JAS ADVANC JASIF มีคนได้…ก็ต้องมีคนเสีย
บล.กสิกรไทย จำกัด ส่อง JAS ADVANC และ JASIF มีคนได้…ก็ต้องมีคนเสีย กรณีแก้สัญญา
JAS เสนอให้ JASIF สิ้นสุดสัญญารับประกันรายได้เพื่อชดเชยกับการต่อสัญญาเช่าฉบับหลักต่อไปอีก 7 ปี ซึ่งเป็นไปตามที่่ฝ่ายวิจัยคาดไว้
คาด ADVANC จะได้ประโยชน์จากกำไรที่มากขึ้นและมูลค่าที่เพิ่มขึ้นหลังรวมกิจการและคาดปัจจัยเสี่ยงเรื่องสภาพคล่องและกฎระเบียบของ JAS จะบรรเทาลง
ผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF จะได้รับผลกระทบจาก yield ที่ลดลงซึ่งจะส่งผลให้ JASIF เหมาะกับการเป็นหุ้นสำหรับการถือครองระยะยาวและมี yield ที่ทรงตัว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2566 JASIF รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่ากองทรัสต์ได้รับจดหมายจาก JAS ซึ่งเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนหลักของ JASIF ในสัดส่วนที่ 19% เพื่อเรียกร้องดังต่อไปนี้ ประการแรก JAS จะเลื่อนการชำระเงินค่ารับประกันรายได้จำนวน 288.69 ลบ./เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไปจนกว่าจะมีมติที่ประชุมออกมาในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ออกมาซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายใน 45-60 วัน การเลื่อนการชำระเงินออกไปจะไม่ถูกปรับเงินตามสัญญาและจะเริ่มผ่อนชำระรายเดือนตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.2567 ถึงวันที่ 15 มิ.ย.2567 ประการที่สอง JAS เรียกร้องให้กองทรัสต์ยุติสัญญารับประกันรายได้ ประการที่สาม JAS เรียกร้องให้ขยายระยะเวลาสัญญาเช่าหลักจากวันที่ 29 ม.ค.2576 เป็นวันที่ 31 ธ.ค.2581 หรืออีก 7 ปี นอกจากนี้ JAS ยังเสนอให้เริ่มเรียกเก็บค่าเช่าสำหรับระยะเวลาที่ขยายออกไปในอัตราที่ 402.37 บาท (เทียบกับอัตราปัจจุบันที่ 454.9 บาท)
เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป ฝ่ายวิจัยคาดว่าคณะกรรมการลงทุนของ JASIF จะจัด EGM ในอีก 45-60 วันเพื่อพิจารณาข้อเสนอของ JAS เช่นเดียวกับ EGM ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ต.ค.2565 EGM ครั้งนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนจำนวน 3 ใน 4 ของผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดซึ่ง JAS ไม่สามารถลงคะแนนโหวตได้จากประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างไรก็ดี คาดว่ามีโอกาสสูงที่ข้อเสนอทั้งหมดของ JAS จะได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหน่วยลงทุนส่วนน้อยของ JASIF ในครั้งนี้
ผู้ชนะและผู้แพ้ ระหว่างปี 2566-68 ฝ่ายวิจัยคาดว่า ADVANC จะเป็นผู้ชนะ ตามมาด้วย JAS ขณะที่เห็นได้ชัดเจนว่า JASIF จะเป็นผู้แพ้หากข้อเสนอปรับค่าเช่าของ JAS ได้รับการอนุมัติ การซื้อกิจการ TTTBB และ JASIF ของ ADVANC จะกลายมาเป็นดีลที่สร้างกำไรเพิ่ม พลิกกลับจากดีลที่ฉุดกำไรในช่วง 1-2 ปีแรก ที่ไม่มีการปรับค่าเช่า นอกจากนี้ เราคาดว่า ADVANC จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากดีลนี้หากพิจารณาจากการถือหุ้น 100% ใน TTTBB และถือหุ้น 19% ใน JASIF หากดีลเสร็จสมบูรณ์ นอกจากนี้ เราคาดว่า JAS จะได้ประโยชน์หากดีลเดินหน้าต่อ เรามองว่าการต่อสู้ที่ร้อนแรงในคณะกรรมการ กสทช. และความเป็นไปได้ที่รัฐบาลชุดใหม่จะให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นปัจจัยลบต่อดีลนี้ ในส่วนของ JASIF เราคาดว่าการเปลี่ยนกลุ่มผู้ถือหน่วยลงทุนส่วนน้อยอาจจะส่งผลให้ราคาหน่วยลงทุนปรับตัวลงในระยะสั้น
KS มุมมองการลงทุน
มุมมองบวก ฝ่ายวิจัยคงมุมมองบวกต่อกลุ่มหนุนจาก
1) สถานการณ์การแข่งขันที่ดีขึ้นทั้งในตลาดโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ตบ้าน
2) upside risk ต่อประมาณการกำไรสุทธิของเรา
3) มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง คาดการณ์ทางการเงินของเราอิงจากการแทรกแซงเพียงเล็กน้อยของรัฐบาลชุดใหม่
ADVANC ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ADVANC ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อิงด้วยวิธี DCF ที่ 233.85 บาท (WACC ที่ 9.2% และอัตราเติบโตระยะยาวที่ 3%) ฝ่ายวิจัยยังไม่รวมดีลซื้อกิจการ TTTBB และ JASIF ในประมาณการ ราเพราะกำลังรอความชัดเจนด้านกฎระเบียบและข้อเสนอปรับอัตราค่าเช่า ภายใต้โครงสร้างค่าเช่าใหม่ คาดว่า ADVANC จะรับรู้กำไรที่เป็นเงินสดในปี 2567-68 เพิ่มขึ้น 1.6-1.9 พันลบ. จากผลขาดทุนที่ 1.4-1.6 พันลบ. ขณะเดียวกัน คาดว่าดีลการปรับค่าเช่าจะเพิ่มราคาเป้าหมาย ADVANC ของเราขึ้นอีก 9.65 บาท/หุ้น
JAS ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ถือ” JAS ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 2.25 บาท อิงจากเงินทุนสุทธิที่คาดจะได้รับจากการขายหุ้น TTTBB และ JASIF ฝ่ายวิจัยคงมุมมองเดิมที่คาดว่า JAS เหมาะสมสำหรับนักเก็งกำไรมากกว่านักลงทุนหากพิจารณาจาก 1) ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ 2) การอนุมัติจาก EGM ของ JASIF เรื่องการปรับค่าเช่า 3) การใช้เงินทุนที่ได้รับจากการขายหุ้นที่ไม่ชัดเจน