หนังสือ Predatory Thinking หรือในชื่อฉบับภาษาไทย เกิดเป็นกระต่าย ต้องคิดให้ได้อย่างหมาป่า เขียนโดย Dave Trott นักโฆษณาที่เขียนหนังสือชื่อดังมาแล้ว หลายต่อหลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น Creative Mischief, ONE + ONE = THREE และ Creative Blindness and how to cure โดย Predatory Thinking จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ด้วยการหยิบยกเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ออกมาตีแผ่ได้อย่างน่าสน เรื่องที่ถูกยกมาเล่านั้นทั้งสนุก สร้างสรรค์ และหักมุมในตอนจบ ที่สำคัญคือทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ทั้งสิ้นผมขอสารภาพตามตรงว่าพึ่งรู้จัก Drave Trott ได้เมื่อไม่นานมานี้เอง ผ่านการนั่งฟัง Podcast ของ คุณรวิศ หาญอุตสาหะ ใน EP 701 Wednesday Book Review: creative Blindness ใครที่สนใจฟัง Podcast ใน EP 701 เพิ่มเติม >>ได้ที่นี่ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว แล้วยิ่งได้ฟังรีวิวจาก คุณรวิศ หาญอุตสาหะ ผมนี่ต้องรีบกลับไปหาชื่อหนังสือในร้านหนังสือเลยทีเดียว ในขณะที่ผมว่าชื่อหนังสือตามร้านขายหนังสือออนไลน์ กลับปรากฎว่าหนังสือเล่มนี้ ยังไม่ได้ว่างจำหน่ายในไทย และยังไม่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแต่อย่างใด ด้วยความที่อยากอ่านหนังสือของ Drave Trott มาก ผมจึงตัดสินใจเลือกซื้อหนังสือจากผู้แต่งเดียวกันสักเล่มนั่นคือ Predatory Thinking ตอนกดสั่งซื้อผมก็ลังเลพอสมควร เพราะชื่อหนังสือทำให้เราไม่ทราบเลยว่า หนังสือเล่มนี้ เล่าเกี่ยวกับอะไร แต่พอได้ลองอ่านแล้ว ถือเป็นหนังสือที่สนุก ชวนติดตาม ภาษาที่ใช้รวบรัด ได้ใจความ และที่สำคัญแต่ละคำพูด คม ๆ ทั้งนั้น ทำให้เราเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ให้อยู่เหนือตำรา ด้วยการปลุกความคิดสร้างสรรค์ในตัวเรา เพื่อให้เราเอาตัวรอดในสังคมได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนกับตัวเราที่เป็นกระต่าย ที่ตกเป็นเหยื่อของนักล่าอย่างหมาป่าด้วยวิธีคิดแบบทื่อ ๆ ตรง ๆ ไม่ทำอะไรนอกจากหนีสุดชีวิตแต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราหันมาคิดแบบหมาป่าผมจะยกตัวอย่างบางเหตุการณ์ในหนังสือที่น่าสนใจออกมานะครับชัยชนะตัดสินกันที่รายละเอียดเรื่องราวของ เเจ๊คกี้ สจ๊วต เจ้าของแชมป์โลกฟอร์มูล่าวันสามสมัย ผู้ที่คนทั่วไปพูดกันว่าเขาโปรดปรานการขับรถท่ามกลางสายฝน ยิ่งตกหนักเท่าไหร่ยิ่งดี พวกเขารู้ดีว่าหากฝนตกลงมา เเจ๊คกี้ สจ๊วต จะขับด้วยความเร็วสูง นั่นทำให้นักขบคนอื่น ๆ ไม่มีใครกล้าเร่งเครื่องเเซงหน้าเขา เพราะคิดว่าไม่มีทางชนะเขาได้ เมื่ออยู่ท่ามกลางสายฝน ภายหลังจากเขาแขวนพวกมาลัย เขาบอกว่าเป็นเรื่องที่เขาแต่ง และกุขึ้นตลอดอาชีพของเขา เพราะเขารู้ว่านักแข่งทุกคนเกลียด และกลัวการขับรถกลางสายฝน นั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน เขาไม่เพียงเป็นนักแข่งรถที่เก่งที่สุดเท่านั้น แต่เขายังเป็นนักแข่งรถที่ฉลาดสุด ๆ อีกด้วย เขาไม่เพียงแต่เขาจะกุเรื่องขึ้นมาเท่านั้น แต่ตัวเขายังเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดสุด ๆ อีกด้วย เขาพูดอยู่เสมอว่า สิ่งที่ทำให้เขาไดเปรียบนักแข่งคนอื่นก็คือโรคบกพร่องทางการอ่าน สมัยนั้นไม่มีใครรู้จักโรคนี้ ทุกคนจึงคิดว่าเขาโง่ นั่นหมายความว่าถ้าเขาอยากชนะ เขาต้องพยายามมากกว่าคนอื่น เขาจำเป็นต้องจดจ่อกับทุกรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด ก็อาจกลายเป็นโอกาสขึ้นมาได้ มันคือหนทางในการชิงความได้เปรียบ ในขณะที่เขาเข้าโค้ง เขาใช้ประสาทสัมผัสที่นักแข่งคนอื่นมองข้าม นั่นคือ เขาใช้จมูก เขาได้กลิ่นหญ้าที่พึ่งตัดใหม่ เขาจึงถอนเท้าออกจากคันเร่ง พร้อมหักพวงมาลัยช้า ๆ ก่อนจะเห็นรถอีกคันพุ่งออกนอกสนามแข่ง เห็นไหมครับหนังสือเล่มนี้จะบอกเล่าเรื่องราวของคนธรรมดา หรือองค์กรมากมายที่เพียงแค่พวกเขาเปลี่ยนวิธีคิด ก็สามรถเปลี่ยนให้พวกเขากุมความได้เปรียบ หรือพลิกกลับมาเป็นต่ออีกฝ่าย จนสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ใครสนใจหนังสือเล่มนี้ลองไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ >> รายละเอียดขอขอบคุณภาพปก : ผู้เขียน / จาก PIC1 : ผู้เขียน / Pic 2 : pixabay/ ...Pic3 pixabay.