โลกใบนี้มีความพิเศษอยู่มากมาย ซึ่งมนุษย์ก็ได้ค้นคว้าศึกษามันอยู่ตลอด และวันนี้ "ผู้เขียน" จะพาทุกคนมาพบกับ 10 เรื่องจริงของโลก ที่หลายคนยังไม่เคยรู้ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ1.คำว่า "Earth" ที่หมายถึงโลกของเรา หลายคนก็ยังไม่เคยได้สังเกตว่า ในบรรดาดาวเคราะห์ที่มีอยู่ในระบบสุริยะของเรา โลกของเราเป็นเพียงดาวดวงเดียว ที่ไม่ได้ถูกตั้งชื่อตามเทพเจ้ากรีกและโรมัน ซึ่งในส่วนของคำว่า "Earth" นี้เริ่มมีการนำมาใช้กันอย่างจริงจังในยุคของ "นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส" ราว ๆ ปี 1543 โดยเชื่อกันว่ามันน่าจะมาจากคำศัพย์โบราณที่เก่าแก่ และในส่วนของคำว่า "โลก" ที่คนไทยใช้กันในปัจจุบัน ก็มาจากคำว่า "โล-กะ" ในภาษาบาลี 2.ความเร็วในการแยกตัว ถ้าเราย้อนกลับไปเมื่อ 335 ล้านปีก่อน โลกของเราเคยมีทวีปที่ใหญ่มาก ๆ เพียงทริปเดียวที่เรียกว่ามหาทวีป "Pangaea" จากนั้นเมื่อวันเวลาผ่านไปถึง 175 ล้านปีก่อน มหาทวีปแห่งนี้ก็ได้แยกตัวออกมาช้า ๆ จนกลายมาเป็นทวีปต่าง ๆ ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน และถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเพียวใด แผ่นทวีปต่าง ๆ ก็ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ มันเคลื่อนที่เฉลี่ยประมาณ 20-25 มิลลิเมตร ต่อปี3.ในแต่ละวันมีวัตถุตกลงมายังโลกอย่างมากมาย แต่ส่วนใหญ่วัตถุที่ตกลงมาจะเสียดสีกับชั้นบรรยากาศไปจนหมด โดยที่นักวิทยาศสตร์ได้คำนวลไว้ว่า ในแต่ละวันจะมีอุกกาบาต ตกลงมาที่ชั้นบรรยากาศของโลกประมาณ 4,000 ล้านลูก อีกทั้งยังมีฝุ่น"คอสมิก" ตกลงมาถึง 100-300 ล้านตัน4.บนพื้นผิวกว่า 70% ของโลกเราถูกปกคลุมไปด้วยน้ำ จนมองเห็นจากอวากาศเป็นดาวเคราะห์สีน้ำเงินอันสวยงาม ถึงแม้ว่าดูเผิน ๆ แล้วโลกของเราจะมีน้ำเป็นจำนวนมหาศาล แต่นั้นยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบมวลและปริมาตรของโลก โดยนักวิทยาศาสตร์ได้มีการคำนวลออกมาว่า น้ำทั้งหมดที่มีบนโลกใบนี้ มันคิดเป็นเพียงแค่ 0.07% ของมวลโลก และคิดเป็น 0.4% เมื่อเทียบกับปริมาตรของโลก และนอกจากนี้โลกของยังเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่มีน้ำอยู่ครบทั้งสามสถานะ ได้แก่ ของแข็ง, ของเหลว, และแก๊ส5.ความหนาแน่นของโลก ถึงแม้ว่าโลกของเราจะไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสริยะ แต่มันก็เป็นดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นมากที่สุด ในระบบสริยะ โดยมีความหนาแน่นอยู่ที่ 5.52 กรัมต่อลูกบาตเซนติเมตร ส่วนอันดับที่ 2 เป็นของดาวพุธโดยมีความหนาแน่นอยู่ที่ 5.427 กรัมต่อลูกบาตเซนติเมตร6.อ๊อกซีเจน 20% ของโลกมาจากป่า "Amazon" โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมามีข้อมูลที่บอกว่า อ๊อกซิเจนที่อยู่บนโลกนี้ 20% ได้ถูกผลิตออกมาจากป่า "Amazon" อยู่ทั่วอินเตอร์เน็ต โดยป่า "Amazon" มีพื้นที่ประมาณ 5.5 ล้าน ตร.กม. และประเมินว่าน่าจะมีต้นไม้อยู่ประมาณ 390,000 ล้านต้น และถ้าดูจากข้อมูลที่มีมันก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ว่าล่าสุดจากบทความของ "National Geographic" ที่เปิดเผยไว้ในปี 2019 ระบุว่านักวิทยาศาตร์ไม่เห็นด้วยจากข้อความนี้ โดยพวกเขาได้แย้งว่าด้วยทางกายภาพนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ป่า "Amazon" จะผลิตอ๊อกวิเจน 20% ของโลก เพราะว่าบริเวนนั้นมันมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เพียงพอที่จะให้พืชสังเคราะห์แสงสำหรับอ๊อกซิเจนมากมายขนาดนั้น7.วงแหวนไฟ คิดว่าเราคงเคยได้ยินข่าวแผ่นดินไหวมาไม่มากก็น้อย ซึ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกของเรานั้นกว่า 90% จะเกิดขึ้นตามแนวของสิ่งที่เรียกว่าวงแหวนไฟ โดยมันเป็นแนวเส้นที่เกิดการชนกันของแผ่นเปลือกโลก จึงไม่แปลกใจเลยที่จะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และบางครั้งก็นำไปสู่การเกิดคลื่น "ซึนามิ" ซึ่งวงแหวนไฟนี้มีความยาว 40,000 กิโลเมตร และยังเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟถึง 452 ลูก โดยมีหลายร้อยลูกที่กำลังคุกรุ่นอยู่ จึงต้องทำให้ประเทศที่มีเขตแดนติดอยู่กับวงแหวนไปนี้จะต้องมีการระมัดระวังแผ่นดินไหวอยู่ตลอดเวลา8.โลกเคยเป็นสีม่วง ปัจจุบันนี้โลกของเราเป็นสีน้ำเงินและมีสีเขียวของต้นไม้แซมอย่างสวยงาม โดยสีเขียวเหล่านี้เกิดขึ้นจาก "คลอโรฟิลล์" ที่อยู่ในพืช มันเป็นสารที่ดูดซับแสงสีแดงและสีน้ำเงิน แล้วปล่อยแสงสีเขียวออกมา แต่ว่าเมื่อ 3,500 ล้านปีมันไม่ใช่แบบนี้ ซึ่งนักวิทยาศาตร์ในปัจจุบันได้ประเมินว่า พืชในสมัยนั้นสังเคราะห์แสงด้วยสารที่มีชื่อว่า "Retinal" ซึ่งเป็นสารที่มีวิวัฒนาการ มาก่อนสาร "คลอโรฟิลล์" มันเป็นสารที่ดูดซับแสงในช่วงสีเหลืองและสีเขียว หลังจากนั้นจะมีการปล่อยแสงสีม่วงและสีแดงออกมาแทน เพราะฉะนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่าโลกของเราเมื่อ 3,500 ล้านปีก่อนน่าจะเป็นสีม่วงอมน้ำเงินก็เป็นได้9.ดวงจันทร์ 2 ดวงในอดีต ในข้อนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดาวบริวารของโลก โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ให้ความสนใจกับทฤษฎีที่ว่า ในอดีตโลกของเราเคยมีดาวจันทร์อยู่ถึง 2 ดวง ซึ่งดวงที่เล็กกว่ามันมีความกว้างอยู่ที่ 1,200 กิโลเมตร โดยดวงจันทร์ทั้ง 2 ดวงนี้ เคยโคจรรอบโลกของเราอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นดวงจันทร์ทั้ง 2 ดวงก็เกิดการชนกันเอง แล้วกลายมาเป็นดวงจันทร์เพียงแค่ดวงเดียว และนี้ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พื้นผิวของดวงจันทร์ทั้ง 2 ด้านถึงได้มีความแตกต่างกันขนาดนี้10.การสลับกันของขั้วแม่เหล็กโลก ในเรื่องของขั้วแม่เหล็กโลกนั้น หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจุบันขั้วใต้ของแม่เหล็กโลกนั้นอยู่ทางซีกโลกเหนือ ในขณะที่ขั้วเหนื่อนั้นอยู่ทางซีกโลกใต้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ให้ความสนใจกับการสลับขั้วกันของแม่เหล็กโลกเป็นอย่างมาก นั้นหมายความว่าขั้วแม่เหล็กโลกทั้ง 2 ขั้วนั้นจะสลับที่กัน และมันก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต และทุกครั้งที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งจะทิ้งช่วงไม่เท่ากัน และบางครั้งมันเกิดขึ้นห่างกันถึง สองแสนหรือสามแสนปี ซึ่งเหตุการณ์การสลับขั้วกันแบบสมบูรณ์นี้ เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อ 780,000 ปีก่อน และในส่วนของการสลับขั้งครั้งต่อไปนักวิทยาศาสตร์ได้ประเมินจากการออนกำลังของสนามแม่เหล็กโลก โดยได้พบว่าในปุจจุบันมันได้ออนกำลังลง 5% ในระยะเวลา 10 ปีจึงมีการคาดว่าการสลับขั้วของแม่เหล็กโลกอาจจะเกิดขึ้นในอีก 2,000 ปีข้างหน้าและทั้งหมดนี้ก็คือเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกี่ยวกับโลกใบนี้ของเรา อันที่จริงโลกของเรายังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ แต่ไม่ว่าโลกใบนี้จะมีอะไรซ่อนอยู่มากมาย หรือว่าเราจะรู้จักมันมากขนาดใหน "ผู้เขียน" คิดว่ามันไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญพวกเราทุกคน ควรจะอยู่บนโลกใบนี้ด้วยการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้โลกใบนี้อยู่กับพวกเราไปนาน ๆ ขอขอบคุณภาพจาก : freepik.comภาพปก โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 1 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 2 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 3 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 5 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 6 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 7 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 8 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 9 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 10 โดย freepik จาก freepik.com, ภาพที่ 11 โดย freepik จาก freepik.comตัดต่อกราฟิกโดยผู้เขียน "คืนถิ่น"อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !