เทคโนโลยีกำจัดวัชพืช และแปรรูปผลผลิตเหลือทิ้ง | TNN Tech Reports
หนึ่งปัญหาสำคัญในการทำการเกษตร คือ วัชพืช ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในพื้นที่ไร่นาสวน ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของเกษตรกร เนื่องจากวัชพืชเหล่านี้มักสร้างความเสียหายได้ เช่น แย่งอาหารในดิน จนอาจทำให้พืชผลผลิตหลักล้มตาย หรือไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ ซึ่งวิธีการกำจัดแบบทั่วไปที่สามารถทำได้ง่ายที่สุดคือ การดึงวัชพืชออกจากดินด้วยมือเปล่า แต่ด้วยพื้นที่ทำการเกษตรที่มีบริเวณกว้าง อาจจะทำให้เกษตรกรเสียเวลา และเปลืองแรงในการค้นหา ขณะที่อีกวิธีที่ได้รับความนิยม คือการพ่นสารเคมี แต่ก็มีข้อเสียคือมีอันตรายกับร่างกายเกษตรกรเมื่อสารเคมีสัมผัสตัว
ด้วยสาเหตุทั้งหมดนี้ จึงทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ เป็นเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยเกษตรกรกำจัดวัชพืชในแปลงเพาะปลูกได้ง่ายมากขึ้น ทุ่นแรง ลดอันตราย ประหยัดเวลา และช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านผลผลิต
Greeneye
Greeneye เป็นการพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืช เฉพาะในบริเวณที่ตรวจพบวัชพืชเท่านั้น พัฒนาโดยบริษัท Greeneye Technology บริษัทสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีการเกษตรในประเทศอิสราเอล โดยเทคโนโลยีการพ่นสารเคมีเฉพาะจุดนี้ เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ กล้องตรวจจับอัตโนมัติและระบบปัญญาประดิษฐ์เข้าไว้ด้วยกัน
ซึ่งเทคโนโลยี Greeneye จะถูกติดตั้งเข้ากับรถแทรกเตอร์บรรทุกขนาดใหญ่ ที่เคลื่อนไปด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสารเคมีจะถูกส่งไปตามสายยางขนานไปกับตัวรถ บริเวณหัวฉีดพ่นสารเคมีจะมีกล้องตรวจจับพิเศษ ที่ประมวลผลด้วย AI สามารถแยกแยะพื้นดิน ต้นพืช และวัชพืชออกจากกันได้ และเมื่อตรวจพบวัชพืชก็จะทำการพ่นสารเคมีลงไปบริเวณลำต้นของวัชพืชในปริมาณที่ถูกคำนวณไว้อย่างเหมาะสม
สารเคมีที่ถูกพ่นจะไม่ไปรบกวนต้นพืชหรือกระจายไปบริเวณอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง วิธีการนี้เหมาะสำหรับการทำแปลงเกษตรขนาดใหญ่ มีเนื้อที่กว้าง สามารถช่วยเกษตรกร ลดต้นทุนการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชลงได้ และแน่นอนว่าจะช่วยลดปริมาณสารเคมีที่กระทบต่อสภาพแวดล้อมได้ด้วย
นอกจากนี้ ระบบยังสามารถตรวจนับผลผลิตทางการเกษตร ระบุพืชที่อาจมีลักษณะของโรค โดยข้อมูลทั้งหมดถูกส่งเข้าสู่ส่วนกลางเพื่อจัดสร้างแผนที่และประเมินผลภาพรวมด้านต่าง ๆ ของแปลงเกษตร จนถึงตอนนี้ Greeneye เปิดขายเชิงพาณิชย์ไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 เน้นกลุ่มลูกค้าผู้ทำแปลงเกษตรขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิต และจำหน่ายทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2023
Titan
Titan คือหุ่นยนต์กำจัดวัชพืชอัตโนมัติ ที่สามารถแยกต้นพืชและวัชพืชออกจากกันได้ เป็นการพัฒนาจาก FarmWise บริษัทด้านพัฒนาระบบการเกษตรที่ยั่งยืนจากสหรัฐอเมริกา ด้วยการประสานการทำงานผ่านระบบ AI และหุ่นยนต์อัตโนมัติ
ทำงานจากกล้องที่ติดใต้ท้องรถ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าต้นพืชในแปลงเพาะปลูก ระบบ AI จะประมวลภาพถ่ายและวิเคราะห์ แยกแยะผลผลิตกับวัชพืช จากนั้นมันจะสั่งให้ใบมีดที่ติดตั้งอยู่ทำลายวัชพืช และใบมีดนี้ก็ยังสามารถพรวนดินหรือขุดดินได้ด้วย ปัจจุบัน หุ่นยนต์กำจัดวัชพืช Titan ให้บริการแบบเช่าอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐแอริโซนา สหรัฐฯ
Tom, Dick, และ Harry
Tom, Dick, และ Harry คือหุ่นยนต์กำจัดวัชพืชด้วยไฟฟ้า ที่ไม่ต้องใช้สารเคมี พัฒนาโดยบริษัท Small Robot Company ที่ประเทศอังกฤษ บทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Tom เพราะว่า Dick และ Harry ยังคงอยู่ในระหว่างการทดสอบ ซึ่งเจ้า Tom เป็นหุ่นยนต์ตัวแรกของบริษัทและได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ถูกนำไปทดสอบที่ฟาร์ม 3 แห่ง ในประเทศอังกฤษ
จุดเด่นของเจ้าหุ่นยนต์ Tom คือสามารถทำงานกำจัดวัชพืชด้วยการช็อตไฟฟ้าเฉพาะจุดในพื้นที่ 20 เฮกตาร์ หรือประมาณ 125 ไร่ ต่อวัน บริษัทผู้พัฒนาเคลมว่าวิธีการดังกล่าวสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ 40% และเป็นการลดใช้สารเคมีลงได้ 95% จะนำมาใช้งานเต็มรูปแบบภายในปี 2023 คิดค่าบริการตามขนาดของพื้นที่การเกษตร เช่น 568 ดอลลาร์ฯ หรือ 21,600 บาท ต่อพื้นที่ 1 ไร่
MoEa
MoEa คือรองเท้าแห่งอนาคตเพราะมันผลิตจากเศษผักผลไม้ ไม่มีส่วนของพลาสติกใด ๆ นอกจากช่วยลดโลกร้อนแล้ว ยังช่วยลดปัญหาขยะอาหารได้ เป็นการพัฒนาจากแบรนด์ในประเทศอิตาลี ซึ่งรองเท้าผ้าใบแต่ละคู่ประกอบด้วยพืชและผักผลไม้ประมาณ 49% ของตัวรองเท้า โดยพื้นรองเท้าด้านในทำจากเส้นใยไม้รีไซเคิล 100% ช่วยระบายอากาศดี ส่วนซับในรองเท้า ทำจากผ้าไม้ไผ่รีไซเคิล สามารถดูดซับความชื้นได้ และเชือกรองเท้าผ้าที่ทำขึ้นจากฝ้ายออร์แกนิก
กระบวนการผลิตรองเท้าจะเริ่มจากการนำเศษผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล ข้าวโพด เปลือกสับปะรด องุ่น หรือพืชที่เหลือทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม มาผสมกับฝ้าย สารโพลียูรีเทนชีวภาพ เพื่อสร้างวัตถุดิบชีวภาพชนิดใหม่ ที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าวัสดุเดิมคือพลาสติก หรือหนังสัตว์ โดยสามารถรีไซเคิลได้ แต่ขณะเดียวกันก็ยังทนทาน มีคุณสมบัติเหมือนกับหนังสัตว์ สนนราคาคู่ละ 154 ดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 5,800 บาท
Oyasai Crayons
Oyasai Crayons คือดินสอสีที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเจือปน ต่างจาก ดินสอสีทั่วไป ที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียม สารเคมีที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยเป็นการพัฒนาจากบริษัทในประเทศญี่ปุ่น ใช้วัสดุที่เหลือใช้จากธรรมชาติทั้งหมด เช่น น้ำมันรำข้าวและขี้ผึ้งจากรำข้าว ซึ่งได้มาจากกระบวนการขัดสีข้าว ในส่วนของเม็ดสีก็จะมาจากสกัดสีของใบชั้นนอกของเศษผักที่มักจะถูกทิ้งหลังการเก็บเกี่ยว เช่น มันเทศญี่ปุ่น หัวหอมสีเขียว มันฝรั่งยาว ข้าวโพด แครอทหิมะ แอปเปิ้ล หรือมันม่วง