Dirge of Cerberus: Final Fantasy VII... แค่ได้ยินชื่อนี้ก็ชวนให้หวนนึกถึงความทรงจำอันแสนเลือนรางในวัยเด็ก ใช่แล้วครับ เกมนี้เป็นเกมที่ผมตั้งตารอคอยมากที่สุดเกมหนึ่งในสมัย PlayStation 2 ด้วยความที่เป็นแฟนตัวยงของ Final Fantasy VII อยู่แล้ว พอรู้ว่าจะมีภาคเสริมที่ให้เราได้เล่นเป็นวินเซนต์ วาเลนไทน์ หนุ่มปริศนาสุดเท่จากภาคหลัก ผมนี่แทบจะอดใจรอไม่ไหวเลยทีเดียว และในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง ผมจำได้ว่ารีบไปซื้อแผ่นเกมมาวันแรกที่วางขายเลย พอกลับถึงบ้านก็เปิดเครื่อง PlayStation 2 ทันที ความรู้สึกตื่นเต้นในตอนนั้นมันยังคงติดอยู่ในใจผมมาจนถึงทุกวันนี้... แต่พอได้เล่นจริง ๆ แล้ว เกมนี้กลับไม่ได้เป็นอย่างที่ผมวาดฝันไว้ซะทีเดียว เนื้อเรื่อง เอาจริง ๆ ตอนแรกผมค่อนข้างงงกับเนื้อเรื่องของเกมนี้อยู่พอสมควร เพราะมันค่อนข้างซับซ้อนและมีปริศนามากมาย แถมยังมีศัพท์เฉพาะเยอะแยะไปหมด Deepground บ้างล่ะ Omega บ้างล่ะ Chaos บ้างล่ะ ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่ เลยไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาเท่าไหร่ แต่พอได้เล่นไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ สิ่งที่ผมชอบในเนื้อเรื่องก็คือการที่เราได้รู้จักกับอดีตของวินเซนต์มากขึ้น ได้เห็นมุมมองของเขาที่มีต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมถึงปมในใจที่เขาแบกรับมาตลอดหลายปี แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันออกทะเลไปไกลจากภาคหลักพอสมควร จนบางครั้งก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเชื่อมโยงกันเท่าไหร่ เกมเพลย์ ในส่วนของเกมเพลย์ Dirge of Cerberus เป็นเกมแนว Third-Person Shooter ที่เราจะต้องบังคับวินเซนต์ต่อสู้กับศัตรูด้วยปืนหลากหลายชนิด ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นจุดด้อยหลัก ๆ ของเกมนี้เลย ในความคิดของผม ระบบการยิงมันค่อนข้างแข็ง ๆ ทื่อ ๆ ไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไหร่ แถมมุมกล้องก็ค่อนข้างมีปัญหา ทำให้เล็งยิงลำบาก อีกอย่างที่ผมไม่ชอบก็คือระบบ Limit Break ที่ดูไม่ค่อยอลังการเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับภาคหลักแล้ว ผมว่าภาคหลักทำออกมาได้ดีกว่าเยอะเลย กราฟิก ในยุค PlayStation 2 ผมว่ากราฟิกของเกมนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยนะ ตัวละครต่าง ๆ ถูกออกแบบมาได้อย่างสวยงาม ฉากคัตซีนก็ทำออกมาได้อลังการงานสร้าง แต่พอมาเล่นในยุคนี้ก็ต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างล้าสมัยไปแล้วล่ะ ดนตรีประกอบ ดนตรีประกอบในเกมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ผมชอบมาก ๆ เพลงแต่ละเพลงมีความไพเราะและเข้ากับบรรยากาศของเกมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเพลงธีมหลักของเกมนี้ ฟังทีไรก็ขนลุกทุกที ความรู้สึกส่วนตัว ถ้าให้พูดกันตามตรง ผมค่อนข้างผิดหวังกับ Dirge of Cerberus อยู่พอสมควร เพราะมันไม่ใช่เกมที่ผมวาดฝันไว้ อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าผมคาดหวังกับเกมนี้ไว้สูงมาก แต่พอได้เล่นจริง ๆ แล้วมันกลับไม่สนุกเท่าที่ควรจะเป็น ถึงแม้จะมีจุดด้อยอยู่หลายอย่าง แต่ผมก็ยังคงมีความทรงจำที่ดีกับเกมนี้อยู่นะ อย่างน้อย ๆ มันก็ทำให้ผมได้รู้จักกับวินเซนต์มากขึ้น ได้เห็นมุมมองของเขาในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และดนตรีประกอบก็ยังคงติดหูผมมาจนถึงทุกวันนี้ สรุป Dirge of Cerberus: Final Fantasy VII อาจจะไม่ใช่เกมที่ดีที่สุดในซีรีส์ Final Fantasy แต่สำหรับแฟน ๆ ของภาค 7 แล้ว ผมว่ามันก็เป็นเกมที่ควรค่าแก่การลองเล่นดูสักครั้งนะครับ อย่างน้อย ๆ เพื่อสัมผัสกับเรื่องราวของวินเซนต์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป คะแนน 6.5/10 เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !