(เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-1080592/)Home Sweet Home(เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-2091609/ ) "Home Sweet Home" บ้านคือวิมานของเรา หนึ่งในความฝันของเด็กจบใหม่ ก็คงมีความแตกต่างไม่เยอะ หลาย ๆ คนที่เพิ่งจบไฟแรง อยากมีงานที่ดี อยากมีรถคันใหม่ หรือ อยากมีบ้านของตัวเองซักหลังหนึ่ง แต่การจะไล่ตามความฝัน ให้ไปถึงยังจุดหมายปลายทางคือการซื้อบ้าน ที่เป็นของเรา ดูเหมือนจะเป็นความฝันที่ยากมากสำหรับเด็กที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ คนส่วนใหญ่ที่เรียนจบมาก็ต้องเข้าทำงานในบริษัท หรือ หน่วยงานต่าง ๆ เงินเดือนนั้นก็น้อยนิด แทบจะใช้กินใช้อยู่ไม่เพียงพออยู่แล้ว ยังเดือนชนเดือนกันอยู่เลย แล้วจะเอาเงินไหนไปซื้อบ้านกันละ ! ผู้เขียนมีความฝันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าอยากมีบ้านที่เป็นของตัวเองซักหลังหนึ่ง ไม่ต้องใหญ่ก็ได้ อยากตกแต่งเองทั้งหมด เย็น ๆ กลับบ้านมานั่งปิ้งย่าง รับลมตอนเย็น ๆ ชิว ๆ หน้าบ้าน คิดแล้วคงมีความสุขดีไม่น้อย แต่ความเป็นจริง ผู้เขียนเรียนจบจากต่างจังหวัด แล้วเข้ามาทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เงินเดือนเริ่มต้นแค่ 15,000 บาท แต่ ! ได้เงินจริง ๆ คือ 14,300 บาท โดนหักประกันสังคมไปอี๊ก !! แต่ความฝันมันคือสิ่งที่ต้องวิ่งตามให้ได้ ไม่งั้นคนเราจะทำงานไปเพื่ออะไรกันละ ถ้าไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลย และความฝันนั้นของผู้เขียนเป็นจริงได้ตอนอายุ 26 ปี !! ใช่ครับอ่านไม่ผิด ไม่ใช่ "36" แต่เป็น "26" เพิ่งเรียนจบมาแค่ 4 ปีเท่านั้นเอง !! ดังนั้นหากคุณกำลังท้อ หรือ เลิกคิดถึงบ้านน้อยแสนสวยงามของเราไปแล้ว กลับมาคิดใหม่ครับ อ่านบทความนี้ แล้วเอาไปทำตามซะ !! ความฝันของเราอยู่ไม่ไกลแน่นอนทำยังไงละ ??(เครดิตรูปภาพ : https://pixabay.com/images/id-791849/) ชีวิตเริ่มต้นการทำงานของผู้เขียนนั้นบอกเลยว่า สนุก สุด เหวี่ยง Work Hard Play Harder ! มาก เพราะทำงานเป็นสาย อีเว้นท์ ออร์แกไนเซอร์ ดังนั้นจึงทำงานกลางคืน และ ต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่ เลยทำให้ปาร์ตี้และสังสรรค์อยู่ตลอดเวลา จนไม่มีเวลาเก็บเงินเลยซักนิดและยังทำงานที่กรุงเทพฯ เมืองที่ทุกอย่างแพงไปหมด สุดท้ายก็กลายเป็นเดือนชนเดือน บางทีก็เดือนชนอาทิตย์ก็ยังมี พอผ่านไป 4 เดือน สุดท้ายก็มานั่งคิดกับตัวเองว่า "แบบนี้ไม่เวิร์คแน่ ๆ ฉันต้องเปลี่ยนตัวเองใหม่" และนับตั้งแต่วันนั้น การเปลี่ยนแปลงที่จริงจังก็เกิดขึ้น โดยการต้องวางแผน และ หาข้อมูลอย่างจริงจัง เงินเดือนเท่าไหร่ ธนาคารถึงจะปล่อยให้กู้ และ ถ้าให้กู้ จะกู้ได้เท่าไหร่อยากได้บ้านแบบไหน ราคาเท่าไหร่ เช็คทำเล และ สิ่งอำนวยความสะดวกเงินไม่พอใช้ ทำยังไงเงินถึงจะพอละ ถ้าซื้อบ้านแล้วควรมีเงินเท่าไหร่ และ เหลือใช้จ่ายเท่าไหร่ พวกนี้คิดมาให้หมดเลยครับ สำหรับตัวเลขชัว ๆ แนะนำให้โทรหาธนาคารเลยครับ ส่วนเรื่องบ้านแบบไหนก็หาใน Google ได้เลยช่วงอายุ 22-23 ปี : ออมเงิน / หารายได้เพิ่ม(เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-2724241/) บอกเลยว่าตอนนั้นผู้เขียน เงินเดือน 15,000 บาท (ปัดเป็นเลขกลม ๆ นะครับ) พอผ่านโปรและผลงานเด่นจน หัวหน้าเสนอให้กับเจ้าของบริษัทปรับเงินเดือนเป็น 20,000 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือใช้ 16,000 บาท หักครึ่งเลยครับเก็บ 8,000 บาท และด้วยความที่เรามี Lifestyle ปาร์ตี้ เราไม่อยากเปลี่ยนเรื่องนี้เท่าไหร่ ได้แต่ลด ๆ ลงมา ดังนั้นวิธีที่จะทำให้มีเงินคือหารายได้เสริมเพิ่มเติมเอาถ่ายภาพขาย Shutter Stock : วิธีการทำสามารถหาข้อมูลได้ทั่วไปทำงานออนไลน์ : งานออนไลน์ที่ทำเพิ่มในเวลาว่าง ๆ และได้เงินจริง ๆ จำพวกทำแบบสอบถาม เขียนบทความส่ง หรือ การรับออเดอร์แทนตัวแทนจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ทำงานพิเศษ : เนื่องจากทำงานเป็น ออร์แกไนเซอร์อยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะรับงานนอก ในวันหยุดของเรา ผู้เขียนรับงานจากเพื่อน ๆ หรือพี่ ๆ ในวงการเดียวกันโดยการไปช่วยงานเป็น Staff หรือ หน้าที่อื่น ๆ ในงานอีเว้นท์ รายได้ต่อวันประมาณ 800-1,500 บาท ทำแค่เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดต่าง ๆ ที่ไม่กระทบกับงานประจำโดยสรุปแล้วช่วงอายุ 22-23 ปีนั้น เป็นช่วงที่ทำงานเก็บเงิน ออมเงิน แต่ปาร์ตี้ก็ไม่ขาดนะ รวม ๆ แล้วตอนนั้นต่อเดือนมีรายได้ประมาณ 25,000-35,000 บาท ต่อเดือน (รวมเงินเดือน)แนะนำเพิ่มเติมสำหรับงานพิเศษ ถ้าทำแล้วได้ใบหัก ณ ที่จ่ายจะดีมากสำหรับงานออนไลน์ ให้รับเงินเข้าธนาคารเดียวเท่านั้น สุดท้ายแล้วจะชี้วัดได้ว่า มีเงินเข้าเท่าไหร่ต่อปีช่วงอายุ 23-24 ปี : สมัครงานที่ใหม่ / เพิ่มศักยภาพตัวเอง (เครดิตภาพ :https://pixabay.com/images/id-2697951/ ) การย้ายงานของผู้เขียนนั้น จากบริษัทแรกไม่ได้เป็นความต้องการของตัวเองเท่าไหร่ แต่เกิดจากบริษัทปิดตัวลง ทำให้ต้องออกมาหางานที่ใหม่ โดยงานที่ 2 เงินเดือนของผู้เขียนอยู่ที่ 28,000 บาท หลาย ๆ คนอาจจะตกใจว่า "เห้ย ! ย้ายงานครั้งแรกเงินเพิ่มมา 8,000 เลยหรอ" มันทำได้ครับ ถ้าตัวคุณใน 1 ปีที่ผ่านมา พัฒนาศักยภาพตัวเองเพียงพอ ให้เขาได้เห็นว่าเก่งเกินเงินครับ มันได้แน่ ๆ เชื่อผมสิ ช่วงอายุนี้ผู้เขียนแอบนอกใจเป้าหมายหลักนิดนึงคือ การไปซื้อรถยนต์มาใช้ก่อน เพราะด้วยเนื้องานของผู้เขียนเอง การมีรถส่วนตัวถือว่าจำเป็นมาก ๆ แต่พอซื้อมาแล้วเอาจริง ๆ มันทำเงินให้เราได้เพิ่มอีกเป็นเท่าตัวเลยการพัฒนาศักยภาพของตัวเองภาษาที่ 2 : ไปเรียนมาเพิ่มเลยครับ ภาษาอะไรก็ได้การทำความเข้าใจเนื้องานตัวเองให้มากขึ้น : คือการตีโจทย์งานตัวเองให้แตก คิดให้รอบคอบ และตั้งใจทำมันอย่างสุดความสามารถพัฒนาเรื่องบุคลิคภาพ : First Impression สำคัญเสมอครับ โดยสรุปแล้ว ช่วงอายุ 23-24 ปีของผู้เขียนนั้น รายได้รวมต่อเดือนเงินเดือน 28,000 บาทเงินจากการขายภาพ 