เชื่อว่าทุกคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เป็นงานเสริมที่ช่วยสร้างรายได้นอกเหนือจากงานประจำ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร และอยากรู้ว่าคนอื่นที่เริ่มทำได้ เขาต้องเริ่มจากตรงไหน Noah Kagan (ผู้ก่อตั้ง Appsumo.com ซึ่งจำหน่าย Software การจัดการตลอดชีพ) และ Tahl Raz ที่เคยทำงานประจำใน facebook แล้วถูกไล่ออกเพราะศักยภาพไม่ถึง ด้วยความที่เป็นคนธรรมดาเหมือนอย่างพวกเรา จึงต้องหาทางสร้างรายได้ชดเชยจากงานประจำที่หายไป หนังสือเล่มนี้จะทำให้เรารู้ว่าจะหาไอเดียทำธุรกิจเพื่อปัญหาให้ผู้คนจาก Google Trends ก่อน แล้วหาทางให้ลูกค้ายอมจ่ายเงิน ถ้าเขาไม่จ่าย ก็ถามตรงๆไปเลยว่าเพราะอะไร ? เพื่อจะได้ปรับแนวทางการทำงานของเรา แปลโดย ศศิธร สิงห์เถื่อน ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.อย่าวัดความสุขหรือคุณค่าในตัวเองของ คุณจากการได้เป็นคนฉลาดที่สุด สเร็จที่สุด หรือร่ำรวยที่สุด ถ้าคุณมัวแต่พุ่งเป้าไปยังผลลัพธ์สุดท้าย มันจะทำให้คุณรู้สึกท้อแท้และล้มเหลว คุณจะพบว่ามีคนอื่นๆ ที่ฉลาดกว่า สำเร็จกว่า หรือรวยกว่าคุณอยู่เสมอ ทุกๆ ครั้งที่คุณเจอคนเหล่านั้น คุณจะรู้สึกผิดหวัง และความมุ่งมั่นของคุณจะหายไป ขอให้มอง ตัวเองถึงสิ่งที่คุณทำอยู่ทุกๆ วัน (กระบวนการ) มันจะทำให้คุณ ไปถึงเป้าหมายได้เร็ว และมีความสุขมากกว่าการเปรียบเทียบ ตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา 2.คนส่วนใหญ่ไม่เคยขอสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาแค่ภาวนาถึงมัน พวกเขาอาจจะออกไอเดีย บอกใบ้เป็นนัย ๆ พวกเขาหวังว่ามันจะเกิด แต่ความเป็นจริงของโลกธุรกิจคือ การขอถึงสิ่งที่คุณอยาก ได้เท่านั้นที่จะทำให้คุณได้รับมัน ไม่ถามก็ไม่ได้แค่นั้นเอง มันเป็นจริงสำหรับทุกๆอย่างในชีวิตคุณด้วย การมีทักษะในการขอหรือการถาม คือสาเหตุที่มีผู้อพยพมากมาย หรือลูกหลานของพวกเขาประสบความสำเร็จในธุรกิจ พวกเขาไม่ได้สนใจถึงผลกระทบทางสังคมที่จะตามมาจากการทำสิ่งที่ไม่สมควรทำ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ไม่ควรทำ นั่นคือพวกเขาสามารถทำตัวซื่อๆ ไร้เดียงสา และถามได้ทุกสิ่ง ซึ่งเป็นพลังพิเศษของการทำธุรกิจ 3.ลูกค้าอยากได้ทางออกของปัญหา ไม่ใช่ไอเดีย ลูกค้าไม่ได้สนใจไอเดียของคุณหรอก พวกเขาสนใจแค่คุณแก้ปัญหาให้พวกเขาได้หรือเปล่า และคุณไม่ควรจะนําไอเดียใดๆ ไปทำธุรกิจถ้าคุณไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันคือทางแก้ปัญหาที่ลูกค้าพร้อมจะจ่ายเงินซื้อ 4.อย่าให้ความเคลือบแคลงของผู้อื่นหยุดคุณไว้ไม่ให้ค้นหาความจริง ความคิดเห็นที่สำคัญจริงๆ ต้องมาจากลูกค้าของคุณเท่านั้น งานของคุณ ในฐานะผู้ประกอบการที่มองว่าลูกค้ามาก่อนใคร คือการฟังปัญหาที่ลูกค้าของคุณ...ต้องการทางแก้สร้างทางแก้ไขปัญหาเหล่านั้นและทดสอบว่าพวกเขาจะจ่ายเงินให้กับมันหรือไม่ ไม่ต้องฟังคนอื่นนอกจากนี้ 5.ประเมินคําถามที่ถูกถามมากที่สุด (หรือสิ่งใดที่ไม่มีคนถามเลย) แล้วดูว่าคุณสามารถสร้างสินค้าหรือบริการให้สอดคล้องกับคําขอเหล่านั้น ถ้าคุณอยากรู้ว่าคําถามไหนมีแนวโน้มจะเกิดเป็นธุรกิจที่ไปนั้นได้หรือไม่ ลองถามตัวเองว่าทางแก้ไขของสิ่งนั้นเป็นวิตามิน (ถ้ามีก็ดี) หรือเป็นยาแก้ปวด (ต้องมีให้ได้) 6.นี่คือโอกาสมูลค่าล้านเหรียญจริงหรือเปล่า คุณจะทำการศึกษา (research) ตลาดเพื่อหาคำตอบเรื่องนี้ โมเดลธุรกิจของฉันคืออะไร คุณจะเขียนงบประมาณแบบง่าย ๆ โดยร่างรายได้ ต้นทุน และกำไร เพื่อคุณจะได้รู้ว่าต้องขายสินค้าจำนวนเท่าใดในราคาเท่าไรเพื่อจะทำเงินหนึ่งล้าน แล้วถ้ามันไม่เวิร์กอย่างที่คิดล่ะ ? คุณจะปรับเปลี่ยนและพัฒนา จะใช้ข้อเสนอแนะจากลูกค้าเพื่อปรับแต่งตัวแปรต่างๆของธุรกิจคุณ (ราคา รูปแบบ ข้อเสนอ หมวดหมู่ ทุก ๆ อย่าง) ให้กลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากขึ้น และดีขึ้นกว่าเดิม 7.มีคำถามสองข้อที่คุณต้องตอบให้ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังถือโอกาสมูลค่าล้านเหรียญอยู่จริง 1. ตลาดโดยภาพรวมของสิ่งนั้นกำลังจะตาย คงตัว หรือว่าเติบโต คุณต้องการไอเดียที่ตลาดคงตัว หรือถ้ามันเติบโตอยู่จะถือว่าดีมาก 2.มันคือโอกาสมูลค่าล้านเหรียญใช่หรือไม่ในการหาคำตอบ คุณต้องรู้จำนวนของว่าที่ลูกค้า และราคาของสินค้าหรือบริการของคุณ 8.กฎเหล็กของการทดสอบ หาลูกค้าที่พร้อมจะจ่ายเงินให้ไอเดียของคุณให้ได้ 3 รายภายใน 48 ชั่วโมง ความสำเร็จคือการก้าวไปได้เร็ว และไม่ต้องใช้เงินสักนิด นั่นทำให้กฎเหล็กของเรามีประสิทธิภาพอย่างมาก นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันถึงใช้งานได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ คุณมีเวลาแค่ 48 ชั่วโมง ข้อจำกัดทำให้ความคิดสร้างสรรค์เกิด การมีเวลากระชั้นชิดจะลดความสงสัยของผู้ที่อยากเป็นผู้ประกอบการในตัวคุณ มันบังคับให้คุณเริ่มต้นได้เร็ว และคิดนอกกรอบจนกว่าคุณจะหาสิ่งที่ใช่ได้พบ หาลูกค้าสามคนแรกมาให้ได้ ลูกค้าคนแรกอาจเป็นเพื่อนคุณคนที่สองอาจเป็นสมาชิกในครอบครัว แต่ลูกค้าคนที่สามนี่สิยาก ยังไม่ต้องกังวลเรื่องสร้างธุรกิจ เราแค่จะทดสอบไอเดียของคุณเท่านั้น เก็บเงินล่วงหน้า การสัญญาปากเปล่าว่าจะจ่ายเงินไม่ถือว่าผ่านภารกิจ มันคือคำปฏิเสธอย่างสุภาพ การทำให้ลูกค้าจ่ายเงินให้ คุณได้จะทำให้มันเป็นเรื่องจริง แต่คุณต้องได้รับเงินจริง 9.ข้อเสนอที่ใช้เราใช้มักเกิดจาก ราคา + ผลประโยชน์ + เวลา 10.รายชื่ออีเมลที่มีคุณภาพควรมีการถูกเปิดอ่าน 20% นี่คือเป้าหมายที่ควรไปให้ถึงการมีความเชื่อมโยง มีความสัมพันธ์อันดีจะทำให้ผู้คนเปิดอ่านอีเมลของเรา ไม่ใช่มีแค่จำนวนผู้ติดตาม 11.การเลียนแบบแผนการ คือการพนัน โดยใช้โชคเป็นกลยุทธ์ การจ่ายค่าโฆษณาอาจได้ผลกับเว็บหนึ่ง แต่อาจไม่ได้ผลกับเว็บเรา ก่อนที่เราจะทำการตลาด เราต้องเลือกเป้าหมายที่เราต้องการไปให้ถึงเสียก่อน 12.ขั้นแรกของการได้รับทุกสิ่งที่อยากได้ในโลกนี้คือการอนุญาตให้ตัวเราเองต้องการมัน และการเผชิญหน้ากับความกลัว เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เราได้รับสิ่งที่ต้องการ 13.แลนดิ้งเพจคือหน้าเว็บเพจง่ายๆ ที่มีรูปภาพ คำไม่กี่คำ และช่องว่างที่ให้ผู้คนกรอกอีเมลพวกเขาลงไปเพื่อรับข่าวสารเพิ่มเติม เป็นที่ที่คุณจะเสนอโบนัสพิเศษที่คุณเพิ่งสร้างขึ้นให้แก่พวกเขา สิ่งที่คุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณทำก็คือ สื่อสารคุณค่าที่คุณอยากส่งมอบ และมีวิธีที่จะเก็บอีเมลเหล่านั้นเข้ามา 14.จงตั้งใจและมุ่งมั่นทำให้ถึง 100 ครั้ง (ให้คิดว่านี่คือการฝึกฝน และทำซ้ำๆ มากกว่าการมองว่าเป็นความล้มเหลวหรือความสำเร็จ) วิธีนี้จะช่วยเปลี่ยนมุมมองของคุณ และทำให้คุณก้าวเดินต่อไปได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก 15.หัวใจสำคัญคือการสร้างระบบที่ช่วยให้คุณทำสิ่งนั้นได้ 100 ครั้งโดยไม่ต้องคิดถึงผลลัพธ์อะไรเลย วิธีรับมือกับความลังเลสงสัยที่จะค่อยๆ เกิดขึ้นกับคุณอย่างเลี่ยงไม่ได้ คือการทำไปให้ถึงหนึ่งร้อยครั้งแรกของคุณ อะไรก็ตามที่คุณทำอยู่ไม่ต้องไปสนใจว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร 16.จะมีคำถามอยู่ห้าข้อที่มักทบทวนอยู่เสมอสำหรับทุกๆ ธุรกิจ 1. เป้าหมายหนึ่งเดียวในปีนี้ของคุณคืออะไร 2. ลูกค้าตัวจริงของคุณคือใคร และคุณจะหาพวกเขาได้จากที่ไหน 3. กิจกรรมการตลาดหนึ่งอย่างที่คุณสามารถทำเพิ่มได้เป็นสองเท่าคืออะไร 4. คุณจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า 100 คนแรกได้อย่างไร 5. ถ้าคุณต้องขยายธุรกิจเป็นสองเท่าภายใน 30 วัน โดยไม่มีเงิน 17.ทุกครั้งที่เขามีรายชื่อบุคคลที่เขาอยากพบ เราจะส่งอีเมลสั้น ๆ ไปหาคนเหล่านั้น พร้อมกับประเด็นหลัก 3 ข้อดังนี้ แนะนำตัวเขาแบบสั้น ๆ คุณค่าที่เขาสามารถมอบให้ได้ (พูดอีกอย่างคือ อีกฝ่ายจะได้อะไร) ทำไมเขาถึงตื่นเต้นที่จะได้พบคนเหล่านั้น ฟรัง นรีกุล เกตุประภากร ยังเคยลง Vlog ถึงหนังสือเล่มนี้ (ภาคภาษาอังกฤษ) มาแล้ว เชื่อว่ามันคงช่วยใครบางคนจุดประกายให้ลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อหาเงินได้ แม้ตัว Noah Kagan จะไม่ได้ร่ำรวยเท่า Mark Zuckerberg แต่ด้วยรายได้หลักล้านจากหลายธุรกิจของเขา ก็ต้องยอมรับว่ามันสร้างคุณภาพชีวิตได้ดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป ด้วยการใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ให้เป็นประโยชน์ การมีเงินล้านมันก็เป็นไปได้ บางประเด็นเราอาจทำตามได้ยากหน่อย เพราะไม่เข้าใจเครื่องมือทางการตลาดในเว็บไซต์ที่ใช้งานได้ฟรี หรือไม่แน่ใจว่าเราจะปรับบริบทให้เข้ากับคุณค่าที่เรานำเสนอ(ธุรกิจ)ได้อย่างไร เรื่องนี้เราต้องค่อยๆคิดไปเรื่อยๆ....เดี๋ยวก็จะหาทางไปได้เอง เครดิตภาพ ภาพปก โดย Deeana Arts 🇵🇷 จาก pexels.com ภาพที่ 1 2 3 และ 4 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ 52 สัปดาห์ 52 ทรัพย์สิน รีวิวหนังสือ เกมเศรษฐี ลงทุนให้รวย ด้วยอสังหาริมทรัพย์ รีวิวหนังสือ PASSIVE INCOME เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !