สำหรับใครนะคะที่สนใจอยากจะไป Work and Travel แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมยังไง เริ่มจากตรงไหน วันนี้เราจะมาให้คำแนะนำทุกคนกันนะคะwork and travel เป็นโครงการของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่อนุญาตให้นิสิต นักศึกษามหาวิทยาลัยต่างชาติเดินทางและทำงานภายในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 3-4 เดือน โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะมีอายุมากกว่า 18 ปี และกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมหาวิทยาลัยค่ะ โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ spring กับ summer สามารถเลือกช่วงได้ตามการเปิด-ปิดของมหาวิทยาลัยส่วนตัวเรานะคะเคยไป work and travel มาแล้ว 1 ครั้งถ้วนค่ะแต่ว่าสนุกมากและชอบมาก แล้วตอนนี้ก็กำลังเตรียมตัววางแผนจะไป work and travel อีก 1 ครั้ง เลยถือโอกาสมาแนะนำสำหรับคนที่กำลังจะไป work and travel ครั้งแรกแรกนะคะ เลือก Agency ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญพอสมควรเลยค่ะ เนื่องจากว่าการเลือก Agency นั้นจะส่งผลต่องานที่เราเลือก การดำเนินการเอกสาร รวมไปถึงคิวสัมภาษณ์วีซ่าด้วยค่ะ การเลือก Agency อาจจะเลือกจากการถามรุ่นพี่ที่เคยไปหรือไม่ก็ลองหาอ่านรีวิวจากในกลุ่มบนเฟสบุ๊คก็ได้ค่ะ แต่สำหรับเราแล้ว เราคิดว่า Agency แต่ละที่ก็คล้าย ๆ กันค่ะ แต่จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดตรงเรื่องคิวสัมภาษณ์วีซ่า แต่แอบกระซิบว่าตอนนั้นที่เราไปเราเลือกจากการตอบไลน์ค่ะ Agency ไหนตอบไลน์เร็วกว่าเราเลือก Agency นั้นค่ะสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยส่วนมากแต่ละ Agency จะมีการวัดระดับภาษาอังกฤษของผู้เข้าร่วมโครงการก่อนค่ะ เพราะว่าบาง Agency ระดับภาษามีผลต่อการเลือกงานค่ะ ขอย้ำนะคะ "บาง Agency เท่านั้นค่ะ" โดยการวัดระดับภาษาก็จะออกไปในแนวเหมือนการคุยเล่นกันมากกว่าค่ะ คำถามก็จะประมาณว่า ทำไมถึงอยากไป work and travel เวลาว่างทำกิจกรรมอะไร ชอบศิลปินคนไหน ออกแนวคำถามแบบสุ่มๆประมาณนี้ค่ะเลือกเมือง+เลือกงาน ขั้นตอนนี้บอกเลยว่าเลือกได้ตามสบายเลยค่ะ อยากไปเที่ยวที่เมืองไหนก็เลือกทำงานที่เมืองนั้น อยากได้รายได้เท่าไหร่ก็เลือกได้จากงานที่ Agency มีให้ได้เลยค่ะ ความแตกต่างของงานแต่ละอย่างนะคะนอกจากจะเป็นประเภทของงานแล้วก็ยังมีในส่วนของเรื่อง รายได้ค่ะ รายได้ในความเห็นส่วนตัวของเรานะคะ เรทปกติทั่วไปจะอยู่ที่ $10-$13 ต่อชั่วโมงค่ะ เรทที่สูงก็จะเป็น $13 ขึ้นไปค่ะ นอกจากรายได้แล้วก็จะมีเรื่อง ค่าบ้านพักค่ะ ค่าบ้านพักที่นี่จะจ่ายเป็นต่อสัปดาห์ ต่อ2สัปดาห์แล้วแต่ที่ค่ะ ถ้าเราเลือกทำงานในเมืองใหญ่ๆค่าครองชีพสูง ค่าบ้านพักของเราก็จะสูงตามค่ะ โดยเฉลี่ยแล้วค่าบ้านพักปกติจะอยู่ที่สัปดาห์ละ $100-$125 ค่ะ แต่งานที่ไม่เสียค่าบ้านพักเลยก็มีนะคะแต่น้อยมาก ใครเจองานที่ไม่ต้องเสียค่าบ้านพักก็ถือว่าโชคดีสุดๆเลยค่ะสัมภาษณ์งาน อย่าพึ่งตกใจไปนะคะว่าจะสัมภาษณ์ยากมั้ย ขอบอกเลยค่ะว่าง่ายมากๆค่ะ แค่เราเตรียมตัวมายังไงก็ผ่านแน่นอนค่ะ คำถามส่วนมากที่เจอก็เป็น ทำไมถึงอยากทำงานนี้ อยากทำตำแหน่งอะไร ประมาณนี้เลยค่ะ ไม่ได้ยากเหมือนที่คิดแน่นอนสัมภาษณ์วีซ่า เมื่อสัมภาษณ์งานผ่านแล้ว ได้รับเอกสารครบแล้ว เราก็จะไปสัมภาษณ์วีซ่ากันค่ะ ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าสำคัญมากเลยค่ะ เป็นขั้นตอนชี้ชะตาเลยว่าจะได้ไปหรือไม่ จุดที่หินที่สุดในการสัมภาษณ์ก็คือการยืนยันว่าเมื่อจบโครงการแล้วเราจะกลับมายังประเทศไทยอย่างแน่นอน กรณีที่เป็นนิสิตนักศึกษาปี 1 2 และ 3 ก็จะไม่มีปัญหาตรงจุดนี้ค่ะ เน้นตอบให้ตรงคำถามและไม่ตอบสั้นเกินไปก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้ากรณีที่เป็นนิสิต นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ส่วนมาก็จะมีการนำใบ Job offer ไปแสดงให้ท่านทูตเห็นว่าเมื่อจบโครงการแล้วเราจะกลับมาทำงานที่ประเทศไทยตามในใบ Job offer อย่างแน่นอนค่ะ โดยวีซ่าที่เราใช้สำหรับการไป work and travel คือวีซ่า J-1 ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นวีซ่าที่ขอได้ง่ายที่สุดแล้วเพียงแค่แสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าเราจะกลับมายังประเทศไทย ไม่โดดวีซ่าอย่างแน่นอน เพียงแค่นั้นยังไงก็สัมภาษณ์ผ่านฉลุยเลยค่ะเมื่อสัมภาษณ์วีซ่าผ่านเรียบร้อยแล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนค่ะ เตรียมจองตั๋วเครื่องและแพ็คกระเป๋าบินไปอเมริกากันได้เลย สิ่งที่อยากจะแนะนำให้พกใส่กระเป๋าไปเยอะๆนะคะก็เป็นพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผงปรุงรสต่างๆ เครื่องปรุงสำหรับการทำอาหารค่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงละก็ถ้าในกระเป๋าที่เหลือก็อยากจะให้ซื้อพวกผ้าอนามัยไปด้วยเลย เพราะที่นู่นผ้าอนามัยแบบแผ่นแอบหายากแล้วก็ราคาสูงค่ะ ส่วนพวกของใช้สบู่ แชมพู แนะนำว่าซื้อแบบ travel size ไปก่อนแล้วค่อยไปซื้อเพิ่มที่นู่นจะดีกว่าส่วนยาสีฟัน แปรงฟันเป็นไปได้ก็ซื้อไปเลยค่ะแต่อาจจะซื้อยาสีฟันหลอดเล็กสำหรับเอาขึ้นเครื่องไปด้วย สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือที่ฉีดก้นแบบพกพาค่ะ เนื่องจากห้องน้ำที่อเมริกาไม่มีสายฉีดก้นเหมือนที่บ้านจึงอาจจะทำให้ไม่สะดวกสบายเท่าห้องน้ำที่บ้านเราค่ะ อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญค่ะ อย่าลืมเช็คสภาพอากาศและเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศด้วยนะคะจากประสบการณ์การไป work and travel ของเรานะคะขั้นตอนการเตรียมตัวนั้นไม่ยากเลยค่ะ ตอนนั้นจำได้เลยว่าหนักใจอยู่แค่ 2 เรื่องค่ะ คือเลือก Agency กับเลือกงานค่ะ ขั้นตอนการวัดระดับภาษากับการสัมภาษณ์ต่าง ๆ เราเน้นเป็นการเกร็งคำถามที่คิดว่าเขาจะถามแล้วเตรียมคำตอบไว้ค่ะ ฝึกพูดคำตอบของเราที่เตรียมไว้ให้คล่องที่สุด พูดด้วยความมั่นใจไม่ตะกุกตะกัก แล้วก็ยิ้มเวลาพูดด้วยแค่นั้นเลยค่ะ เครดิตรูปภาพ ภาพปกและภาพประกอบที่ 2.1 และ ภาพปกและภาพประกอบที่ 2.2 โดย Pexels จาก Pixabayภาพปกและภาพประกอบที่ 2.3 โดย David Mark จาก Pixabay ภาพปกและภาพประกอบที่ 2.4 โดย Yinan Chen จาก Pixabay ภาพประกอบ1 โดย oeg/higher/At home/New step/ihappy/american learning/Acadex/IEEภาพประกอบ3 โดย Stefan Schweihofer จาก Pixabay ภาพประกอบ4.1 โดย ai subarasiki จาก Pixabay ภาพประกอบ4.2 โดยนักเขียนภาพประกอบ4.3 โดย Yong Wang จาก Pixabay ภาพประกอบ4.4 โดย กิตติ รัชทาณิชย์ จาก Pixabay อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !