สวัสดีค่ะ ช่วงที่ผ่านมาดิฉันได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับการทำการตลาดแบบชาวญี่ปุ่น ซึ่งจริงๆดิฉันสนใจในหนังสือที่เกี่ยวกับเคสการทำการตลาดอยู่แล้ว พอได้เห็นหนังสือเล่มนี้ในร้านหนังสือก็รู้สึกสนใจและซื้อกลับบ้านมาอ่าน พอได้อ่านแล้วก็รู้ว่าเป็นหนังสือในแบบที่ดิฉันชอบจริงๆ และการแนะนำการทำการตลาดในหนังสือเล่มนี้เป็นการตลาดแบบยั่งยืนค่ะหนังสือเล่มนี้ชื่อ "Makoto Marketing หลักสูตรการตลาดแบบจริงใจสไตล์ญี่ปุ่น" เป็นหนังสือเล่มสีขาวที่รอยเส้นบนปกเกิดจากการนำกระดาษที่พับแบบโอริกามิเป็นรูปหัวใจมาคลี่ออก เรียบง่ายแต่เก๋ไก๋ตามสไตล์ญี่ปุ่นค่ะหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรกของสำนักพิมพ์ The Cloud ซึ่งเขียนโดย ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ หรือ เจ้าของเพจ "เกตุวดี Marumura" ในเฟสบุ๊ก เป็นอดีตนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น จบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโท-เอกด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เธอนิยามงานในปัจจุบันของตนเองว่า เป็นนักสื่อสารเรื่องราวดีๆจากญี่ปุ่นในหลายรูปแบบ โดยการเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งยังเป็นคอลัมนิสต์ประจำเว็บ The Cloud มีเพจเฟสบุก จัดรายการวิทยุจุฬา และมีช่อง Podcast เป็นของตัวเองด้วยค่ะหนังสือ Makoto Marketing เล่มนี้มีทั้งหมด 20 บท โดยในแต่ละบทจะเริ่มด้วยคำถาม หรือการขอคำปรึกษาในการทำการตลาดที่ดร.กฤตินีได้รับจากแต่ละบุคคลที่ได้พบเจอ แล้วเธอก็จะเล่าถึงเคสการทำการตลาดในแต่ละกิจการของชาวญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง โดยในท้ายบทก็จะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลที่มาขอคำปรึกษา และมีแบบฝึกหัดพร้อมเฉยให้กับทางเราซึ่งเป็นผู้อ่านได้ลองคิดดูเล่นๆ ว่าถ้าเป็นเรา เราจะแก้ปัญหาในโจทย์ต่างๆนั้นอย่างไร ในบทสุดท้ายเธอก็จะสรุปข้อคิดในการทำการตลาดและการบริหารธุรกิจให้เราอีกครั้ง พร้อมข้อสอบให้เราได้ลองทำเล่นๆ แต่ดิฉันว่าสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจและการทำงานของเราได้จริงค่ะดิฉันขอยกข้อความในหนังสือตอนหนึ่งซึ่งสามารถอธิบายเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ ซึ่งก็คือ "ธุรกิจที่อยู่ได้อย่างยั่งยืนจึงไม่ใช่ธุรกิจที่สร้างกำไรเฉพาะกลุ่มหรือพวกของตน แต่เป็นธุรกิจที่สร้างประโยชน์ให้กับคนรอบๆ ได้แก่ คู่ค้า ลูกค้า พนักงาน และสังคม ได้อย่างต่อเนื่อง หากดีแค่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น ทำดีกับลูกค้า แต่กดราคาซัพพลายเออร์ หรือผลิตของที่ทำลายสิ่งแวดล้อม วันหนึ่งบริษัทนั้นคงถูกฟ้องร้อง หรือไม่ได้รับความช่วยเหลือจากซัพพลายเออร์อีก ธุรกิจก็จะอยู่ไม่ได้ในที่สุด"โดยส่วนตัวแล้วดิฉันก็ทำงานในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการขายการตลาดเช่นกัน พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็รู้สึกว่า เราสามารถนำเนื้อหาในหนังสือมาประยุกต์ใช้โดยการไม่ใช่แค่คำนึงถึงการขายอย่างเดียว แต่ควรจะเอาใจใส่ในลูกค้าในด้านอื่นๆด้วย เช่น การถามไถ่ความเป็นไปในด้านต่างๆของลูกค้า ซึ่งเป็นการแสดงความเอาใจใส่และถ้าสามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือใดๆที่ไม่เกินความสามารถของเราได้ ก็ควรจะกระทำ เพื่อให้ทั้งเราและลูกค้ามีความสุขร่วมกันค่ะ ถ้าท่านผู้อ่านได้ผ่านร้านหนังสือ หรือแวะเข้าไปในเว็บ หรือแอปขายหนังสือต่างๆ อยากหาหนังสือที่น่าอ่าน และให้ข้อคิดในการทำธุรกิจและการตลาดแบบยั่งยืน ดิฉันขอแนะนำหนังสือเล่มนี้อย่างจริงใจเลยค่ะ เครดิตภาพ โดย ผู้เขียนบทความเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !