รีเซต

หมอธีระเปิดงานวิจัย ‘นั่งรับประทานอาหารในร้าน’ เสี่ยงโควิดสูงแม้นั่งห่างกัน

หมอธีระเปิดงานวิจัย ‘นั่งรับประทานอาหารในร้าน’ เสี่ยงโควิดสูงแม้นั่งห่างกัน
TNN ช่อง16
25 สิงหาคม 2564 ( 08:25 )
26
หมอธีระเปิดงานวิจัย ‘นั่งรับประทานอาหารในร้าน’ เสี่ยงโควิดสูงแม้นั่งห่างกัน

วันนี้ ( 25 ส.ค. 64 )ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุข้อความว่าสถานการณ์ของไทยเรานั้น ยังมีการระบาดกระจายไปทั่ว อย่างต่อเนื่อง โดยไม่สามารถตัดวงจรการรระบาดได้ ศึกที่รุนแรง ยาวนานยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชน และพอถึงจุดหนึ่งก็จะไม่สามารถยืนระยะได้ โดยฉากที่โหดสุดและไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยคงเป็นการที่ไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการเยียวยา และยอมจำนนจนต้องปล่อยให้ดำเนินชีวิตกันไป ในกรณีดังกล่าวนั้นจะไม่สามารถใช่คำสวยหรูแบบ New Normal ได้อีกต่อไป เพราะมันไม่ใช่ภาวะปกติ แต่จะเป็น New Abnormal  เกี่ยวกับเรื่องการนั่งกินในร้านอาหาร มีงานวิจัยจำนวนไม่น้อย ที่ระบุให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแพร่เชื้อโรคโควิด-19 

ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ 25 กรกฎาคม 2020 มีเคสที่มีการสอบสวนทางระบาดวิทยาแล้วพบว่าเชื่อมโยงกับการนั่งทานภายในร้านอาหาร ถึง 20 ราย โดยเป็นสายพันธุ์ที่มีลักษณะพันธุกรรมและการกลายพันธุ์ตำแหน่งเดียวกันทั้งหมด

ในขณะที่ประเทศอเมริกา มีการศึกษาตั้งแต่มีนาคมถึงธันวาคม 2020 พบว่าการประกาศนโยบายให้นั่งกินในร้านอาหารได้นั้น จะสัมพันธ์กับการเพิ่มจำนวนติดเชื้อใหม่ต่อวัน โดยจะส่งผลให้เห็นภายใน 41-100 วัน และสัมพันธ์กับจำนวนการเสียชีวิตต่อวันเพิ่มขึ้นด้วย โดยจะเห็นผลภายใน 61-100 วัน 

นอกจากนี้ การวิจัยในประเทศจีน สำรวจร้านอาหารติดแอร์ซึ่งมีเหตุการณ์แพร่เชื้อติดเชื้อในลูกค้าที่มารับประทานอาหารจำนวนทั้งสิ้น 10 คน

พบว่าแม้จะนั่งห่างกันถึง 4.6 เมตร แต่มีการติดเชื้อแพร่เชื้อได้ โดยน่าจะมาจากการระบายอากาศที่ไม่ดี และลมที่เป่าจากแอร์ที่นำพาเชื้อให้แพร่ไปได้ระยะไกล หรือที่เรียกว่าติดเชื้อไวรัสที่ฟุ้งกระจายผ่านทางอากาศ (aerosol transmission/airborne transmission)

และสุดท้ายแล้ว หากนโยบายและมาตรการต่างๆ ได้รับการประกาศมาใช้แบบผิดทิศผิดทาง ก็คงหนีไม่พ้นประชาชนแต่ละคนที่จะต้องมีความรู้เท่าทัน ป้องกันตัวให้รอดพ้นจากโรคโควิด-19 ด้วยตนเอง ไม่ให้ติดเชื้อแล้วเอาไปแพร่ให้คนในครอบครัว หรือคนอื่นในสังคม 

โดยทีมจากไต้หวันทำการวิจัยตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของทัศนคติของแต่ละคน อุปนิสัยพื้นฐาน และความยับยั้งชั่งใจ จะมีผลต่อพฤติกรรมที่เราประพฤติปฏิบัติ หากเปิด แต่รู้ว่าสถานการณ์ระบาดรุนแรงกระจายไปทั่ว แล้วยังตัดสินใจไปสัมผัสกับความเสี่ยงหรือไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการติดเชื้อ และแพร่ต่อไปตามลำดับ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ขอให้ประชาชนอย่างพวกเราทุกคน มีความรู้เท่าทัน ใช้ความรู้ที่ถูกต้องเป็นแสงส่องทางเพื่อชี้นำการตัดสินใจของเราด้วยหลักเหตุและผล

และอย่าลืมใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก ด้วยรักและห่วงใย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง