...ผู้เขียนอยากแชร์ประสบการณ์วิธีคิดแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องใดก็ตาม เป็นเทคนิคที่สามารถนำมาปรับใช้ได้จริงในการใช้ชีวิต ไม่มีใครที่ไม่เคยพบเจอปัญหาในชีวิต อยู่ที่ว่าเราจะมีวิธีจัดการกับปัญหาเหล่านั้นอย่างไร ความคิดจึงมีอิทธิพลต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้เขียนจึงอยากแบ่งปันวิธีในแบบของผู้เขียนที่ใช้ฝึกตัวเองเมื่อต้องเผชิญกับการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆเพียงแค่ 4 เทคนิคที่จะช่วยเราจัดการกับความคิดว่าเราควรทำอย่างไร หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย ตามมาดูกันเลยว่ามีเทคนิคอะไรกันบ้าง..."1.ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของเราให้อยู่ในความสงบมากที่สุดเท่าที่ทำได้"...เมื่อเกิดปัญหาท่าทีของเราที่มีต่อปัญหานั้นมีส่วนสำคัญว่าเราจะมีท่าทีอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นอารมณ์และความรู้สึกของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหา หากคุณเป็นคนอารมณ์ร้อนคุณต้องพยายามให้อารมณ์เย็นลงก่อนที่จะตัดสินใจ พยายามอย่ารีบตัดสินใจเพราะตอนนั้นความคิดและความรู้สึกของคุณมันกระเจิดกระเจิงเมื่อกำลังเผชิญอยู่กับปัญหา เป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความระมัดระวังในเรื่องการตัดสินใจเป็นอย่างมาก เราต้องควบคุมตัวเองให้อยู่ในความสงบและเพ่งความสนใจในสิ่งที่เราสามารถทำได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อความคิดและอารมณ์ มันคือ ความกลัว ความกังวล การขาดความอดทนและชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นเราควรพยายามตั้งสติและใช้ปัญญาความรู้แก้ไขปัญหาเพื่อให้ปัญหาคลี่คลายลง ต้องไม่ตอบสนองหรืออินไปตามอารมณ์ความรู้สึกหรือมัวแต่เสียขวัญเสียกำลังใจและหวั่นวิตก จนทำให้ตัวเองไม่สามารถควบคุมสติได้ และอาจทำให้ปัญหาเหล่านั้นรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม..."2.ลีกเลี่ยงการคิดแง่ลบมากจนเกินไป"...ในสถานการณ์แต่ละอย่างที่เกิดขึ้น ย่อมมีทั้งด้านบวกและด้านลบ ทำให้ผู้เขียนนึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาทันทีว่า เหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ เพราะฉะนั้น หากเราเพ่งดูแต่สิ่งที่เป็นด้านลบมากจนเกินไป โดยไม่สนใจส่วนที่ดีที่เกิดขึ้นก็จะเป็นเหมือนว่าเราได้กรองเอาส่วนที่เป็นความคิดในแง่บวกออกไป แล้วทำให้ความคิดในแง่ลบมีความสำคัญมากเกินความเป็นจริง สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมีจำนวนน้อยมากที่จะเป็นไปในแง่ลบทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนมากแล้วเรายังคงสามารถมองหาส่วนดีจากเหตุการณ์เหล่านั้นได้ แม้ว่าในบางสถานการณ์เราอาจจะต้องพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อจะมองเห็นส่วนที่ดีที่เกิดขึ้นก็ตาม พยายามหลีกเลี่ยงการให้ความสำคัญมากจนเกินไปกับแง่ลบที่เกิดขึ้นในแต่ละสถานการณ์นะทุกคน อยากให้มองภาพรวมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วมองหาส่วนดีเกี่ยวกับมัน ซึ่งจะช่วยให้เรากลายเป็นคนคิดบวกและมีกำลังใจมีแรงใจที่จะคิดหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย..."3.คาดหวังสิ่งที่ดีที่สุด"...การคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดจะทำให้เรามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างคนคิดในแง่บวก ในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นิสัยที่ชอบคิดถึงแต่ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น การมองเหตุการณ์ไปในทางร้าย เป็นนิสัยที่ควรเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างยิ่ง มีเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้เขียนกับเพื่อนได้คุยและวางแผนกันว่าจะไปเดินป่าด้วยกัน ซึ่งการเดินป่าแต่ละครั้ง มักจะมีความท้าทายต่างๆเกิดขึ้น แต่คนที่สามารถเอาชนะความท้าทายเหล่านั้นคือคนที่คาดหวังตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้วว่า การเดินทางครั้งนี้จะสนุกและเราก็ตัดสินใจที่จะสนุกไปกับมันไม่ว่าจะมีความท้าทายใดๆเกิดขึ้น ส่วนเพื่อนของผู้เขียนอีกคนหนึ่ง เขามีความคิดว่าทางเดินป่าคงจะสวยดี แต่ที่นั้นคงมียุงเยอะ อากาศคงจะร้อน คงจะเจ็บเท้าหลังจากที่เริ่มเดินป่าไปได้ไม่นาน และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพวกเราหลงทางกันหล่ะ โดยที่ไม่สามารถหาทางกลับบ้านได้ ผู้เขียนฟังดูแล้วก็ทำให้คิดว่ามันคงเป็นวันที่แย่เอามากๆกับการเดินป่า เพื่อนคนนี้ได้ตัดสินใจที่จะไม่มีความสุขในการเดินป่าก่อนที่จะออกเดินทางจริงๆด้วยซ้ำ หลายสิ่งในชีวิตอาจจะมาพร้อมกับความท้าทายมากมาย แต่ส่วนมากเราสามารถเอาชนะความท้าทายเหล่านั้นได้ เพียงแค่เรามองมันในภาพบวกและคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา และไม่ว่าเราจะลงมือทำอะไรเราต้องคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้เราทำสิ่งนั้นได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่เราวางไว้ได้..."4.ยอมรับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้"...หากเราต้องการที่จะฝึกเป็นคนคิดในแง่บวก เราก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะสามารถแบ่งแยกออกเป็นสีดำหรือสีขาวได้ บางครั้งชีวิตก็มีสีเทาเกิดขึ้นบ้างเป็นสิ่งที่อยู่กลางๆ เพราะทุกสิ่งไม่สามารถที่จะสมบูรณ์แบบได้ตลอดเวลา และทุกสิ่งก็ไม่ได้แย่ตลอดเวลาเช่นกัน การคิดว่าเราเป็นคนที่แย่มากๆ เพียงเพราะทำสิ่งผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ความคิดเช่นนี้มันทำให้เราเป็นคนขี้หงุดหงิดและคิดในแง่ร้าย ขอให้เราอยู่อย่างมีความหวังในชีวิตและยอมรับความจริงว่าไม่มีใครและไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบทั้งตัวเราและผู้อื่น หากเราเป็นคนที่คาดหวังความสมบูรณ์แบบจากตัวเอง เราก็มีแนวโน้มที่จะทำเช่นนั้นกับผู้อื่นด้วย ซึ่งนั่นไม่ใช่โลกของความเป็นจริง มันทำให้คุณต้องพบกับความผิดหวังเมื่อสิ่งต่างๆไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ ทั้งยังเป็นการสร้างความกดดันให้แก่คนที่เราห่วงใยและอาจเป็นการทำลายความสัมพันธ์ในที่สุด หากเราทำผิดพลาด ทำไมเราไม่คิดว่า นั่นเป็นประสบการณ์ชีวิตเพื่อเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาได้หลากหลายวิธี และจะต้องมีสักวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้ คุณลองคิดดูว่าเรื่องใดบ้างที่คุณต้องการที่จะยอมรับเป็นพิเศษว่า มันเป็นความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต หรืออาจเกี่ยวกับความไม่สมบูรณ์แบบของผู้อื่นที่มีผลกระทบต่อตัวคุณแล้วคุณต้องการที่จะฝึกคิดบวกเพื่อยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบนั่นได้หรือไม่ หากการคิดบวกนั้นจะทำให้คุณเข้าใจปัญหามากขึ้น......เป็นอย่างไรกันบ้างทุกคนเทคนิคและตัวอย่างวิธีแก้ปัญหาที่นำมาฝากกันในวันนี้ สามรถนำไปฝึกฝนและปรับใช้กันได้ บางเรื่องมันอาจจะหนักหนาเกินกว่าใจเราจะยอมรับได้ เหตุการณ์ในวันที่แย่เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเพียงแค่ต้องใช้เวลา แต่ถ้าเราฝึกคิดในแง่บวกจะทำให้เราไม่ต้องใช้เวลามากมายที่ต้องจมอยู่กับการแก้ปัญหาเหล่านั้น เพราะผู้เขียนคิดว่าเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะทำอะไรได้หลายๆอย่างในชีวิต การแก้ไขปัญหาโดยการคิดบวกหลายคนอาจคิดว่า เป็นการคิดแบบหลอกตัวเองหรือการมโนไปเรื่อย แต่ต้องเป็นการมโนในโลกของความเป็นจริงด้วยนะทุกคน วิธีการมโนต่างๆเหล่านี้ทำให้เรามีแรงใจที่จะทำสิ่งใดด้วยความตั้งใจและเชื่อมันในตัวเองว่าเราต้องทำได้ มันจะเป็นแรงผลักดันให้เรามีความพยายามทำสิ่งนั้นจนประสบสำเร็จ ถือว่าการมโนเช่นนี้ก็ดีนะ การแก้ไขปัญหาด้วยการคิดบวกอาจจะทำได้ยากในมุมมองของแต่ละคน แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยทีเดียว หากเราค่อยๆฝึกฝนจนกลายเป็นนิสัย เราก็จะเห็นถึงการเปลี่ยนในชีวิตของเรา ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับทุกคนที่อ่านน๊า...เครดิต1.ภาพหน้าปก (Masukazaเจ้าของบทความ)2.ภาพประกอบทั้งหมดโดย (Masukasaเจ้าของบทความ)7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์