SEAFCO-PYLON มีแบ็กล็อกเต็มมือ งานใหม่รอชิงเพียบ

#รับเหมาฐานราก #ทันหุ้น – เจาะผลงานกลุ่มรับเหมาฐานราก SEAFCO-PYLON พร้อมเทิร์นอะราวด์ คาดไตรมาส 4/2565 เป็นไตรมาสที่ผ่านจุดอ่อนแอสุด จับตาไตรมาส 1/2566 เริ่มเห็นความคืบหน้าของงานในมือมากขึ้น ดันปี 2566 กลับมาโดดเด่น จากการรับรู้งานในมือเพิ่ม แถมลุ้นรับงานใหม่เติมพอร์ตต่อเนื่อง
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ส่งผลต่องานประมูลงานใหม่ที่ล่าช้า และการขาดแคลนแรงงานซึ่งมีผลกระทบต่อผลประกอบการในช่วง 2 ปี (ปี 2564-2565) ที่ผ่านมาอย่างไรก็ดี ภาครัฐได้มีการอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ เช่น งานทางด่วน งานรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย รวมถึงภาคเอกชน เริ่มมีการจ้างงาน
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งหนุนงานในมือของทั้ง บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO และบริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON อยู่ในระดับ 1.6-1.7 พันล้านบาท สอดคล้องกับการรับรู้รายได้และผลประกอบการที่เริ่มพลิกฟื้นในปี 2566
ทั้งนี้คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ของกลุ่มผู้รับเหมาฐานราก จะเป็นไตรมาสที่ผ่านจุดอ่อนแอสุด ขณะที่ในไตรมาส 1/2566 ทั้ง SEAFCO และ PYLON จะเริ่มเห็นความคืบหน้าของงานในมือที่มากขึ้นซึ่งส่งผลดีต่อการฟื้นตัวต่อเนื่องของผลประกอบการ ในปี 2566
*SEAFCO เริ่มมีกำไรอีกครั้ง
โดยคาดผลประกอบการไตรมาส 4/2565ของ SEAFCO จะมีผลขาดทุนปกติราว 10.6 ล้านบาท เป็นผลขาดทุนที่ลดลงทั้ง YoY, QoQ โดยมีการรับรู้รายได้ราว 251 ล้านบาท (-12%YoY, +72%QoQ) เติบโต QoQ ค่อนข้างมาก จากความคืบหน้าของงาน โครงการทางด่วนพระราม 2 บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ซึ่งสามารถทางานได้คืบหน้ามากขึ้น รวมถึงงานโครงการ Tenth Avenue และคาดว่าจะเริ่มเห็นอัตรากำไรขั้นต้นราว 5.7% โดยเราคาดเป็นไตรมาสสุดท้ายที่มีผลขาดทุน
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/2566 คาดจะเริ่มเห็นผลประกอบการพลิกฟื้นและเริ่มมีกำไรอีกครั้ง จากความคืบหน้าของงานทำได้มากขึ้นหลังปัญหาจากการขาดแคลนแรงงานได้รับการแก้ไขประกอบกับการเริ่มต้นงานใหม่เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย และงานโครงการ North Plot เริ่มรับรู้รายได้ ซึ่งทำให้เห็นผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งจากรายได้ และอัตรากำไรขั้นต้น โดยประเมินผลประกอบการปี 2566 ของบริษัทเริ่มมีกำไรปกติราว 93 ล้านบาท จากปี 2565 ที่คาดมีผลขาดทุน 150 ล้านบาท
แม้ว่าผลประกอบการปี 2565 จะมีผลขาดทุน ซึ่งมีผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้งานมีความล่าช้า และขาดแคลนแรงงาน อย่างไรก็ดีในปี 2566 SEAFCO มีปัจจัยหนุนจาก 1.ผลประกอบการที่ค่อยๆ เห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องโดยการรับรู้รายได้มีงานในมือปัจจุบันที่ 1.7 พันล้านบาท รองรับ 2.มีโอกาสจากการรับงานใหม่เพิ่ม โดยรวมของ SEAFCO ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 4.30 บาท (อ้างอิง P/BV-1SD ที่ 2.06 เท่า)
*PYLON แบ็กล็อกแน่น
ขณะที่คาดผลประกอบการ 4/2565 ของ PYLON ลดลงทั้ง YoY, QoQ คาดมีกำไรปกติเบาบางเพียง 3.9 ล้านบาท (-77% YoY, -90%QoQ) ผลกระทบหลักจาก รายได้ที่ลดลง จากงานใหม่ที่ 2 โครงการ วงเงิน รวม 600 ล้านบาท เข้างานได้ช้ากว่าที่กำหนดเดิมคือ เดือนพฤศจิกายนเป็นเริ่มในกลางเดือนธันวาคม ทำให้มีผลกระทบต่อการรับรู้รายได้ที่ชะลอออกไป โดยคาดบริษัทจะมีรายได้ราว 150 ล้านบาท (-39%YoY, -43%QoQ) สาเหตุจากการอนุมัติ EIA ที่ล่าช้า ส่งผลอัตรากำไรขั้นต้นที่เหลือเพียง 8.5% ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังคงเดิม จากผลกระทบของผลประกอบการไตรมาส 4/2565 มีผลทำให้ปี 2565 อยู่ที่ 120 ล้านบาท จะน้อยกว่าที่คาดราว 29%
ระยะสั้นผลประกอบการในไตรมาส 4/2565 มีแรงกดดันจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ถือเป็นไตรมาสที่อ่อนแอสุดของปี อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 1/2566 เริ่มเห็นการพลิกฟื้นของผลประกอบการที่ชัดเจน บริษัทมีงานในมือราว 1.6 พันล้านบาท และโอกาสรับงานใหม่ยังมีต่อเนื่องจาก งานของกลุ่มลูกค้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงงานจากโครงสร้างขนาดใหญ่ และการเริ่มงานรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ที่คาดเริ่มงานได้ในครึ่งปีหลัง 2566 เป็นปัจจัยหนุน คงประมาณการกำไรปกติของปี 202 ล้านบาท และราคาเหมาะสม ปี 2566 ที่ 5.10 บาท (อ้างอิง P/E 19 เท่า น้อยกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 21 เท่า)