1,000-3,000 บาท เงินจากการทำงานพิเศษ 10,000-40,000 บาท * หมายเหตุเพิ่มเติม : สำหรับงานพิเศษสายอีเว้นท์นั้น ผู้เขียนได้ทำหน้าที่ ที่สูงกว่าการเป็น Staff คือการเป็น Production / Supervisor Set up และ Producer Run Show ราคาต่อวันประมาณ 3,000-8,000 บาท (1เดือนมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ 8 วัน คูณไปเลยจ้า)ช่วงอายุ 24-25 ปี : เครดิต / ธุรกรรมทางการเงิน (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-1583534/) ช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่กำลังพอดีมาก ๆ ที่จะเริ่มทำธุรกรรมต่าง ๆ ทางการเงิน เพราะทำงานมาได้ประมาณ 3 ปี และการงานค่อนข้างมั่นคงแล้วให้ทุกคนทำตามนี้สมัครบัตรเครดิต : สมัครมันทุกธนาคารนั่นแหละ มีที่ไหนบ้าง สมัครให้หมด (แนะนำว่าส่งใบสมัครให้พร้อม ๆ กัน หรือห่างกันไม่เกิน 1-3 วันนะ เพราะบางธนาคารจะติดต่อถึงกัน เราอาจจะไม่ได้หลายใบนะ)แบ่งเงินออมบางส่วน ฝากประจำกับธนาคารไว้ : เวลาเขาเช็คเครดิตจะเห็นเงินออมของเรา ช่วยยืนยันให้ธนาคารมั่นใจได้ซื้อสลาก : เวลาเขาเช็คเครดิตจะเห็นเงินออมของเรา ช่วยยืนยันให้ธนาคารมั่นใจได้เปิดพอร์ทหุ้น : ไม่ได้ให้เล่นเป็นบ้าเป็นหลังนะ เปิดไว้ ออมเงิน หรือถ้าใครมีความสามารถในการเพิ่มมูลค่าก็ทำเลยไม่ว่ากัน ทำรายการพวก LTF หรือ RMF : อะไรก็ได้ตามสะดวกเหตุผลเมื่อเราทำรายการเรื่องธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารแล้ว เวลาเรายื่นกู้ จะเห็นเครดิตของเราชัดเจน และเงินจำพวกเงินออมต่าง ๆ ยังสามารถทำให้ธนาคารมั่นใจได้ว่า ถ้าเราไม่มีรายได้หลักแล้ว เรายังสามารถจ่ายเงินค่าผ่อนบ้านต่อได้บัตรเครดิต ที่ควรทำและใช้ไปด้วย แต่ควรใช้แบบคนฉลาดใช้นะ เวลายื่นกู้ธนาคารจะเห็นวินัยการจ่ายเงินของเรา และ เราเป็นหนี้อะไรไหม ข้อควรระวังในหัวข้อนี้เลยคือ บัตรเครดิตเนื่องจากบัตรเครดิต ถ้าคนใช้เป็นถือเป็นเรื่องดีมาก แต่ถ้าใช้แบบไม่ฉลาดขึ้นมาเมื่อไหร่ บอกเลยหนี้บาน เครดิตเสียหายแน่นอน ซึ่งการใช้แบบฉลาด ๆ ก็ไม่ยากครับ รูดใช้เท่าไหร่ ก่อนสิ้นเดือน หรือ ก่อนวันที่จะตัดยอดในบัตร เราก็จ่ายให้หมด ให้ยอดบัตรเครดิตเป็น 0 ก็เท่านั้น โดยสรุปแล้ว ช่วงอายุ 24-25 ปีของผู้เขียนนั้น รายได้รวมต่อเดือนเงินเดือน 35,000 บาท (ลืมบอกว่าผู้เขียนย้ายงานตอนที่ทำงานกับ บริษัทที่ 2 ได้ 1 ปี 3 เดือน)เงินจากการขายภาพ 2,000-5,000 บาท เงินจากการทำงานพิเศษ 10,000-20,000 บาท (เนื่องจากภาระหน้าที่ในงานประจำที่มากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลาและหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น)อายุ 26 ปี : ซื้อบ้าน(เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-1867187/ ) และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง แต่ก่อนจะซื้อ อยากให้ทุกคนกลับมามองตัวเองอีกครั้ง รีเช็คตัวเองอีกที ว่าเราขาดอะไรไปหรือไม่ เราพร้อมแล้วจริง ๆ หรือยังตัวอย่างการเช็คตัวเองเงินเดือน 