ทำความรู้จักวีรบุรุษหาดบอนได เสี่ยงชีวิต เข้าแย่งปืนจากผู้ก่อเหตุ

จากเหตุการณ์การกราดยิงหาดบอนได ในนครซิดนีย์ ของออสเตรเลีย กลางงานฉลองเทศกาลฮานุกกะห์ ของชาวยิว ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 15 คน บาดเจ็บ 42 คน มีคลิป ๆ หนึ่งที่ได้เผยแพร่ออกมาที่แสดงถึงความกล้าหาญในช่วงเวลาที่อันตราย เป็นภาพของชายใส่เสื้อสีขาว ที่เข้ารวบผู้ก่อเหตุจากด้านหลังและแย่งปืนกระบอกยาวมาได้สำเร็จ ก่อนที่เขาจะถูกมือปืนอีกรายที่ยืนอยู่ไกลออกไปยิง จนได้รับบาดเจ็บที่มือและแขน ในเวลาต่อมามีการเปิดเผยชื่อวีรบุรุษคนนี้คือ “อาห์เม็ด อัล-อาห์เม็ด”
ความกล้าหาญของเขาได้รับการชื่นชมไปทั่วทั้งออสเตรเลีย รวมถึงทั่วโลก เพราะชายคนนี้เป็นเพียงแค่ชายเจ้าของร้านขายผลไม้วัย 43 ปีเท่านั้น ไม่ใช่ทหาร หรือผู้ที่มีความคุ้นเคยกับอาวุธแต่อย่างใด
คลิปดังกล่าวเป็นไวรัลไปทั่วโลก จนมีการสัมภาษณ์พ่อแม่ของชายผู้นี้ พวกเขาบอกว่า อาห์เม็ดถูกยิงเข้าที่หัวไหล่ 4-5 ครั้ง และยังมีกระสุนหลายนัดฝังอยู่ในตัวเขา
โมฮาเหม็ด ฟาเตห์ อัล อาห์เหม็ด และมาลาเคห์ ฮาซัน อัล อาห์เหม็ด กล่าวว่าพวกเขาเดินทางมาจากซีเรีย และมาหาลูกชายที่ซิดนีย์ได้เพียงไม่กี่เดือน และพวกเขาไม่ได้เจอกับลูกชายตั้งแต่ที่เขามาออสเตรเลียในปี 2006
นางอาเหม็ดกล่าวว่า เมื่อได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าลูกชายของเธอถูกยิงในอุบัติเหตุ เธอเอาแต่โทษตัวเองและร้องไห้
เธอกล่าวว่า “เขาเห็นว่าผู้คนกำลังจะตาย และเมื่อมือปืนกระสุนหมด เขาจึงแย่งปืนมาจากมือปืน แต่เขากลับถูกยิงเสียเอง พวกเราสวดภาวนาให้พระเจ้าช่วยเขา”
ตามคำบอกเล่าของพ่อแม่ อาเหม็ด อัล อาเหม็ด กำลังดื่มกาแฟกับเพื่อนอยู่ที่บอนได ขณะที่เขาได้ยินเสียงปืนดังขึ้น
เขาเห็นมือปืนหนึ่งจากสองคนหมอบอยู่หลังต้นไม้ และพอกระสุนหมด อาเหม็ด อัล อาเหม็ดจึงเข้าไปหาเขาจากด้านหลังและแย่งปืนจากมือเขาได้สำเร็จ
พ่อของอัลอาเหม็ดกล่าวว่า “ในขณะเดียวกัน เพื่อนอีกคนของเขาก็อยู่บนสะพาน ดูเหมือนว่าเขาจะมีปืนไรเฟิลซุ่มยิง หรือไม่ก็ผมไม่รู้ เขาพยายามจะฆ่าลูกชายของผมและยิงเข้าที่ไหล่ของเขา”
พวกเขาบอกว่า อัลอาเหม็ด มีลูกสาวสองคน อายุสามและหกขวบ เขามักทำทุกอย่างเพื่อปกป้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน หรือนับถือศาสนาใด
เขาไม่เลือกปฏิบัติระหว่างคนสัญชาติหนึ่งกับอีกสัญชาติหนึ่ง โดยเฉพาะที่นี่ในออสเตรเลีย ไม่มีอะไรแตกต่างกันระหว่างพลเมืองคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง
เมื่อวันจันทร์ช่วงบ่าย โฮเซย์ อัลคานจ์ ลูกพี่ลูกน้องของเขา ให้สัมภาษณ์สื่อว่า อัล อาห์เหม็ดเข้ารับการผ่าตัดครั้งแรกสำเร็จแล้ว และคิดว่าเขาต้องผ่าตัดอีกสองหรือสามครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ความกล้าหาญของนายอาห์เหม็ดได้รับการรายงานไปทั่วโลก และในสหรัฐอเมริกาได้รับความสนใจจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และวิลเลียม แอ็กแมน มหาเศรษฐีและผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ โดยทรัมป์ได้กล่าวยกย่องชื่นชม และนายแอ็กแมนได้บริจาคเงินจำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านการระดมทุนออนไลน์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลืออาเหม็ด อัล อาเหม็ด ถือเป็นเงินบริจาคสูงสุดในขณะนี้
การระดมทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือ อาห์เหม็ด อัล อาห์เหม็ด สามารถระดมเงินได้แล้ว 550,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 17.3 ล้านบาท ภายในเวลา 12 ชั่วโมง
นอกจากนี้ครอบครัวกังวลว่า ด้วยอายุที่มากแล้ว พวกเขาจะไม่สามารถช่วยเหลือลูกชายในการฟื้นตัวได้
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลียช่วยเหลือพี่ชายสองคนของเขา คนหนึ่งอยู่เยอรมนีและอีกคนอยู่รัสเซีย ให้เดินทางมาออสเตรเลียเพื่อช่วยเหลืออาห์เหม็ด อัล อาเหม็ดในการฟื้นตัว
แม่ของอาเหม็ด อัล อาเหม็ดกล่าวว่า “เราต้องการให้ลูกคนอื่น ๆ ของเรามาช่วยเหลือที่นี่”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
