เพื่อนๆคนไหนที่กำลังประสบพบเจอกับเรื่องราวที่ไม่เป็นไปดั่งใจ มีความวิตกกังวลหรือวุ่นวายใจเรื่องอะไรสักอย่าง อยู่ในภาวะเครียดหรือกำลังซึมเศร้า รวมไปถึงคนที่มีความต้องการที่จะบรรลุผลอะไรสักอย่างไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในแง่ต่างๆ การงาน เงิน ความรัก หรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมขอบอกเลยว่าผมมีวิธีดีๆที่อยากจะแชร์ให้กับเพื่อนๆทุกคนซึ่งผมได้ลองทำทั้งๆที่ตอนนั้นก็ทำแบบขี้เกียจๆ แต่มันกลับเห็นการเปลี่ยนแปลงแม้มันอาจไม่มากในตอนแรก พอผมรู้สึกได้แบบนั้น จึงลองหันมาตั้งใจวางแผนและทำตามขั้นตอนที่ผมได้รับรู้มา จนตอนนี้ จากชีวิตที่จำเจน่าเบื่อหน่าย กลับกลายเป็นชีวิตที่มีสีสันขึ้นมา"ขอย้ำเลยว่ากฎนี้เพื่อนๆสามารถนำไปใช้ได้กับทุกเรื่องเลย" ซึ่งยังไงผมก็อยากขอยกตัวอย่างชีวิตของผมสักหน่อยเพื่อให้เป็นตัวอย่าง ผมเป็นคนติดบ้านทำธุรกิจกับที่บ้าน แล้วก็ชอบใช้ชีวิตเดิมๆจนบางทีก็รู้สึกมีความคิดย้ำๆว่าเราอยู่ไปเพื่ออะไร ชีวิตไม่ค่อยมีความหมายเลย จนบางครั้งก็ทำให้หมดแรงและท้อแท้ไปดื้อๆ ทั้งๆที่จริงๆแล้วผมเป็นคนที่มีความฝันที่ยังไปไม่ถึงอยู่ แม้ว่าความฝันของผมจะขัดกับงานที่ทำประจำจนรู้สึกว่าฝืนตัวเองมากไปหน่อยก็เถอะ และก็ยังโดนพ่อแม่มองไม่ดีและไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นสักเท่าไร บางครั้งก็รู้สึกว่าทางแห่งความฝันของเรามักจะถูกเตะตัดขาโดยสิ่งแวดล้อม การงาน และผู้คนที่อยู่โดยรอบ ท้อแท้วันละแปดล้านรอบ จนวันหนึ่งผมได้มารู้จักกฎๆหนึ่งที่เมื่อผมเห็นครั้งแรกก็รู้สึกว่าน่าสนใจดีแต่ไม่ได้ตั้งใจมาก ก็แค่ทำเล่นๆ แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตนี้มีอะไรอีกตั้งมากมายให้เรามีทางเลือกที่เลือกได้ไม่อั้น แถมยังทำให้ผมจัดการกับอาการเครียดได้เป็นอย่างดีเลย ยิ่งใครที่ชอบคิดมากกังวลว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับตัวเองนี่ยิ่งต้องรีบทำตามนี้เลยนะ ซึ่งมันทำให้เรารู้ตัวว่าเรากำลังจะเดินทางไปยังเป้าหมายของเราได้อย่างมีความสุขได้อย่างไร ที่สำคัญกฎนี้ทำให้ผมตระหนักได้ว่าเป้าหมายนั้นไม่ได้สำคัญเท่ากับระหว่างการเดินทางไปยังเป้าหมายเลยนะ กฎนี้มีชื่อว่า "กฎแห่งการหว่านและการเก็บเกี่ยว" นี่คือกฎข้อเดียวที่ยิ่งใหญ่และง่ายที่สุดที่จะทำให้ชีวิตของเรา "เปลี่ยน" ไปจากเดิม ดังนั้นลองอ่านและทำตามกันดูนะครับ ไม่ยากเลย กฎแห่งการหว่านและการเก็บเกี่ยว ผมอยากให้เพื่อนๆทุกคนใช้กฎนี้เตือนสติเอาไว้ หากวันใดที่เราเกิดรู้สึกท้อแท้และคิดจะยอมแพ้ต่อสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ชีวิตก็เปรียบได้กับการปลูกพืชผล เราคิดปลูกสิ่งใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น เราปลูกมะม่วง ย่อมได้มะม่วง เราปลูกมะม่วง