จีนประกาศ "เงินคริปโต" เป็นสิ่งผิดกฎหมาย !! ห้ามทำธุรกรรมใดที่เกี่ยวข้อง มีผลบังคับใช้ทันที

ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้ประกาศแบนการใช้เงินคริปโตภายในประเทศ ส่งผลให้โรงงานเหมืองคริปโตหลายแห่งต้องปิดทำการ รวมถึงการออกกฎมิให้ธนาคารรับแลกเปลี่ยนเงินคริปโตกับเงินหยวน ทั้งนี้ เงินคริปโตยังสามารถใช้งานได้เหมือนเดิม เพียงแต่ทางรัฐบาลจะคุมเข้มและลดการอำนวยความสะดวกลง

แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าทางการจีนได้ประกาศให้เงินคริปโตเป็นสิ่งผิดกฎหมาย นั่นหมายความว่าธุรกรรม, ซื้อขาย, การออกหน่วยลงทุน (Token) และหุ้นอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโตจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีในทันที นอกจากนี้รัฐบาลยังสามารถตรวจสอบการใช้อินเทอร์เน็ตของประชาชนในประเทศด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตนั่นเอง

หลังการประกาศของรัฐบาลจีน ส่งผลให้มูลค่าของเงินคริปโตสกุลดังอย่าง Bitcoin ลดลงทันทีกว่า 2,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 66,900 บาท ในขณะที่คริปโตในสกุลอื่น ๆ เช่น Ethereum, EOS, Litecoin หรือ Dash ก็มีมูลค่าลดลงเช่นเดียวกัน

คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน (NDRC) ซึ่งมีบทบาทในการจัดการกับเศรษฐกิจของประเทศจีน กล่าวว่าเงินคริปโตจัดเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและมีเสถียรภาพต่ำ จากมูลค่าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการได้มาซึ่งเงินคริปโตส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการทำเหมือง มีการใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมากไปอย่างสิ้นเปลืองและเกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ปริมาณมากอีกด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโลกทั้งสิ้น

NDRC ยังกล่าวอีกว่าการกระทำของจีนอาจส่งผลให้ความนิยมในเงินคริปโตลดลง อัตราการนำไปใช้ก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ จนอยู่ในจุดที่แทบจะไม่มีบทบาททางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ แม้จีนจะประกาศให้เงินคริปโตเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกมันก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนน้อยมาก เรียกได้ว่าถึงไม่มีการใช้เงินคริปโตในประเทศเลย เศรษฐกิจก็ยังเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา ในขณะเดียวกันหากยังมีเงินคริปโตในประเทศต่อไป อาจทำให้ส่งผลต่อความมั่นคงของเศรษฐกิจของประเทศจีนได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก New York Times เผยว่าประเทศจีนกำลังทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัล ซึ่งเป็นการนำเงินหยวนแบบกระดาษมาอยู่ในรูปแบบการทำธุรกรรมออนไลน์ และไม่ใช่เพียงแค่ประเทศจีนที่นำเงินสกุลหลักของประเทศเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาเองก็กำลังพัฒนาเงินดิจิทัลเช่นเดียวกัน

โดยหยวนดิจิทัลรวมถึงเงินดิจิทัลจากสกุลเงินหลักของประเทศอื่น ๆ นั้น จะมีการทำธุรกรรมคล้าย ๆ เงินคริปโตที่มีความปลอดภัยสูง แต่แตกต่างกันที่เงินดิจิทัลของประเทศต่าง ๆ จะใช้ธนาคารเป็นสื่อกลางหลักในการทำธุรกรรม ซึ่งเชื่อว่ามันช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการใช้งานได้มากกว่าเงินคริปโตที่ไม่เป็นการทำธุรกรรมแบบไม่มีสื่อกลาง

แม้จีนจะสั่งห้ามการใช้เงินคริปโตแล้ว แต่ประเทศทางฝั่งอเมริกาใต้อย่างเอลซัลวาดอร์ และปานามาเริ่มให้ความสำคัญกับเงินคริปโต จนถึงกับเปลี่ยนให้นำเงินคริปโตมาใช้เป็นเงินสกุลหลักของประเทศด้วย (ในประเทศเอลซัลวาดอร์) ซึ่งกรณีนี้คงต้องติดตามผลในระยะยาวว่าหลังการเปลี่ยนมาใช้เงินคริปโตเป็นเงินสกุลหลักแล้ว เศรษฐกิจในประเทศเหล่านี้จะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง เราก็จะได้เห็นทิศทางของเงินคริปโตได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Iflscience