35,000 บาท เงินขายภาพ 5,000 บาทเงินงานพิเศษ 20,000 บาท รวม 35,000+5,000+20,000 = 60,000 บาท รายจ่ายเดิมที่มีอยู่ค่ารถ 6,800 บาทค่าที่พัก 5,000 บาทค่าโทรศัพท์ 800 บาท รวม 12,600 บาท หักค่าใช้จ่ายจากรายได้แล้ว(ไม่นับค่ากิน ดื่ม เที่ยว คงเหลือ 47,400 บาท โอเค ผ่าน !!! (เครดิตภาพ : https://pixabay.com/images/id-1080592/) ทีนี้ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนพอมาถึงจุดนี้แล้ว ก็คงจะมีแบบบ้านในใจกันแล้วใช่มั้ยครับ ง่าย ๆ เลยครับผม เดินไปดูบ้าน ถ้าถูกใจ ก็เขียนใบจองกันได้เลย เตรียมเงินไปด้วยนะครับ 5,000-10,000 บาทสำหรับการจอง ส่วนตัวผู้เขียนนั้น เนื่องจากหน้าที่การงาน ตอนที่กำลังจะซื้อนั้น ไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวันก็ได้ มีประชุมวันไหนก็เข้า แล้วที่ตัวเองมีรถยนต์ส่วนตัวอยู่แล้ว ก็เลยเลือกซื้อบ้านชานเมืองหน่อย เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 52 ตรว เพราะอย่างที่บอกข้างต้น อยากกลับบ้านมากินลมชมวิว ปิ้งย่าง ชิว ๆ อยู่ที่บ้าน ดังนั้นบ้านเลยต้องมีพื้นที่หน่อย โดยบ้านที่ผู้เขียนได้ซื้อ ซื้อมาในราคา 4.3 ล้านบาท รวมกู้ธนาคาร นู่นนั่นนี่ไปแล้ว (โดนค่าประกัน ค่าอื่น ๆ ที่เค้าบังคับให้กู้นะ) รวม ๆ แล้ว ประมาณ 4.8 ล้านบาท ผ่อนต่อเดือน 24,500 บาท จ้า (ผู้เขียนเลือกผ่อนแพงหน่อย จริง ๆ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 18,000-20,000 บาท เพราะผู้เขียนเลือกผ่อนแค่ 25 ปีจ้า) พอได้ซื้อแล้วก็มีความแอบภูมิใจในตัวเองเหมือนกัน ที่สามารถทำฝันให้สำเร็จได้ ด้วยตัวเอง หากเรามองย้อนไปในวันที่เราเริ่มต้น มองว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเรามีความพยายาม มีความตั้งใจจริงแล้วนั้น ผู้เขียนว่า เรื่องแค่นี้ ทำได้แน่นอน !! บ้านในฝันของพวกเราทุกคนกำลังรออยู่นะ รีบ ๆ เข้าละ แถมให้นิดนึงสำหรับขั้นตอนการซื้อบ้านเลือกแบบบ้านโดยไปดูของจริงถาม Sale ขายบ้านให้ละเอียด ลง Detail ให้เยอะ ๆ เข้าไปไม่ต้องกลัวเขารำคาญหรอก เพราะเราต้องอยู่กับมันไปตลอด เพราะฉะนั้นเยอะไว้ก่อนดีกว่าสำหรับบางท่านที่เชื่อเรื่องดวง ก็ไปดูดวงกันมาก่อนเลยเด้อเมื่อถูกใจ ทำการจอง เขียนใบจองจ่ายเงิน ประมาณ 3-7 วันทำการ จะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาขอเอกสารต่าง ๆ ของเราเอกสารจำพวกหนังสือรับรองเงินเดือน ใบหัก ณ ที่จ่าย และพวกเอกสารทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ที่เรามี ก็เตรียมให้ครบถ้วนตามที่ธนาคารขอละกันธนาคารจะเอาเอกสารมาให้เซ็นถึงที่ เราก็เซ็นและรอวันอนุมัติช่วงที่รออนุมัติ ควรจ้างคนตรวจบ้านไปตรวจบ้านของเราเลยอย่าเซ็นรับบ้าน หรือ โอนใด ๆ เด็ดขาดจนกว่าบ้านจะ 100% เมื่อทุกอย่างผ่าน ทีนี้ทางเจ้าของบ้านที่เราซื้อและนายธนาคารจะนัดเราไปที่ สำนักงานที่ดิน แล้วทำการเซ็นโอนต่าง ๆ เมื่อโอนเสร็จจะได้ฉโนดมาเลย และ บ้านหลังนั้นก็เป็นของคุณ 100%ตกแต่งตามใจ พร้อมเข้าอยู่จ้า