ย่อมไม่มีทางได้แตงโม จิตใจของเราเองก็เช่นเดียวกัน คล้ายกับการปลูกพืชผล สมมติว่าเราคิดจะปลูกมะม่วง เราย่อมต้องมีการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่เราต้องการจะปลูก เราหว่านมันลงในดิน เราหาปุ๋ยหาอาหารต่างๆให้ รดน้ำพรวนดิน เราให้แสงแดดดูแลเอาใจใส่มัน จนมันแตกหน่องอกเงยออกมาพ้นดิน เจริญเติบโตเป็นผลมะม่วงที่เราเฝ้ารอคอยที่จะได้เก็บเกี่ยวผลผลิต และชีวิตเราก็เช่นเดียวกัน สวนหรือดิน คือ จิตใจของเรา เมล็ดพืช คือ ความคิดของเรา น้ำ คือ การกระทำของเรา แสงอาทิตย์ คือ ความรู้สึกของเรา ดอกผล คือ เป้าหมายและความสำเร็จ ดังนั้น ถ้าเราปลูกความคิดใดๆไว้ในจิตใจ เราหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดนั้นลงสู่สวนแห่งจิตใจ มันย่อมเจริญเติบโตเด่นชัดขึ้นมาในสักวันเราสามารถออกแบบมันได้อย่างอิสระ คิดไปก็น่าสนุกดีออก ออกแบบได้อย่างที่เราชอบเลย เพราะมันคือกฎ กฎตายตัว "ปลูกสิ่งใดย่อมได้ผลสิ่งนั้น" แต่ทำไม ? คนส่วนใหญ่ถึงไม่ค่อยได้สิ่งที่ต้องการเลยล่ะ นั่นก็เพราะ คนส่วนใหญ่มัวแต่คิดจดจ่อถึงสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการยังไงล่ะทุกสิ่งทุกอย่างคือพลังงานหรือก็คือทุกสิ่งที่เราคิดจดจ่อ ซึ่งพลังงานทั้งหมด จะดึงดูดพลังงานที่คล้ายกัน ซึ่งเราไม่สามารถนำพลังงานลบที่เรามีอยู่ในใจออกมาดึงดูดลังงานบวกได้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับการเลือกเมล็ดพันธุ์มะม่วงมาปลูกมันจะเจริญเติบโตเป็นแตงโมย่อมเป็นไปไม่ได้ คนเราไม่อาจจมจ่อมอยู่กับความล้มเหลวหรือความคิดลบๆแล้วใช้มันสร้างผลลัพธ์ที่สำเร็จได้อยู่แล้วถ้าเราเอาแต่คิดถึงสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นหรือเราอาจจะกำลังกลัวบางอย่างอยู่ แน่นอนว่าการหยิบเมล็ดพันธุ์แห่งความกลัวขึ้นมาปลูกหว่านลงสู่สวนแห่งจิตใจ ตามกฎแล้ว "ปลูกอะไรย่อมได้ผลสิ่งนั้น" เราปลูกความกลัว ความกลัวก็งอกเงยขึ้นมาจากจิตใจของเรา และมันก็เติบโตได้ดีเช่นเดียวกันกับมะม่วงที่คุณปลูกในสวนนั่นแหละ ยิ่งเราให้อาหารให้ปุ๋ยมัน ดูแลเอาใจใส่มันมากเท่าไรมันก็ยิ่งเจริญเติบโตตามเท่านั้นความคิดจึงสะท้อนตัวตนของเรา แล้วเราจะกลายเป็นอย่างที่เราคิด จงใช้กฎนี้เตือนสติอยู่เสมอและผมรู้ว่าทุกคนรู้และเข้าใจ แต่มักจะหลงเข้าไปในวังวนแห่งความคิดลบต่างๆจนลืมตัว ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความเจ็บปวดใดๆก็ตาม ความสิ้นหวังยอมแพ้ บางคนอาจจะเจอเรื่องร้ายๆซ้ำๆในชีวิตจนหมดเรี่ยวแรงที่จะใช้ชีวิตต่อ ใช่แล้วล่ะ โลกนี้มันอาจไม่ยุติธรรมสำหรับทุกคน แต่ไม่ว่าเราจะท้อแท้และอยากยอมแพ้เพียงใด เก็บสะสมพลังลบมากแค่ไหน ขอให้นึกถึงกฎนี้เอาไว้เพื่อเตือนสติ คอยย้ำอยู่เสมอแล้วให้ถามตัวเองบ่อยๆว่า ถ้าจิตใจของเราคือสวน เราจะหันมาเริ่มปลูกหว่านอะไรให้กับสวนของเราดีล่ะผลผลิตอะไรที่เราอยากจะเก็บเกี่ยวในวันข้างหน้า วิธีปลูกหว่านผลผลิตในจิตใจและการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ปรารถนาถามใจของเราดูว่าเราต้องการสิ่งใด = การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการ จงเขียนสิ่งที่ต้องการลงไปในหัวใจ = การหว่านเมล็ดลงสู่ดินแห่งจิตใจจินตนาการถึงสิ่งที่ต้องการอย่างเป็นขั้นตอนตั้งแต่เริ่มแรกไปจนถึงตอนจบ = การรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยดูแลเอาใจใส่จนมันเจริญเติบโตรับรู้ความรู้สึกของเราเมื่อเราได้ในสิ่งที่เราต้องการนั้นภายในใจ = ปล่อยให้ต้นไม้ของเราได้หันหน้ารับแสงแดดเพื่อสร้างดอกผลขั้นตอนสุดท้ายที่จะทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นจริงก็คือ การลงมือทำตัวอย่างเรื่องของผมนะครับ 1.ผมถามใจตัวเอง : ผมต้องการเขียนนิยายโดยที่ไม่ต้องเครียดไม่ต้องฝืนเขียนทั้งที่ไม่อยาก ผมจะต้องทำยังไงดี? 2.ผมเขียนสิ่งที่ต้องการ : ผมอยากเขียนนิยายตอนที่รู้สึกดี ไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกเครียด ไม่รู้สึกง่วง ในห้องทำงานมีความเงียบสงบ ไม่มีเสียงมารบกวน ต้องการความเป็นส่วนตัวไม่มีใครมารบกวน ไม่มีลูกค้า ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีคนทักแชตมาขอยืมเงิน อยากเขียนนิยายโดยที่ทำไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมีสิ่งใดเข้ามาแทรกและทำได้อย่างต่อเนื่อง 3.จินตนาการถึงสิ่งที่ต้องการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนจากเริ่มแรกไปจนจบ (ข้อนี้เนื่องจากผมเป็นคนขี้ลืมและสมาธิหลุดง่าย ก็เลยวางแผนและเขียนมันออกมาเป็นข้อๆก่อน เรียงลำดับ จากนั้นก็ลองอ่านดู แล้วจึงค่อยหาเวลามานั่งหรือนอนสบายๆแล้วจิตนาการถึงสิ่งที่ผมต้องการ ทำซ้ำๆทุกวัน วันละหลายครั้งก็ได้แล้วแต่เรา ไม่มีตายตัว กฎนี้มีอิสระและออกแบบได้ตามใจชอบเลย) 3.1 ในเวลางาน 7.00-16.00 ผมจะไม่ทำการเขียนนิยายเลยแม้ว่าจะรู้สึกว่ามีเวลาว่างเยอะแค่ไหนก็ตาม จะรู้สึกเสียดายเวลาแค่ไหนก็ตาม 3.2 ถ้าผมเครียดเรื่องเสียดายเวลาผมก็จะอ่านหนังสือในเวลาว่างงานเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะในการเขียนอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็ดูยูทูบเพื่อเติมความรู้ให้กับตัวเอง 3.3 เมื่อผมทำตามข้อ 3.1 และ 3.2 แล้วมีใครบางคนหรือมีลูกค้ามาก็จะไม่ได้ทำให้ผมเสียสมาธิมากเท่าการเขียนนิยายในเวลางานเหมือนแต่ก่อน กลับกันผมสามารถหยุดทำกิจกรรมตรงหน้าแล้วไปบริการลูกค้าได้ทันทีโดยไม่รู้สึกเครียดแต่อย่างใด 3.4 เมื่อเลิกงานผมก็จะกินข้าวให้อิ่มอร่อย อาบน้ำอย่างผ่อนคลาย เปิดแอร์สร้างบรรยากาศหอมๆภายในห้องส่วนตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานเขียนนิยาย ซึ่งเป็นช่วงเวลาของผมโดยแท้ เพราะนี่คือโลกส่วนตัวของผม ผมเห็นผมเขียนนิยายไปตลอดคืนอย่างมีความสุขเหนื่อยก็พัก เล่นเกม ดูหนังได้ หายแล้วก็มาเขียนต่อ เมื่อง่วงผมก็แค่กระโดดขึ้นเตียงไปนอน 4.รับรู้ความรู้สึกเมื่อได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว : ผมจะนั่งนึกถึงความรู้สึกและรับรู้ว่าตอนนี้ผมมีชีวิตที่ลงตัวแล้วและรู้สึกว่าผมจะทำสิ่งที่มีคุณค่าให้เกิดขึ้นได้แน่ๆ และบอกกับตัวเองว่า รอก่อนนะท่านผู้อ่านทุกคน พวกคุณจะต้องยิ้มให้กับนิยายของผมแน่ๆเลย และที่สำคัญผมก็จะไม่ต้องมานั่งเครียดกับการเขียนนิยายในช่วงที่มีคนมากวนอีกเพราะชีวิตผมตอนนี้ลงตัวสุดๆ ผมมีความสุขมาก 5.ผมเริ่มลงมือทำตามสิ่งที่ได้คิดไว้ตามขึ้นตอนแบบ step by step เลย มันยิ่งกว่าจับมือทำเสียอีกนะ แล้วสุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นมันจะกลายเป็นความจริงตามที่เราวางแผนไว้ในจินตนาการ ไม่มีเป้าหมายใดจะสำเร็จได้ถ้าเราไม่ลงมือทำ การหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดลงสู่ใจเปรียบดั่งแผนการโดยละเอียดที่เผยให้เห็นถึงดอกผลที่เราปรารถนาจะเก็บเกี่ยวในภายภาคหน้า ความคิดมักจะมาก่อนการกระทำเสมอ จงทำตามขั้นตอน แม้ว่าสวนแห่งจิตใจของเราจะมีวัชพืชงอกขึ้นมาในบางครั้ง วัชพืชแห่งความคิดลบ ดังนั้น สวนแห่งจิตใจของเราย่อมได้พบเจอพัชพืชแห่งความคิดลบอยู่สม่ำเสมอ และเราในฐานะชาวสวนแห่งจิตใจผู้มีหน้าที่กำจัดวัชพืช ก็แค่คอยถอนเด็ดมันออกเรื่อยๆ อย่าปล่อยให้วัชพืชนั้นได้เติบใหญ่จนลุกลามสวนของเราให้ยุ่งเหยิงและส่งผลเสียต่อผลผลิตแห่งเป้าหมายในวันข้างหน้า จงขุดถอนวัชพืชนั้นให้ลึกจนถึงรากถึงแก่น กำจัดต้นตอของมัน แต่วัชพืชนั้นก็มีประโยชน์ มันคอยเตือนใจเราอยู่เสมอถึงสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น มันจะเป็นส่วนที่ช่วยให้เราจำเป็นที่จะต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไป วัชพืชจึงเป็นปุ๋ยชนิดหนึ่งที่ช่วยส่งให้สวนแห่งจิตใจของเรามีผลผลิตที่เจริญงอกงาม จำไว้ว่า ความคิดของเรา คือ เมล็ดพันธุ์ จิตใจ คือดินแดนแห่งสวนสวย ปลูกสิ่งใด ย่อม ได้ผลสิ่งนั้น และนี่คือ กฎ แห่งการหว่านและเก็บเกี่ยว ผมหวังว่าเพื่อนๆที่กำลังประสบปัญหาหรือว่ากำลังมุ่งมั่นเพื่อจะก้าวข้ามบางสิ่งไปเพื่อไปคว้าชัยในวันข้างหน้า จะได้นำวิธีที่ผมมาแชร์นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากๆนะครับ เครดิตภาพภาพที่ 1 โดย Elf-Moondance / Pixabay ภาพที่ 2 โดย Elf-Moondance / Pixabay ภาพที่ 3 โดย Elf-Moondance / Pixabay ภาพที่ 4 โดย Elf-Moondance / Pixabay ภาพที่ 5 โดย Elf-Moondance / Pixabayภาพที่ ุ6 โดย Elf-Moondance / Pixabayภาพหน้าปก โดย CDD20 / Pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !