รีเซต

หมอแจง "ไทย" ไม่ได้ซื้อ "วัคซีนโควิด-19" แต่ขอถ่ายทอดเทคโนโลยีจากม.อ็อกซ์ฟอร์ด

หมอแจง "ไทย" ไม่ได้ซื้อ "วัคซีนโควิด-19" แต่ขอถ่ายทอดเทคโนโลยีจากม.อ็อกซ์ฟอร์ด
มติชน
24 กรกฎาคม 2563 ( 16:24 )
195
หมอแจง "ไทย" ไม่ได้ซื้อ "วัคซีนโควิด-19" แต่ขอถ่ายทอดเทคโนโลยีจากม.อ็อกซ์ฟอร์ด
หมอแจง “ไทย” ไม่ได้ซื้อ “วัคซีนโควิด-19” แต่ขอถ่ายทอดเทคโนโลยีจากม.อ็อกซ์ฟอร์ด

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวว่าประเทศไทยเตรียมไปเจรจาขอซื้อวัคซีนป้องกันโควิด -19 จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ด้วยงบประมาณ 600 ล้านบาท ว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ข้อเท็จจริงคือ ขณะนี้มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด โดยความร่วมมือกับผู้ผลิตวัคซีนของเขาเองมีการพัฒนาวัคซีนก้าวหน้า มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จในเร็วๆ นี้ เพราะมีการทดลองในคนกว่า 1,00 คน โดยการฉีดวัคซีนในคนเข็มแรกให้การตอบสนองที่ดีมากโดยร้อยะ 90 มีภูมิต้านทาน

“มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด มีวัตถุประสงค์ว่าหากพัฒนาวัคซีนสำเร็จจะให้คนทั้งโลกได้ใช้วัคซีนนี้ด้วย ด้วยราคาที่ไม่มีกำไร แต่ถ้าผลิตเองคงไม่เพียงพอ จึงมีการพิจารณาโรงงานผลิตวัคซีนในแต่ละทวีปว่ามีที่ไหนมีศักยภาพที่จะผลิตได้ ก็จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ ซึ่งในเอเชียก็ได้ที่อินเดีย” ศ.นพ.ปิยะสกล กล่าว

ศ.นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อไปว่า ในขณะที่ประเทศไทยเองมีบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ที่สามารถรองรับการผลิตได้ จึงมีการหารือว่า หากสามารถรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาได้ก็จะเป็นการผลิตวัคซีนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำเลย ดังนั้นตนจึงขอให้รัฐบาลเป็นตัวแทนไปเจรจามหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด เพื่อขอถ่ายทอดเทคโนโลยีมาให้คนไทยผลิต ส่วนงบ 600 ล้านบาท ก็จะใช้เพื่อการพัฒนาบริษัทของคนไทยเพื่อให้มีประสิทธิภาพพอที่จะรองรับกับเทคโนโลยีที่เขาจะให้มา ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม โดยคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ลงไปตรวจสอบโรงงงานผลิตแล้วคาดว่าจะสามารถให้การรับรองมาตรฐาน GMP ได้ประมาณเดือนกันยายนนี้

ทั้งนี้ ศ.นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ในการเจรจานั้น ประเทศไทยมีทีมบริษัท สยามซีเมนต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีความสัมพันธ์ที่ดีกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ดังนั้นจะร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศไปเป็นผู้เจรจา ทำความยืนยันเพื่อรับเทคโนโลยีมาผลิต ซึ่งอันนี้มีความเป็นได้ที่สุด เพราะทำได้เร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

“หากเขาทำสำเร็จ แล้วเราได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมานั้น เราจะสามารถผลิตได้หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน ซึ่งกำลังการผลิตของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด จะผลิตได้คือ 200 ล้านโดส ถือว่าเป็นปริมาณมากจึงสามารถนำไปช่วยเหลือกลุ่มประเทศในอาเซียนได้อีกด้วย” ศ.นพ.ปิยะสกล กล่าวและว่า ส่วนการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทย โดยคนไทยนั้น ยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยนั้น ก็จะไม่หยุดเดินหน้า รัฐบาลจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 3,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสนับสนุนในเรื่องวัคซีน ตั้งแต่การค้นคว้า วิจัย พัฒนา และลงทุนในประเทศ โดยมอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นผู้ดูแล ดังนั้นการใช้งบประมาณ 600 ล้านบาท ที่มีการกล่าวถึงนั้นก็จะอยู่ในงบ 3,500 ล้านบาทนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง