การทำงานหนักโดยรับผิดชอบต่อหน้าที่เป็นสิ่งที่ดีในฐานะคนทำงาน แต่สิ่งหนึ่งคนทำงานลืมนึกถึงคือการทำงานให้มีคุณค่าต่อองค์กรสูงสุด ทำงานเป็นหลายทักษะ เข้าใจผลกระทบของเนื้อหาเราต่อแผนกอื่น เข้าใจระบบการ flow ของงาน เป็นต้น แต่เราอาจไม่คาดคิดหรือละเลยไม่ใส่ใจจนมองข้ามประเด็นดังกล่าวไป เธมส์ Think ต่าง จะให้แนวคิดถึงเรื่องของการทำงานที่สำคัญ โดยไม่ให้เราต้องทำงานหนักแล้วไม่ได้ผลตอบแทนกลับมาเท่าที่ควร นี่ถือเป็นการดูแลตัวเองที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเราจะทำงานอย่างเหนื่อยหน่ายจนหมดไฟไปในที่สุด ความรู้ความประทับใจที่ได้ภายในเล่ม ได้เรียนรู้ว่ายิ่งโฟกัสไปที่ผลลัพธ์น้อยเท่าไรยิ่งเห็นความสุขระหว่างทางมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งโฟกัสไปที่ความสุขระหว่างทางมากขึ้นเท่าไร ยิ่งมีแรงมีพลังให้ลงมือทำได้ต่อเนื่องมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งต่อเนื่องก็ยิ่งเกิดผล ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องมองเป้าหมายเลย เหลือบมองมันบ้าง ให้เห็นว่ายังถูกทาง แล้วกลับมาโฟกัสกับการทำอย่างผ่อนคลาย ทำอย่างมีความสุขและสม่ำเสมอแทน ได้เรียนรู้ว่ามีเวลาพักผ่อนที่พอเหมาะกับตัวเองในทุกๆวัน Productive ของคนไม่ได้เกิดจากการทำเต็มที่ตลอดเวลารีดทรัพยากรที่มีออกมาสร้างผลลัพธ์ให้ได้ตลอดเวลาเหมือนเครื่องจักร แต่เกิดจากการทำสลับนัก เพื่อดึงพลังกลับมาทำสิ่งดีๆได้อย่างต่อเนื่อง ได้เรียนรู้ว่า“นั่งสมาธิ” ช่วยทำให้มีสติ ตามอารมณ์ ตามความคิดตัวเองได้ง่ายขึ้น เลยถึงความรู้สึกกลับมาจากเรื่องแย่ๆ ต่างๆ ในชีวิตได้ไว ทำให้ชีวิตในภาพรวมทั้งหมดดี และนำไปใช้ในการทำงานได้ด้วย ได้เรียนรู้ว่าหาเวลาเงียบๆ อยู่กับตัวเองบ้าง สิ่งที่ดูง่ายแต่กลับทำได้ยากในยุคนี้คือการได้อยู่กับตัวเองโดยไม่ถูกรบกวนจากเทคโนโลยี ฝึกทำบ่อยๆ จะได้ไม่สมาธิสั้นจนเกินไป และมันยังช่วยเพิ่มโฟกัสในการทำงานของเราได้มากขึ้นอีกด้วย ได้เรียนรู้ว่าสมัยก่อนเวลาเราพูดถึงคนที่ชอบอยู่ว่างๆคนที่ไม่ทำอะไรเลย เรามักคิดว่าคนพวกนี้เป็นพวกไม่มี ความตั้งใจในชีวิตไม่ขยันขันแข็ง แต่ทุกวันนี้มีสิ่งมากมายถาโถมเข้ามาในชีวิตให้คิด ให้ตัดสินใจจนแทบไม่มีเวลาว่าง การไม่ต้องทำอะไรเลยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะส่งผลดีกับตัวเองทั้งในแง่ของความมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นรวมถึงสุขภาพที่ดี และความสุขที่มากขึ้นอีกด้วย ได้เรียนรู้ว่าบางทีความพยายามอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราทำเป้าหมายได้สำเร็จก่อนคนอื่น ยังมีเรื่องของจังหวะเวลา โชค และปัจจัยอื่นๆ มาเกี่ยวข้องด้วย บางทีความพยายามของเราก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นและไม่มีใครสนใจว่าเราพยายามขนาดไหน เพราะไม่มีใครรู้ว่าเราทำอะไรบ้างในช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ได้เรียนรู้ว่าอย่าจริงจังกับความพยายามของตัวเองมากเกินไป อย่าเอาความพยายามของตัวเอง มาสร้างสิทธิ์ที่ทำให้รู้สึกว่าฉันสำคัญ และฉันควรได้รับสิ่งนั้นก่อนคนอื่น ได้เรียนรู้ว่าบางทีไม่ต้องรีบทำงานเสร็จก่อนเดดไลน์ก็ได้ ไม่ต้อง Productive ขนาดนั้นก็ได้ เพราะงานสุดท้ายก็ดีได้เหมือนกัน เผลอๆ จะดีกว่าการที่พยายามกดดันรีบเร่งทำมันให้เสร็จเสียตั้งแต่แรกด้วย ถ้ารู้จักควบคุมจังหวะของงานให้เป็น ได้เรียนรู้ว่าบ่อยครั้งที่เราคิดเองว่าไม่เครียดหรอกสบายๆ แต่จริงๆ แล้วไม่รู้ว่าตัวเองเครียด วิธีตรวจสอบง่ายๆ คือ ให้ดูที่การตอบสนองของร่างกายว่ามีอาการตึงหรือรู้สึกร้าวหรือไม่หรือสังเกตที่การหายใจว่าหายใจไม่ลึกใช่หรือไม่ ถ้าใช่ นั่นหมายความว่าเรากำลังเครียดอยู่โดยไม่รู้ตัว ได้เรียนรู้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าการเป็นเด็กใหม่ในที่ทำงานนั้นมีอภิสิทธิ์สูงมากในการเรียนรู้สิ่งที่ไม่รู้อีกมาก เรามีอภิสิทธิ์ในการได้ทดลองทำงานที่ยังไม่เคยทำอีกหลากหลาย ทั้งยังมีอภิสิทธิ์ในการทำผิดพลาดอีกมากมาย อย่ากลัวว่าจะดูไม่ดี อย่ากลัวว่า จะดูไม่รู้เรื่อง ถ้าอยากรู้อะไรให้ถามเยอะๆ ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นเด็กใหม่แสดงความไม่รู้เรื่องออกมาให้ได้มากที่สุด และเรียนรู้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช้อภิสิทธิ์ของความเป็นเด็กใหม่ให้เต็มที่ อย่ากลัวว่าจะดูไม่ดี จนสุดท้ายจะไม่มีดีให้ดู ได้เรียนรู้ว่าการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอาจช่วยให้เราทำอะไรได้เยอะขึ้นก็จริง แต่ไม่ได้ทำให้ความเครียดของคุณลดลง ไม่ได้ช่วยให้คุณรู้สึกมีชีวิตที่ดีขึ้น หรือทำให้คุณมีเวลาว่างในการทำสิ่งสำคัญกับตัวเองมากขึ้นเลย เพราะเราลืมความจริงของชีวิต ข้อหนึ่งไป คือมนุษย์มีเวลาจำกัด แต่ความต้องการของมนุษย์นั้นมีอยู่ไม่จำกัดและธรรมชาติความต้องการคือจะไม่มีวันจบสิ้น ได้เรียนรู้ว่าเมื่อทำไม่ได้ แล้วทำไมต้องพยายามกดดันตัวเองด้วย วิธีคิดของความมีประสิทธิภาพตลอดเวลากันด้วยในเมื่อเราไม่มีทางทำทุกอย่างได้หมดอยู่แล้ว ได้เรียนรู้ว่าถ้ามีคนอื่นทางเลือกให้สองทาง “จงอย่าเพิ่งเลือก”ให้คิดไว้เสมอว่า เรามีตัวเลือกได้มากกว่านี้ เราสร้างทางเลือกที่สามได้ แค่ตั้งต้นจากความคิดแบบนี้ ฝึกคิดแบบนี้บ่อยๆจะทำให้มีพื้นฐานความคิดที่เอื้อให้เราสร้างทางเลือกใหม่ๆได้ ได้เรียนรู้ว่าผลวิจัยบอกว่า ความรกรุงรังไม่เป็นระเบียบนั้นทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพเราในหลายด้าน ไม่ว่าจะเครียดเรื้อรัง การเสียพลังงานโดยไม่จำเป็นตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงาน อีกทั้งความน่าเชื่อถือยังลดลง เพราะหากมีคนมาเห็นสภาวะแวดล้อมของเราที่ยุ่งเหยิงขนาดนี้ อาจถูกมองว่าเป็นคนไม่มีศักยภาพได้ ได้เรียนรู้ว่าประสบการณ์ในการทำงานไม่ได้วัดจากจำนวนปีที่เราทำงาน เพราะถ้าเราทำงานมา 4 ปี แต่ทำเชื่อมเดิมๆซ้ำๆอย่างนี้คือเราไม่ได้มีประสบการณ์ 4 ปี แต่มีประสบการณ์ทำงาน 1 ปี 4 ครั้ง ไม่ได้ทำให้เรามีศักยภาพที่มากขึ้นเลย ได้เรียนรู้ว่าถ้าเรารู้สึกว่าตัวเองเก่งเมื่อไร งานง่ายเมื่อไหร่ นั่นคือเรามีปัญหาแล้ว เพราะเราทำงานลักษณะเดิมมานานเกินไป จนแทบไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ซึ่งไม่ว่าเราจะทำงานหนักแค่ไหน หรือ ทำไปอีกกี่ปี เราก็จะมีศักยภาพไม่ต่างจากเดิม ดังนั้น เมื่อไรที่รู้สึกแบบนี้ นั่นคือสัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในการทำงาน ได้เรียนรู้ว่าความเชื่อที่ว่า “ตั้งใจทำงานให้ดี แล้วคนจะมองเห็นผลงานจะเป็นตัวบอกทุกอย่างด้วยตัวมันเอง" ความจริงไม่ได้ง่ายแบบนั้น เพราะไม่ว่าจะตั้งใจทำงานให้ดียังไง เราก็ยังต้องอธิบาย ต้องขายงานของเราให้คนอื่นฟังเพื่อให้เขายอมซื้อแนวคิดของเราด้วยอยู่ดี ได้เรียนรู้ว่าบางครั้งการพูดแล้วไม่มีคนฟัง ขายไอเดียไปแล้วไม่มีคนสนใจ แต่พอคนอื่นพูดไอเดียเดียวกันแท้ๆกับมีคนฟัง เพราะในชีวิตการทำงานนั้นลำพังแค่การตั้งใจทำผลงานให้ดีมันไม่เพียงพอ เราต้องมีความสามารถในการสื่อสารและนำเสนอให้คนฟังในสิ่งที่เราพูดได้ด้วย ได้เรียนรู้ว่าในโลกการทำงานจริงไม่มีใครมาบอกเราอีกแล้วว่าเราต้องรู้เรื่องอะไร ต้องเก่งเรื่องไหนบ้าง เพราะเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถลอกแผนใครได้เลย ถ้าอยากสร้างอนาคตให้ตรงกับเป้าหมายของตนเองให้ได้ เราต้องสร้างแผนพิเศษชิ้นนี้ขึ้นมา“แผนที่เป็นของคุณแค่คนเดียว ” เชื่อว่าหลายคนคงเคยเป็นเหมือนครีเอเตอร์ คือทำงานหนักจนลืมนึกไปว่านั่นยังเป็นการทำงานที่ไม่ตรงจุดเสียทีเดียว หนังสือเล่มนี้ทำให้ครีเอเตอร์ตั้งคำถามกับตัวเองในเรื่องการทำงานอีกครั้ง เพื่อเข้าใจแนวคิดการทำงานเสียใหม่ เพื่อก้าวหน้าในชีวิตโดยที่ไม่ต้องทำงานหนักจนเป็นบ้าไปซะก่อน จากนี้ไป เมื่อเราเข้าใจถึงแนวคิดดังกล่าวแล้ว เราก็จะไม่เสียกำลังใจว่า...ทำไมอุตส่าห์ตั้งใจทำงานแล้ว ผลงานที่ออกมากลับไม่เป็นทีาพอใจเท่าที่ควร เครดิตภาพ ภาพปก โดย wirestock จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย pressfoto จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ The Rules of Management เก่งเรื่องคน เข้มเรื่องงาน บาลานซ์เรื่องชีวิต รีวิวหนังสือ คู่มือคนทำงานฉบับสมบูรณ์ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานจนขึ้นเป็นซีอีโอ รีวิวหนังสือ เปิดเทอมใหญ่ วัยทำงาน รีวิวหนังสือ How to Make Work not Suck เมื่อเส้นทางการทำงานโรยไปด้วยเปลือกทุเรียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !