คริสต์มาสไม่หนาวแล้ว? อุณหภูมิพุ่งสวนฤดู สัญญาณโลกร้อนชัดเจน

โดยปกติ “คริสต์มาส” คือช่วงเวลาที่ผู้คนคาดหวังอากาศหนาวเย็นและบรรยากาศของฤดูหนาว แต่คริสต์มาสปี 2025 ในหลายพื้นที่ของสหรัฐอเมริกากลับร้อนผิดฤดูกาลอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะในเขตเมืองแอตแลนตา ซึ่งคืนวันคริสต์มาสอีฟมีอุณหภูมิสูงถึงประมาณ 26 องศาเซลเซียส กลายเป็นสถิติที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ และยังสูงกว่าสถิติเดิมถึงราว 1.5 องศาเซลเซียส เหตุการณ์นี้สะท้อนความแปรปรวนของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน และนำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว 

ข้อมูลจาก National Weather Service ระบุว่า อุณหภูมิที่สูงผิดปกติในช่วงคริสต์มาสไม่ได้เกิดขึ้นเพียงพื้นที่เดียว แต่ขยายวงกว้างตั้งแต่รัฐเทนเนสซีไปจนถึงนิวเม็กซิโก หลายพื้นที่มีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยตามฤดูกาลประมาณ 11–19 องศาเซลเซียส และบางแห่งสูงกว่าปกติถึง 22 องศาเซลเซียส ส่งผลให้หลายพื้นที่ทางตอนใต้ของสหรัฐฯ มีอุณหภูมิพุ่งแตะระดับ 27–32 องศาเซลเซียส ทั้งที่เพิ่งผ่านวันเหมายันซึ่งควรเป็นช่วงที่อากาศหนาวที่สุดของปี

สาเหตุหลักของสภาพอากาศผิดฤดูกาลนี้คือการเกิด “โดมความร้อน” (Heat Dome) ซึ่งเป็นบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงที่ปกคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ NOAA อธิบายว่า โดมความร้อนคือมวลอากาศร้อนที่ถูกกักไว้ไม่ให้ลอยตัวขึ้น เนื่องจากความกดอากาศสูงด้านบนทำหน้าที่เหมือนฝาครอบ ส่งผลให้อากาศจมตัวลงและอุ่นขึ้นจากกระบวนการอัดตัวตามธรรมชาติหรือ adiabatic compression ลักษณะของรูปแบบอากาศเช่นนี้มักพบในช่วงฤดูร้อน ทำให้คริสต์มาสปีนี้มีบรรยากาศคล้ายเดือนมิถุนายนมากกว่าฤดูหนาว

นักพยากรณ์อากาศจาก NOAA คาดว่า แนวความกดอากาศสูงจะเลื่อนตัวไปทางตะวันออกในช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้อุณหภูมิที่สูงผิดปกติยังคงอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกและตอนกลางของสหรัฐฯ ก่อนที่แนวปะทะอากาศเย็นจะเคลื่อนผ่านในช่วงต้นสัปดาห์ถัดไป และทำให้อุณหภูมิลดลงกลับเข้าสู่สภาพฤดูหนาวมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่า ไม่ควรใช้วันคริสต์มาสที่ร้อนผิดปกติเพียงวันเดียวเป็นหลักฐานยืนยันภาวะโลกร้อน หรือในทางกลับกัน ไม่ควรสรุปว่าโลกร้อนไม่มีอยู่จริงเพียงเพราะอากาศกลับมาเย็นลงในภายหลัง เพราะสภาพอากาศคืออารมณ์ แต่ภูมิอากาศคือบุคลิก การเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นไม่สามารถสะท้อนแนวโน้มในระยะยาวได้อย่างครบถ้วน

ข้อมูลจาก Climate Central ระบุว่า เมืองถึง 98% ในสหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มอุณหภูมิสูงขึ้น และฤดูหนาวของประเทศกำลังอุ่นขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับช่วงต้นทศวรรษ 1970 เมืองส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีวันฤดูหนาวที่อุ่นกว่าค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 7 วันต่อปี ขณะที่วันที่หนาวจัดและช่วงอากาศหนาวยาวนานลดลง รวมถึงปริมาณหิมะในพื้นที่ตอนใต้ของประเทศที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

แม้การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่เสมอ แต่กิจกรรมของมนุษย์กำลังเร่งและขยายความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น คริสต์มาสที่ร้อนผิดปกติอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของภาวะโลกร้อน แต่เมื่อพิจารณาข้อมูลในระยะยาวอย่างเป็นระบบ ก็สะท้อนภาพเดียวกันว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ฤดูหนาวไม่หนาวเหมือนเดิมอีกต่อไป