราก็จะขอให้เค้าเอาไปทำให้สุก ไม่ได้อยากจะเรื่องมาก แต่ไม่อยากได้ของแถมติดตัว!!ใช้ช้อนกลางเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกันกับผู้อื่น ไม่ใช้แก้วร่วมกันในสังคมไทย การสั่งอาหารมากินร่วมกัน ถือเป็นเรื่องปกติที่เราชอบทำ แต่เราต้องใช้ช้อนกลางในการตักอาหารเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค ซึ่งก็ไม่ใช่มีแค่ฝีดาษลิงเท่านั้นที่เสี่ยงจากการใช้ช้อน หรือแก้วร่วมกัน ยังมีโรคอื่น ๆ อีกหลายโรคที่ติดจากการใช้ช้อน หรือแก้วร่วมกัน เช่นไวรัสตับอักเสบสำหรับเราชอบสังคมสวีเดนอย่างหนึ่งคือเวลาไปกินอาหารนอกบ้าน จะสั่งอาหารจานใครจานมัน ไม่มีการเอาช้อนของตัวเองไปจิ้มอาหารบนจานคนอื่น แม้จะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม หลาย ๆ ครั้งที่เราชวนให้เพื่อนร่วมงานชิมอาหารในจานของเรา เค้าจะชิมก่อนที่เราจะลงมือ และเค้าจะใช้ช้อนที่สะอาดมาตักอาหารในจานของเราเท่านั้น ซึ่งก็ถือเป็นการลดความเสี่ยงในการติดโรคได้อย่างดี โดยภาวะของคนปกติ เราก็คิดว่าทุกคนก็เลี่ยงการใช้แก้วน้ำร่วมกันอยู่แล้ว แต่ในการสังสรรค์ปาร์ตี้บางทีคนก็ไม่ได้ระมัดระวังมาก บางทีไม่รู้ว่าแก้วไหน เป็นของใคร ก็กินกันไปทั่ว โดยเฉพาะเมื่อความเมาเข้าครอบงำ และถ้าหากวันที่วนแก้วเป็นวันโชคดี เชื้อฝีดาษลิงที่ปะปนมากับน้ำลายของคนใดคนหนึ่งในงานก็สามารถแพร่กระจายเชื้อให้คนอื่น ๆ ในวงปาร์ตี้นั่น และถ้าสมมุติคุณไปรับเชื้อมาจากข้างนอก แล้วคุณกลับมาบ้านมากอด จูบลูกหรือคู่สมรส คุณก็จะเป็นคนนำเชื้อมาแพร่สู่ครอบครัวของคุณเอง และมันจะไม่สนุกแน่ถ้าในครอบครัวคุณมีทั้งเด็กเล็กและคนแก่ ที่มีร่างกายอ่อนแอซึ่งมีโอกาสเสียชีวิตสูงปกติเราเองก็ไม่ได้ชอบเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แต่บางครั้งก็ต้องออกไปสังสรรค์บ้าง เราก็พยายามจำกัดปริมาณการกินแอลกอฮอล์ เพราะต้องการคุมสติให้อยู่กับตัวเราตลอดเวลา จะได้ไม่เพิ่มความเสี่ยงในการไปติดเชื้อโรค ไม่ไปสัมผัสสัตว์ป่า สัตว์ป่วย ซากสัตว์ การไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ไปเที่ยวตามป่า เขา เราก็มีโอกาสที่จะเจอสัตว์ป่า เช่น กระรอก หนู ลิง เราเองจะเลี่ยงไม่ไปสัมผัสสัตว์เหล่านี้ ถึงแม้บางครั้งหน้าตามันจะน่ารัก น่าเอ็นดู หรือน่าสงสารก็ตาม ในบางครั้งที่เราอยากให้อาหารสัตว์เหล่านี้ เราก็จะเอาอาหารไปวางเอาไว้ให้สัตว์มาหยิบเอง ทั้งนี้ก็เพื่อลดการสัมผัสกับสัตว์ป่าที่ใกล้เกินไป ก็ไม่ใช่ว่าลิง หรือสัตว์ทุกตัวจะมีเชื้อฝีดาษลิง แต่แค่เราไม่รู้ว่าตัวไหนมี หรือไม่มีเชื้อฝีดาษลิง เพราะฉะนั้นกันไว้ ดีกว่าแก้ แย่แล้วก็อาจจะแก้ไม่ทัน จริง ๆ โดยธรรมชาติของสัตว์ป่า เมื่อเจอคน เค้าก็รีบหนีอย่างไว และไกลที่สุด เท่าที่จะทำได้ แต่บางครั้งสัตว์ก็ป่วย ซึม จนหนีไม่ไหว เมื่อเราไปจับก็อาจจะติดเชื้อโรคได้ อันนี้ก็ต้องระวัง หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงของคนอื่นตามสวนสาธารณะ เราก็จะไม่ไปจับทักทายเหมือนสมัยก่อน เพราะเราเองก็กลัวเชื้อโรค ไม่ใช่แค่โรคฝีดาษลิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรคอื่น ๆ อีกด้วยอาบน้ำ สระผม หรืออย่างน้อยที่สุดล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดทันทีเมื่อเข้ามาในบ้าน หลังจากที่เราออกไปข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นออกไปทำงาน หรือออกไปทำธุระอื่น ๆ นอกบ้าน สิ่งที่เราต้องรีบทำทันทีเมื่อมาถึงบ้านคือการอาบน้ำ สระผม ชำระร่างกายให้สะอาด แต่ถ้าไม่สามารถอาบน้ำได้ทันที เราก็จะล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ เสื้อผ้าที่ใส่ออกไปข้างนอกจะต้องเปลี่ยนออก เพราะเชื้อฝีดาษลิงสามารถติดผ่านการใช้สิ่งของร่วมกันได้ แล้วลองนึกดูว่าถ้าคุณเดินทางด้วยรถสาธารณะ แล้วมาไอ หรือจามใส่คุณ และก็อาจจะบังเอิญคนที่จามป่วยเป็นฝีดาษลิงแบบไม่รู้ตัว เชื้อเหล่านั้นก็ติดมาตามเสื้อผ้าของคุณ เมื่อมาถึงบ้านคุณก็ไม่ได้เปลี่ยนออก หลังจากนั้นลูกของคุณก็วิ่งเข้ามากอดคุณ คุณเองก็อาจจะเป็นคนแพร่เชื้อให้ลูก และถึงแม้คุณจะอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวและลูก เมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน คุณก็ไม่ชำระล้างร่างกายในทันที ในทางตรงกันข้ามคุณไปนั่งเล่น นอนเล่นบนโซฟา หรือที่นอนกับเสื้อผ้าที่คุณใส่ไปข้างนอกที่มีเชื้อฝีดาษติดมาด้วย นั่นก็เท่ากับคุณไปพาเชื้อเข้ามาอยู่ในบ้านของคุณเรียบร้อย และเชื้อก็พร้อมจะเข้าสู่ร่างกายของคุณ ณ เวลาใดก็ได้ โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่ติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโดยตรงจากสารคัดหลั่งของคน หรือสัตว์ที่ป่วยเป็นฝีดาษลิง ไม่ว่าจะจากเลือด น้ำหนอง อสุจิ น้ำลาย ดังนั้นการจะป้องกันตัวเองจากโรคฝีดาษลิง เราก็จำเป็นต้องลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ สำหรับคนที่ทำงานที่บ้าน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อฝีดาษลิงไปในตัว แต่สำหรับใครที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน หรือต้องออกไปพบเจอกับคนหมู่มาก การหาทางป้องกันตัวเองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่เราทำเพื่อป้องกันตัวเราเอง ถ้าเราไม่ป้องกันตัวเอง ก็คงไม่มีใครมาช่วยเราได้หรอกค่ะ อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตัวเองและคนใกล้ตัว ให้ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ แล้วพบกันใหม่ค่ะภาพปก และภาพทั้งหมด โดยผู้เขียน กราฟฟิกจากเว็บ CanvaBy Nurseonomyบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง - อาการฝีดาษลิง มากกว่าตุ่มพองตามร่างกาย (trueid.net)- รีวิว 4 อาการ Long Covid จากประสบการณ์จริง #workshop (trueid.net)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !