วัยผู้ใหญ่ มักเป็นช่วงเวลาที่เราเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นความหวังของคนในบ้าน เราเป็นคนที่ให้การพึ่งพิงของคนอื่น มันหนัก มันเหนื่อย มันเป็นหน้าที่ และนั่นก็ทำให้เราอ่อนล้า แต่เราต้องเก็บซ่อน ปกปิดเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ เพราะสบายใจกว่าที่จะขอทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มภาคภูมิ Low Profile จะมาพูดถึงประเด็นเรื่องเทคนิคการดูแลตัวเอง โดยให้ความใส่ใจกับตัวเองบ้าง โดยไม่ปฏิเสธความรู้สึกที่อยู่ข้างในใจเรา เพราะการจะทำอะไรต่อไปข้างหน้าได้สำเร็จ เราต้องดูแลตัวเองเป็น ความรู้ความประทับใจที่ได้ภายในเล่มอารมณ์ของเรามีค่า แต่ที่ผ่านมาเรามักใช้อารมณ์ไปอย่างเปล่าประโยชน์เสมอ เช่น หงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อารมณ์เสียกับเรื่องเล็กน้อย ใช้อารมณ์เหมือนของฟรี ไม่มีค่า ไม่มีราคา ทำให้ชีวิตย่ำแย่ จริงๆ ถ้าไม่ต่อความยาวสาวความยืด ก็จบแล้ว มนุษย์ทำงานได้ทีละอย่างเท่านั้น การทำหลายอย่างพร้อมกัน คือ การแบ่งสมาธิ เป็นส่วนๆ และทุกครั้งที่เริ่มงานใหม่ เราต้องนับหนึ่งกับการตั้งสมาธิใหม่ทุกครั้ง ต่างจากการทำงานที่มีประสิทธิภาพ จะใช้การโฟกัสและมีสมาธิกับงานเดียว 30-40 นาที โดยไม่ถูกรบกวน บางครั้งเราไม่โอเคกับเพื่อนร่วมงาน บางคนอาจมีปัญหาวิธีคิด และการทำงานของเขา เราจึงไปบ่นให้แฟนหรือคนในครอบครัวฟัง พวกเขาเห็นด้วย (อยู่แล้ว) แต่เห็นด้วยยังไงก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้ เราแก้ปัญหาด้วยการบ่นผิดคนอีกครั้ง เราสบายใจที่ได้ระบายสั่งอัดอั้นให้คนอื่นฟัง แต่ปัญหายังอยู่เพราะคนที่แก้ปัญหานี้ได้จริงๆ คือ เพื่อนร่วมงานต่างหาก เราไม่รู้ตัวเองว่าเราเริ่มเสพติดการบ่นและนินทาคนอื่นลับหลังไปเสียแล้ว เราไม่กล้าที่จะพูดเคลียร์กับหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน ถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องการบ่นได้ เราต้องรู้ว่าจริงๆ แล้ว "เรากำลังบ่นผิดคนอยู่" หากมีเรื่องอยากบ่นให้เตือนตัวเองไว้เลยว่าการบ่น จะทำให้เราเสียเวลาที่จะเอาไปทำอะไรดีๆ และสร้างสรรค์ การบ่นทำให้เสียพลังงานที่จะทำงาน วางแผนชีวิต หรือพักผ่อน เวลาที่เรากลัว ระแวง เข้าสู่โหมดต่อสู้เราจะตัดสินใจได้ไม่ดี มองโลกแคบ หรือก็คือการคิดลบ ต่างจากเวลาที่เราผ่อนคลาย สบายๆ เข้าโหมดพักผ่อน เราจะตัดสินใจได้ดี มองโลกกว้าง หรือก็คือ การคิดบวกนั่นเอง บางทีการคิดบวก หรือ คิดลบแท้จริงอาจไม่มี...เราต่างเป็นคนคิดบวก และคิดลบทั้งคู่ เพียงแต่ในชีวิตประจำวัน และสภาพแวดล้อม เราอยู่ในโหมดไหนมากกว่ากัน..แล้วรู้ตัวหรือไม่เท่านั้นเอง...ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ขนาดไหน คนคิดบวกจะไม่โฟกัสที่อุปสรรค หรือปัญหาอย่างเดียว แต่เขาจะมองหาทางแก้ไข หรือทางออกมากกว่า เวลาพูดถึงอัจฉริยะสักคน เรามักจะคิดว่าเขาเก่งเต็มไปด้วยพรสวรรค์มาแต่เกิด ทำอะไรครั้งแรกก็สำเร็จเลย แต่ความจริงอัจฉริยะก็คือ คนธรรมดา ที่ลงมือทำสิ่งต่างๆ ถูกบ้าง ผิดบ้าง ทำ 10 ครั้ง อาจจะผิด 3 ครั้ง แล้วสำเร็จ 1 ครั้งก็เป็นได้ แต่ทุกคนมักมองเห็นความสำเร็จ 1 ครั้ง มากกว่า แม้ว่าวันนี้คุณจะกำลังประกอบอาชีพที่ไม่ค่อยมีใครนับถือและมองไม่เห็นคุณค่า แต่โปรดอย่าลืมว่า....อาชีพที่คุณทำอยู่นั้นสำคัญ อาชีพที่คุณทำอยู่นั้นมีคุณค่า อาชีพที่คุณทำอยู่นั้นมีประโยชน์ อาชีพที่คุณทำอยู่นั้นขาดหายไปไม่ได้ และคุณที่ทำอาชีพเหล่านั้น คือ “ คนที่มีคุณค่า ” งานอดิเรก ทำให้เรามีพลังงานที่ดี และมีเป้าหมายในชีวิต แม้เราจะควบคุมโลกในการทำงานวันจันทร์ถึงศุกร์ ไม่ได้เลย แต่ในตอนเย็น หรือ เสาร์อาทิตย์ทั้งสองวัน เราควบคุม และสร้างโลกของเราได้ ยิ่งเรารีบ มุ่งมั่น ตั้งใจกับเป้าหมายมากเท่าไหร่แล้วผลลัพธ์ไม่ปรากฏสักที เราจะยิ่งเหนื่อย ยิ่งเครียดและท้อมากขึ้นไปอีก แล้วความรู้สึกด้านลบนี้ก็มาบั่นทอนกำลังใจและกำลังกายของเราอีกด้วย วิธีแก้ คือ เราต้องพยายามแต่พอดี หรือไม่ต้องพยายามเลยก็ได้ ทำมันไปตามกำลังกาย กำลังใจของเราก็พอ ในวันที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน การจัดลำดับความสำคัญของงานและการพูดปฏิเสธว่าติดงานสำคัญอยู่ ไม่ว่างบ้าง ไม่ได้บ้าง หรือฝึกให้คนอื่นรอคอยบ้าง ก็อาจจะเป็นคำตอบที่ดี เหตุการณ์บางอย่างมันเกิดขึ้นซ้ำซาก ก็เพราะว่าเรายังไม่ได้เรียนรู้จากมันและยังก้าวข้ามมันไปไม่ได้นั่นเอง แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ในยุคที่เร่งรีบ แข่งขันสูงกว่ายุคที่ผ่านมา เราต้องเติมพลังชีวิตให้ตัวเองกลับมาให้อยู่ในสถานะที่พร้อมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้ว...ลุยต่อไปในวันรุ่งขึ้น เครดิตภาพภาพปก โดย wirestock จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย Waewkidja จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ ทิ้งนิสัยไม่ดีแล้วจะมีความสุขรีวิวหนังสือ ใจดีกับตัวเองบ้างก็ได้รีวิวหนังสือ ความสุขใกล้กว่าที่คิดรีวิวหนังสือ อย่าลืมไปว่าใจเราสำคัญนะรีวิวหนังสือ THE BETTER ME MODEL ฮาวทู เกลา ชีวิตให้ดีกว่าเดิม เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !